สวัสดีค่ะ ชื่อเอมนะคะ บทความแรกวันนี้ ...เอมจะมาแชร์วิธีเตรียมสอบ IELTS ด้วยตัวเองและประสบการณ์สอบของตัวเองนะคะ :)เนื่องจากหลาย ๆ คนรู้ดีว่าการสอบ IELTS นั้น ค่าสอบแพงไม่พอ (7,100 บาท) ค่าเรียนพิเศษแพงกว่ามากค่าาาาา ดังนั้นสำหรับคนที่พอมีพื้นฐานภาษาอังกฤษอยู่แล้ว การเรียนด้วยตนเองก็น่าจะเป็นวิธีที่ประหยัด แต่ต้องใช้วินัยในตัวเองสูงพอสมควรนะ ทีนี้เอมจะแชร์วิธีที่ตัวเองใช้เพื่อเตรียมสอบ IELTS นะ เผื่อคนอื่นจะได้รับประโยชน์ (มั้งนะ) เพราะเอมไม่ได้เตรียมตัวสอบ IELTS ตั้งแต่แรก มาเปลี่ยนใจสอบก็เหลือเวลาไม่เยอะ ฉะนั้นมั่นใจว่าถ้าคนเตรียมตัวเยอะกว่าเอม ทำได้ดีกว่าเอมแน่ ๆ ค่ะ (เอมได้ Overall 6.5)😄 Listeningแนะนำ BBC learning English, BBC sounds โหลดแอพมาเลยค่ะ ถ้าคนที่ใช้ iPhone, iPad มี podcast ให้ฟังเยอะเลยค่ะเบื้องต้นแนะนำ BBC learning English ค่ะ 6 minutes ฟังตอนตื่นนอน แค่ 6 นาที สำหรับ Beginner อย่างพวกเรา ฟังอะไรสั้น ๆ แต่มี transcript หรือ subtitle จะช่วยให้เราเห็นคำศัพท์และรู้ว่าคำนั้นอ่านออกเสียงว่ายังไง จะช่วยได้เราฟังได้ดีขึ้นค่ะ ได้คำศัพท์ใหม่ ๆ ด้วย พวก podcast นี่เอาไว้ฟังตอนนั่งรถ BTS, รอรถเมล์ ก็ช่วยได้เยอะนะคะนอกนั้นก็คงต้องฝึกทำข้อสอบดูค่ะ ในเว็บ IELTS Online Tests. com มีให้ฝึกทุกพาร์ท คล้ายกับสอบ computer-based มาก แต่เอมได้ลองทำแค่ชุดเดียว 55555 เพราะฉะนั้นอย่าทำแบบเอมเด้อ ฝึกเยอะ ๆ ***เป็นเว็บที่ดีงามมากกกกกกกกก****ตอนสอบจริงถ้ามีปัญหากับเมาส์และคีย์บอร์ดเหมือนเอม แนะนำเขียนคำตอบที่เราฟังทันลงบนกระดาษที่เขาให้มาไว้ค่ะ เอมพลาดแล้ว ไม่อยากให้คนอื่นพลาดตาม**😄 Readingสำหรับพาร์ทนี้ เอมขอบอกเลยว่าเอมไม่ได้ฝึกทำข้อสอบเลย แต่ด้วยการอ่านเป็นทักษะที่ได้ใช้อยู่สม่ำเสมอเพราะต้องอ่านเปเปอร์จึงอาจทำให้เอมคุ้นกับการอ่าน แต่ ๆๆๆๆ การสอบนั้นไม่เหมือนกันซะทีเดียว เพราะเราต้องอ่านบทความและตอบคำถามให้ทันในเวลาที่กำหนด เวลาเราอ่านเปเปอร์เราไม่ค่อยจับเวลากันเนอะ แต่ในข้อสอบเราต้องแบ่งเวลา และรู้ว่าข้อสอบมีกี่บทความ และเนื้อหาก็หลากหลายมาก ไม่ใช่แค่วิทยาศาสตร์โดยข้อสอบ IELTS จะมีบทความทั้งหมด 3 บทความ ให้เวลา 1 ชม. เรียงลำดับจากยาว, ยาวมาก, ยาวมาก ๆ ตามลำดับ 