สหรัฐฯ ขายอาวุธไต้หวันมูลค่า 11,000 ล้านเหรียญ รวมขีปนาวุธพิสัยกลาง

สหรัฐฯ อนุมัติจำหน่ายอาวุธครั้งใหญ่ให้ “ไต้หวัน” มูลค่ารวมกว่า 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 3.46 แสนล้านบาท) รวมถึงขีปนาวุธพิสัยกลาง, ฮาววิตเซอร์ และโดรน เพื่อรับมือภัยคุกคามจากจีน
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศการจำหน่ายอาวุธครั้งใหญ่ให้ไต้หวันระหว่างการแถลงนโยบาย (national address) ผ่านทางโทรทัศน์เมื่อเย็นวันพุธ (17 ธันวาคม) ตามเวลาท้องถิ่น
ในการแถลงดังกล่าว ทรัมป์พูดถึงนโยบายการต่างประเทศเพียงเล็กน้อย และไม่ได้กล่าวถึงเรื่องจีน หรือไต้หวันใด ๆ ท่ามกลางสถานการณ์ความสัมพันธ์ที่ขึ้น ๆ ลง ๆ ระหว่างสหรัฐฯ และจีน ในระหว่างการดำรงตำแหน่งสมัยที่ 2 ของทรัมป์
ข้อตกลงการจำหน่ายอาวุธ 8 ฉบับที่ขายให้ไต้หวัน ประกอบด้วย
- ระบบจรวดปืนใหญ่เคลื่อนที่ หรือ HIMARS จำนวน 82 ชุด
- ระบบขีนปาวุธทางยุทธวิธี หรือ ATACMS จำนวน 420 ชุด
มูลค่ากว่า 4,000 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 1.2 แสนล้านบาท
(คล้ายกับที่ส่งมอบให้กับยูเครนในยุคของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดนเพื่อใช้สำหรับการป้องกันตัวเองจากรัสเซีย)
- ระบบฮาววิตเซอร์ (howitzer) และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง 60 ชุด มูลค่ากว่า 4,000 ล้านดอลลาร์ (1.2 แสนล้านบาท)
- โดรน มูลค่ารวมกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ (3.1 หมื่นล้านบาท)
- ซอฟท์แวร์การทหาร มูลค่ากว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ (3.1 หมื่นล้านบาท)
- จรวดต่อสู้รถถัง Javelin และ ขีปนาวุธ TOW มูลค่ากว่า 700 ล้านดอลลาร์ (2.1 หมื่นล้านบาท)
- ชิ้นส่วนเฮลิคอปเตอร์ และอื่น ๆ
ด้านกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์อีกฉบับระบุว่า การจำหน่ายอาวุธครั้งนี้ มีขึ้นเพื่อ “ผลประโยชน์ของชาติ เศรษฐกิจ และความมั่นคงของสหรัฐฯ โดยสนับสนุนความพยายามอย่างต่อเนื่องของประเทศผู้ซื้อ เพื่อปรับปรุงกองกำลัง และรักษาขีดความสามารถในการป้องกันประเทศ, สร้างเสถียรภาพภาพทางการเมือง, สร้างความสมดุลทางการทหาร ตลอดจนความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจในภูมิภาค”
ภายใต้กฎหมายการป้องกันประเทศประจำปี 2026 (National Defense Authorization Act) ที่เพิ่งผ่านวุฒิสภาเมื่อวันพุธ สหรัฐฯ มีภาระผูกพันในการช่วยไต้หวันเพื่อปกป้องตนเอง แต่ประเด็นดังกล่าวทำให้จีนไม่พอใจอย่างมาก และเคยประกาศว่าจะยึดไต้หวันด้วยกำลังหากจำเป็น
อย่างไรก็ตาม เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำกรุงวอชิงตันกล่าวประณามกฎหมายดังกล่าว โดยชี้ว่า กฎหมายนี้พุ่งเป้าว่า “จีน คือผู้รุกราน” และจีนขอต่อต้านเรื่องนี้อย่างหนักแน่น
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
