การเข้าใจตัวเองเป็นทักษะที่สำคัญกับตัวผม มันช่วยในการดำเนินชีวิตของผมเอาไว้มาก เพราะการเข้าใจตัวเองช่วยทำให้เราตัดสินใจได้อย่างยอดเยี่ยมในสถานการณ์ยาก ๆ ที่เราจะเลือกตอบให้ตัวเองอย่างเด็ดขาดและไม่สับสนว่า เราต้องการอะไร หรือเราต้องการจะทำอะไรไปทำไม? และผมคิดว่าทุกคนควรที่จะเกิดความเข้าใจในตัวเองไม่มากก็น้อยครับ เพราะเวลาอันแสนมีค่าอาจสูญเสียไปในสิ่งที่เราก็ไม่ได้ชอบมันจริง ๆ ก็ได้ รูปจาก https://www.pexels.comบทความ how to นี้ เป็นเพียงแนวคิดที่ผมใช้แล้วเกิดผลจริงกับตัวผมนะครับ แต่ไม่รู้ว่าจะเกิดผลสำเร็จกับท่านผู้อ่านหรือไม่ อย่างไรก็ตามแต่ ขอให้เลือกอันที่เข้ากับแนวทางตัวเองได้โดยไม่ฝืนนะครับ รูปจาก https://www.pexels.com1.การเขียนอัตชีวประวัติของตัวเอง หรือการเขียนไดอารี่ประจำวันมันเป็นอุปกรณ์หรือวิธีการง่าย ๆ ที่จะทำให้เรารู้จักตัวเองมากขึ้นทุกวันครับ ก่อนอื่นผมขอเล่าอย่างนี้ครับว่า ผมเป็นมนุษย์ที่ค่อนข้างจะมีบุคลิกไม่ซ้ำกันทุกวัน ผมจึงเริ่มต้นการเขียนไดอารี่ตั้งแต่อายุสิบแปด เพื่อสำรวจว่าแต่ละวันผมมีความคิดอย่างไรบ้าง ก็เหมือนกับนักเดินทางที่ต้องมีแผนที่น่ะครับ ผมเขียนเพื่อให้รู้ว่า เราเป็นคนแบบนี้ตอนที่เจอกับเหตุการณ์อะไร แล้วเราดีขึ้นไหมหรือเรารู้สึกแย่กับอะไรบ้าง เมื่อผมจดบันทึกไปได้หนึ่งปี ผมได้ค้นพบครับว่า เราได้เปลี่ยนตัวเองไปทุกวัน เราในวันนี้คิดไม่เหมือนเราในอดีต บางทีก็เป็นคนใหม่ไปเลย เพราะเราเรียนรู้เพิ่มขึ้นทุกวันถ้าจะถามว่า แล้วเราจะเข้าใจตัวเองไปทำไมในเมื่อเราก็เปลี่ยนแปลงไปในทุกวัน ผมมีความคิดแบบนี้ครับว่า ทุกครั้งที่เราเปลี่ยนและเรารับรู้ถึงสาเหตุว่าเราผ่านอะไรมา ผ่านโครงสร้างแบบไหน ผ่านความคิดแบบไหน นั่นหมายความว่าเรากำลังเข้าใจตัวเองมากขึ้นและดำเนินไปในวิถีทางของตัวเองมากขึ้น การจดบันทึกไดอารี่จะไม่ทำให้เราสับสนว่าเราถอยหลังกลับ เพราะว่าเราได้สร้างหลักฐานให้ตัวเองแล้ว เราสามารถมาเช็คตัวเองได้เรื่อย ๆ ทุกครั้งเวลาที่เรารู้สึกสับสน เพิ่มเติมก็คือการเขียนไดอารี่ทำให้เราได้ยินเสียงในหัวของตัวเองทุกวัน ไม่แปลกที่จะรู้ความต้องการของตัวเองครับ รูปจาก https://www.pexels.com2.การสร้างอิคิไกของตัวเอง และการทำ SWOT Analysis กับตัวเองครับคุณชอบตัวเองตอนนี้หรือยัง? อะไรคือเหตุผลที่เราตื่นมาตอนเช้า(หรือตอนเย็น?) ผมเป็นคนหนึ่งที่เคยรู้สึกว่าเจ้างานที่เราทำอยู่ เราชอบงานนี้ เรารักงานนี้จนยอมตายเพื่อมันได้เลย แต่ว่าเราจะมีความสุขจริงหรือ ถ้าสิ่งที่เรารัก มันไม่รักเรา? ผมจึงทบทวนตามหลักคิดของอิคิไกครับว่าควรทำให้ทุกอย่างเชื่อมโยงกัน ทั้งสิ่งที่เรารัก สิ่งที่เราทำได้ดี สิ่งที่โลกต้องการ และสิ่งที่สร้างรายได้ให้เราผมจึงเริ่มทำ SWOT Analysis กับตัวเองนี่แหละครับ วิเคราะห์จุดอ่อนจุดแข็ง โอกาสและปัญหา เพื่อพัฒนาหาทางประยุกต์ให้สิ่งที่รักและถนัด พัฒนาให้เข้ากับสังคมและโลก ไปสู่การสร้างรายได้เพื่อเลี้ยงตัวเองและครอบครัว และเมื่อถึงจุดนั้นผมว่าผมคงรู้จัก อิคิไก ของตัวเองอย่างแท้จริงแล้ว รูปจาก https://www.pexels.com3.การทำกิจกรรมที่แตกต่างหลากหลายมีส่วนช่วยทำให้เราคัดแยกสิ่งที่เราชอบและไม่ชอบ สิ่งที่เราทำได้ดีและไม่ดีออกจากกันได้มากเลยครับ อันนี้ผมขอเล่าในมุมของตัวเองว่าผมโชคดีที่ผ่านโครงสร้างซึ่งช่วยทำให้ผมได้ทำหลายอย่าง จนผมตัดเจ้าสิ่งที่ผมไม่ชอบออกไปได้และได้เจอสิ่งที่เป็นตัวเองจริง ๆ จะว่าไปตอนที่ไม่รู้จะทำอะไร หรือมีใครให้ทำก็ทำไปก่อนน่ะครับ สนใจอะไรก็ตามกระแสไปก่อนน่ะครับ จนรู้อีกทีก็เจอว่าเราควรหยุดอยู่กับอะไร หรือเราเจอตัวเราที่เราพอใจแล้วจริง ๆสรุปท้ายสุด ไม่ว่าเราจะรู้จักตัวเองมากแค่ไหน แต่การรู้จักตัวเองก็คือรู้จักตัวเองครับ เช่นรู้ว่า ชอบทานของหวาน ชอบกินชาบู หรือกลัวผี กลัวแมลง นั่นก็รู้จักตัวเองครับ บางคนไม่มีความฝันก็มีความสุขได้ บางคนไม่มีเป้าหมายใหญ่ในชีวิต มีเป้าหมายเล็ก ๆ ก็มีความสุขได้ เพราะฉะนั้นเราก็ค่อย ๆ เดินสู้ไปด้วยกันนะครับ ไม่ต้องไปนั่งวิตกอะไรหรอกครับ รูปจาก https://www.pexels.com