555555 ซึ่งหลาย ๆ วิดิโอที่เขาแนะนำเขาแบ่งเวลาเป็นบทความละ 20 นาที เอมก็แบ่งตามนี้แล้วพบว่าอ่านบทความสุดท้ายไม่ทันค่ะ เลยคิดว่าอาจจะต้องแบ่งเป็น 15, 20, 25 นาที ตามลำดับ แต่เพื่อน ๆ น้อง ๆ ก็ลองฝึกทำข้อสอบในหนังสือ Cambridge IELTS ดูแล้วกันค่ะ ว่าตัวเองถนัดแบบไหนจึงจะทำข้อสอบทันวันสอบจริงเอมได้ข้อสอบเป็นแบบ เติมคำคัพท์, True/False/Not given (ซึ่งหลาย ๆ คนคิดว่าอันนี้ยาก), เลือกจับคู่ topic ให้สอดคล้องกับเนื้อหาในแต่ละ paragraph, Yes/No/Not given, และคำถามแบบข้อใดถูกต้องมีตัวเลือก แบบ a, b, c, d, e ให้เลือก ที่สำคัญในการทำข้อสอบ IELTS ทุกพาร์ทคืออ่านคำสั่งค่ะ **กาดอกจันแปดล้านดวง** เพราะถ้าคำสั่งให้เลือกตอบสองตัวเลือกหรือตอบไม่เกิน 1 คำ ถ้าเราตอบเกินก็ผิดค่ะ แต่ข้อดีของข้อสอบ IELTS คือจะถามเรียงตามลำดับค่ะ ไม่ได้กระโดดข้าม paragraph ไปมา เพราะฉะนั้นถ้าหาจุดที่เขาถามเจอว่าอยู่ตรงไหนก็จะทำให้ตอบคำถามได้เร็วขึ้นเทคนิคการสอบพาร์ทนี้ของเอมคือ อ่านคำถามก่อนค่ะ แล้วค่อยหาคำตอบในบทความ หา keyword แล้วค่อยไปหาคำในบทความซึ่งมันมักจะเป็น synonym อย่างที่ให้จับคู่ topic กับ paragraph ก็อ่าน topic ที่เขาให้ก่อนว่าเกี่ยวกับอะไร แล้วค่อยไปอ่านเนื้อหา ใช้วิธี skim & scan หา keywordsช่องแนะนำ เอมฟังแค่วิดิโอนี้เลยค่ะ เพราะเอมอยากรู้ว่า true/false/not given มันดูต่างกันยังไง ดูวิดิโอนี้แล้วกระจ่างค่ะ หา keyword, synonym ในบทความได้ง่ายขึ้น เหมือนมี spotlight ฉายคำตอบเลย (เวอร์มาก 5555)แนะนำช่อง English Speaking Success ชื่อคลิป IELTS Reading Tips: True, False, Not Given - PART 1 และ PART 2ส่วนช่อง Fastrack IELTS ก็ดีนะคะ แนะนำคลิป Best IELTS Reading Strategies | How I get Band 8.5 การฝึกทำข้อสอบ ควรหาหนังสือ Cambridge IELTS มาทำทุกพาร์ทค่ะ เพราะจะได้คล้ายข้อสอบจริง อันนี้เห็นคนที่เขาได้ band สูง ๆ แนะนำกัน😄 Writingข้อสอบ IELTS พาร์ท writing จะมี 2 ส่วน ได้แก่Part 1 ให้รายงานผลจากกราฟหรือข้อมูลที่เขาเอามาให้ สรุป เปรียบเทียบข้อมูลสำคัญ (เอมฝึกเขียนแค่พาร์ทนี้ค่ะ เพราะรู้สึกว่าต้องฝึกให้คุ้นกับคำคัพท์ที่ต้องใช้อธิบายข้อมูล) ขั้นตอนที่สำคัญของพาร์ทนี้คือ 1) paraphrase