กูรูคัดหุ้นงบดีธีมชัด BBIK-IMH-SPA เด่น

#BBIK-IMH-SPA #ทันหุ้น – โบรกฉายภาพตลาด mai มองความน่าสนใจเริ่มลดลง พร้อมปรับน้ำหนักการลงทุนเป็น Underweight แต่ยังเลือกลงทุนได้ แนะหุ้นมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว เติบโตดี มีธีมลงทุนชัด คัดหุ้นเด่น BBIK, DPAINT, IMH, MTW และ SPA
บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ กำไรสุทธิไตรมาส Q3/2565 ของ mai อยู่ที่ 2,082 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36% QoQ แต่ลดลง 31%YoY กลุ่มที่ยังโตทั้ง QoQ และ YoY คือ สินค้าเกษตร+อาหาร กลุ่มที่โต YoY ต่อเนื่องคือ เทคโนโลยี ส่วนกลุ่มที่ลดลงทั้ง QoQ และ YoY คือ สินค้าอุตสาหกรรม
ส่วนกลุ่มที่ลดลงทั้ง QoQ และ YoY คือ สินค้าอุตสาหกรรม แนวโน้มกำไร 4Q/2565 คาดชะลอทั้ง QoQ และ YoY จากปัจจัยฤดูกาลที่บริษัทใน mai มักมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าปกติ และต้นทุนถูกกดดันจากการปรับขึ้น ค่า Ft เต็มไตรมาส อีกทั้งบางบริษัทจะได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมและเงินบาทแข็งค่า
** คัดหุ้นน่าสนใจ
สำหรับความน่าสนใจในการลงทุนหุ้น mai ต่อเนื่องถึง 2566 เราประเมินว่าเริ่มลดลง และมีโอกาสกลับมา Underperform หุ้นใหญ่ ทั้งจากสภาพคล่องในตลาดหุ้นที่ลดลง และการวิเคราะห์เชิงเปรียบเทียบที่สะท้อนว่า mai Index ร้อนแรงเกินไป แต่ยังสามารถเลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว มีการเติบโตต่อเนื่อง หรือมี Theme การลงทุนที่ชัดเจนได้เช่น Digital Transformation, Reopening, Anti-Commodity หุ้นเด่น คือ BBIK, DPAINT, IMH, MTW, SPA รวมถึงหุ้นนอก Coverage เช่น AMA, STP
กำไร 3Q/2565 ของบริษัทใน mai โตเด่น QoQ แต่ปรับตัวลง YoY กำไรสุทธิ 3Q/2565 ของบริษัทจดทะเบียน 184 บริษัทจาก 186 บริษัท ใน mai อยู่ที่ 2,082 ล้านบาท โตเด่น 35.7% QoQ แต่ลดลง 31.3% YoY กลุ่มที่กำไรโตทั้ง QoQ และ YoY คือ 1. สินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร แรงหนุนหลักมาจาก TMILL ที่ได้ประโยชน์จากความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ทำให้ราคาแป้งสาลีและปริมาณการส่งออกเพิ่มขึ้น
2. ทรัพยากร นำโดย SEAOIL,TAKUNI ที่ยังได้แรงหนุนจากราคาพลังงานทรงตัวในระดับสูง ขณะที่ TPCH กำไรสุทธิเร่งตัวขึ้นจากรายการพิเศษ คือ การบันทึกเงินชดเชยค่าสินไหมของโครงการที่หยุดชะงักไป
