สกัดโควิด! เมียนมา สั่งกักกันโรคประชาชนหลายหมื่นคน

วันนี้( 24 ก.ย.63) สำนักข่าวรอยเตอรส์รายงานว่า มีชาวเมียนมามากกว่า 45,000 คน ซึ่งมีทั้งผู้ป่วยโควิด-19 และคนที่รอการตรวจหาเชื้อ บุคคลใกล้ชิดผู้ติดเชื้อและแรงงานกลับถิ่นฐาน ที่อยู่ภายใต้มาตรการกักกันโรค โดยคนเหล่านี้ถูกนำไปกักกันโรคตามอาคารต่างๆของโรงเรียน วัด ไปจนถึงอาคารราชการ และหอพักต่างๆ

ทั้งรัฐบาลเมียนมา สั่งกักกันโรคทั้งผู้ที่ไม่แสดงอาการและผู้ที่มีอาการป่วยเล็กน้อย โดยมีเป้าหมายเพื่อยับยั้งการระบาดซึ่งจะส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณสุขของประเทศที่อ่อนแออยู่แล้ว

บรรดาผู้นำชุมชนของเมียนมาบอกกับสำนักข่าวรอยเตอรส์ว่า ทางการได้สั่งให้มีการเปลี่ยนโรงเรียนและวัดเป็นศูนย์กักกันโรค เพราะโรงพยาบาลต่างๆกำลังเผชิญปัญหาคนไข้ที่มากขึ้นเรื่อยๆ

หัวหน้าเขตออคคาลาพาใต้ ยกตัวอย่างว่า ในตอนแรก คนไข้จะได้รักษาตัวในโรงพยาบาล แต่ต่อมากลับพบว่า คนในครอบครัวของคนไข้ระหว่าง 5-8 คนก็ติดเชื้อด้วยทำให้โรงพยายาลไม่สามารถรองรับคนเหล่านี้ได้เพิ่ม จึงมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนโรงเรียนเป็นศูนย์กักกันโรคแทนในช่วงที่โรงเรียนถูกสั่งปิด

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า มาตรการคุมเข้มสูงสุดนี้อาจให้ผลตรงกันข้ามได้เช่นกัน เมื่ออาคารต่างๆที่ถูกเปลี่ยนเป็นศูนย์กักกันต้องรับภาระอันหนักอึ้งเมื่อผู้คนจำนวนมากมาอยู่รวมกัน

ทั้งนี้ เมียนมาติดอยู่ในโผประเทศที่มีระบบสาธารณสุขที่อ่อนแอที่สุดแห่งหนึ่งของโลก หลังอยู่ภายใต้การปกครองของกองทัพมาหลายทศวรรษและขาดการลงทุนด้านโครงสร้างสาธารณสุขที่เพียงพอ

ขณะที่ วันนี้เมียนมายืนยันผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวน 535 คน ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 7,827 และเสียชีวิต 133 ราย ส่วนจำนวนผู้ที่เข้ากักกันโรคในเดือนสิงหาคมอยู่ที่ 19,000 ราย และเพิ่มมากกว่าครึ่งไปอยู่ที่มากกว่า 45,000 ราย ณ วันที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา 

เกาะติดข่าวที่นี่