ข้อมูลที่เขาให้มา 2) เขียน overall ของข้อมูล 3) รายงานข้อมูลที่สำคัญของกราฟหรือสิ่งที่เขาให้มา 4) เขียนไม่น้อยว่า 150 คำ ควรใช้เวลาพาร์ทนี้ไม่เกิน 20 นาที ซึ่งเอมคิดว่าเราควรแบ่งเวลาเพื่อเขียน outline ว่าเราควรจะเขียนอะไรลงไปในงานเราบ้าง อาจใช้เวลาสัก 2 นาทีวางแผนค่ะ เขียนในกระดาษที่เขาให้ได้ (ซึ่งอันนี้เอมพลาดค่ะ ไม่ได้วางแผน + ไม่คุ้นกับการพิมพ์บนคีย์บอร์ดแบบนั้น ถ้าเป็นไปได้ฝึกพิมพ์บนคีย์บอร์ดแยกไปเลย จะได้ชิน ไม่อยากให้คนอื่นพลาดตาม (หรือคนอื่นอาจจะไม่มีปัญหาเหมือนเอมก็ได้ 5555)) ตอนสอบจริงพาร์ทนี้เอมเขียนไม่สมบูรณ์ค่ะ (ขนาดซ้อมยังไม่ปัง ถ้าไม่ซ้อมเลยจะพังขนาดไหน 555) แต่เขียนได้ 180 คำแล้ว ใน 20 นาที ต้อง moved on ไป Part 2 ค่ะ เพราะเดี๋ยวเขียน part 2 ไม่ทันจะพังไปกันใหญ่ ในการสอบจริงเราเลือกได้นะคะ ว่าจะทำพาร์ทไหนก่อนPart 2 เป็นข้อความมา แล้วให้เราแสดงความคิดเห็น อาจจะถามข้อดี-ข้อเสีย, เห็นด้วย-ไม่เห็นด้วย ซึ่งก็ต้องอ่านคำสั่งดี ๆ ค่ะ วันสอบจริงเอมได้คำถามให้แสดงความคิดเห็น ว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยค่ะ พาร์ทนี้ต้องเขียนไม่ต่ำกว่า 250 คำ ควรใช้เวลาประมาณ 40 นาที (คะแนนเยอะกว่า part 1 สองเท่า) องค์ประกอบหลักที่เอมใช้คือ 1) paraphrase ข้อความที่เขาให้มาเป็น introduction ใน introduction ก็แสดงความคิดเห็นเราไปเลยว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย เพราะอะไร 2) แยก Paragraph ตามเหตุผลที่เราใช้ เอมให้ 2 เหตุผล ก็แยกเป็น 2 paragraphs แต่ละ paragraph มี 1 topic sentence แล้วใส่ supporting details เป็นตัวอย่าง เพื่อไปขยายความ 3) มี conclusion สรุปความเห็นเราอีกรอบ โดยเอา introduction มา paraphraseข้อสอบ writing ถ้าจะให้ได้ band สูง ๆ นอกจากเขียนตรงโจทย์ต้องการ มีการจัดเรียงข้อความที่สละสลวย มีตรรกะ ก็ต้องมีการใช้ grammar ที่ถูกต้อง มีความซับซ้อนของประโยคที่ใช้ และใช้คำศัพท์ที่หลากหลาย จึงต้องรู้ synonym เยอะ ๆ และระดับคำศัพท์ก็ต้องยากหน่อย ถึงจะได้คะแนนดี (รู้แหละว่าต้องทำไง แต่ด้วยเวลาและการฝึกฝนไม่มากพอ เราก็ได้แค่นี้แหละ 55555555 รู้ …. แต่มันทำไม่ด้ายยย เพลงพี่บีต้องมา 😂)ช่องแนะนำ ดีงามมากค่ะชื่อช่อง IELTS-up