กลุ่มที่โต QoQ แต่ลดลง YoY คือ กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค, ธุรกิจการเงิน, และบริการ บริษัทที่โตเด่น QoQ, YoY คือ HPT, JUBILIE, MITSIB, AKP, AMA, CEYE, GLORY, GSC กลุ่มที่ลดลง QoQ แต่โต YoY คือ เทคโนโลยีบริษัทที่โตเด่น QoQ, YoY คือ BE8, BBIK,PROEN,TPS จากการ M&A และความต้องการด้าน Cloud, Security, IoTs ที่โตต่อเนื่อง และกลุ่มที่ปรับตัวลงทั้ง QoQ, YoY คือ สินค้าอุตสาหกรรม จากต้นทุนการผลิตที่ขึ้นทั้งวัตถุดิบและค่าไฟ เช่น CHO, CHOW,CIG, CPR, KUMWEL, KWM, MG, UKEM, UREKA
** งบโค้งท้ายมักไม่ดี
จากสถิติบ่งชี้ว่าบริษัทใน mai มักทำผลงานได้ไม่ดีในไตรมาส 4 อิงจากสถิติ 5 ปีย้อนหลัง เราพบว่ากำไรสุทธิของ mai มักปรับตัวลง QoQ ในไตรมาส 4 ของทุกปี เฉลี่ย -44% QoQ สาเหตุไม่ได้มาจากรายได้เพราะส่วนใหญ่รายได้ยังโต QoQ แต่มาจากการบริหารต้นทุน และค่าใช้จ่าย ซึ่งสะท้อนผ่านอัตรากำไรสุทธิเฉลี่ยรายไตรมาสที่ทำได้แย่ลง เหลือเพียง 0.9% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยรายปีที่ทำได้ 3.1% อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากหลายบริษัทมักตั้งค่าโบนัสพนักงาน และมักถูกผู้สอบบัญชีตั้งด้อยค่าเงินลงทุนในไตรมาส 4 เมื่อผนวกกับปัจจัยด้านการปรับขึ้นของค่า Ft ที่ถูกกระทบเต็มไตรมาส (ค่า Ft เริ่มขึ้นเดือน ก.ย. ทำให้ 3Q/65 รับรู้เพียง 1 เดือน) และกลุ่มสินค้าเกษตรที่เคยเติบโตดีจะถูกกดดันจากเงินบาทที่พลิกมาแข็งค่า ทำให้คาดว่ากำไรสุทธิ 4Q/2565 ของ mai จะลดลง QoQ เหมือนภาพในอดีต และด้วยความที่ฐานกำไรสุทธิ 4Q/2564 ใกล้เคียงกับ 3Q/2565 จึงทำให้เมื่อเทียบแบบ YoY มีโอกาสลดลงด้วยเช่นกัน
ในเชิงของ Valuation เพื่อพิจารณาความน่าสนใจใน mai เราอิงจาก PBV Spread (PBV mai – PBV SET)
ซึ่ง PBV ของ mai มากกว่า SET อยู่ 1.76 เท่า ใกล้เคียงระดับ +1.5 S.D. ของค่าเฉลี่ย 10 ปีย้อนหลังที่ 1.90 เท่าขณะที่ความสามารถในการทำกำไรและสร้างผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้น ซึ่งวัดจาก Spread ROE (ROE mai – ROE SET) ลดลงเหลือ -4.38% ต่ำสุดในรอบ 13 ไตรมาส สะท้อนความร้อนแรงของราคาหุ้นใน mai ที่มากเกินไป เมื่อเทียบกับประสิทธิภาพในการทำกำไรของตัวเอง และ SET หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ราคาหุ้นใน mai โดยเฉลี่ยอยู่ในระดับที่แพงเกินไปเมื่อเทียบกับระดับที่เหมาะสมนั่นเอง
เพราะฉะนั้น ในเชิงของกลยุทธ์การลงทุน เราจึงปรับน้ำหนักการลงทุนในหุ้น mai เป็น Underweight แต่ยังสามารถเลือกลงทุนได้ตามปัจจัยบวกเฉพาะตัวของแต่ละบริษัท หรือตามเกณฑ์ในการคัดเลือกหุ้นที่มี Theme การลงทุนชัดเจน ตามที่เราให้มุมมองไว้ในข้างต้น ซึ่งตัวเลือกในการลงทุนที่มีจำกัด ยิ่งทำให้เรามั่นใจว่า 7 หุ้นที่เราคัดเลือกตามเกณฑ์ที่่เข้มงวด จะOutperform ตลาด mai ได้ในไตรมาส 4/2565