Online lessons เว็บไซต์ https://ieltsliz.com/เว็บไซต์ https://www.ieltsjacky.com/สำหรับ writing Part 1 เอมดูโจทย์จากเว็บไซต์ Preparation for IELTS Exam แล้วจับเวลาลองฝึกเขียนค่ะ ควรฝึกให้ครอบคลุมทุกกราฟนะคะ เพราะข้อมูลที่เขาเอามาให้อาจเป็นกราฟ ตาราง แผนที่ หรือแผนภาพ ได้หมดเลย หรือแบบปนกันก็มีค่ะ ซึ่งวันสอบจริงเอมได้ กราฟเส้น กับ กราฟแท่ง ค่ะและสำหรับคนที่ฝึกเขียนเองเหมือนเอมตรวจ grammar ยังไง เอมใช้วิธีใช้เว็บตรวจค่ะ 55555555 เว็บนี้เลย quillBot แล้วก็ลองเลือก paraphrase ด้วย อยากรู้ว่าเว็บจะแก้ออกมาแนวไหน เผื่อเราเอามาปรับปรุงการเขียนเราได้ ซึ่งเว็บนี้มีทั้งแบบที่ใช้ฟรีและเสียเงินที่จะมีฟังก์ชันให้เลือกหลากหลายมากยิ่งขึ้นค่ะ😄 Speakingตอนสอบจริงเราสอบกับ examiner ชาวต่างชาตินะคะ เอมว่าใครจะสอบกับ British Council ฝึกฟังสำเนียงแบบ British จาก BBC Learning English คงช่วยได้เยอะค่ะ แต่ฝึกฟังไว้ทุกสำเนียงจะดีที่สุดค่ะ (พาร์ทนี้เอมก็ยังได้ไม่เยอะ ใครมีเทคนิคดี ๆ แชร์กันได้ค่ะ) ที่สำคัญคงต้องฝึกพูดเยอะ ๆ แหละ 😂ช่องที่แนะนำคือ English Speaking Success และ Fastrack IELTS คะแนนที่เอมได้นะคะ :)Reading 7.5, Listening 6.0, Writing 6.5, Speaking 5.5, Overall 6.5 ^^" สรุป ที่เอมเล่ามาเป็นวิธีที่เอมใช้ในการสอบครั้งนี้นะเวลาเตรียมตัวโดยประมาณ 2 อาทิตย์ ฝึกวันละอย่างน้อย 2 ชม. เอมเน้น writing เพราะมันต้องฝึกเยอะ ๆ หน่อย จะได้คุ้นชินกับรูปแบบคำถาม แต่ก่อนหน้านี้เอมเตรียมตัวสอบ Duolingo อยู่แล้ว คงช่วยให้ชินกับภาษาอังกฤษได้มากอยู่ แต่รูปแบบการสอบต่างกัน เพราะฉะนั้นยิ่งเตรียมตัวเยอะให้คุ้นกับรูปแบบข้อสอบก็จะยิ่งได้เปรียบค่ะ และการสอบ IELTS สำคัญกว่าทักษะภาษา เอมคิดว่าคือ สติ! ค่ะ ซึ่งควรต้องฝึกเหมือนกันนะ 😊สุดท้าย ขอขอบคุณช่องต่าง ๆ ที่มอบความรู้ให้นักเรียนนับล้าน รวมถึงเอม แบบฟรี ๆ มีประโยชน์มาก ๆ เห็นแล้วมีแรงบันดาลใจอยากมีประโยชน์แบบนี้บ้าง 55555 หวังว่าโพสต์นี้จะมีประโยชน์ค่ะ และหวังว่าทุกคนรวมถึงเอม จะได้คะแนนเยอะ ๆ ตามที่ตัวเองตั้งใจ สู้ไปด้วยกานนนนนนนนนน ✌️🤞 ภาพประกอบทุกภาพในบทความนี้ ถ่ายและแก้ไขโดยผู้เขียน เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !