9 ผลกระทบจากไมโครพลาสติก ที่ปนเปื้อนในระบบนิเวศน์ทางน้ำ อ่านเลย! เขียนโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล ในยุคนี้ปัญหาไมโครพลาสติกในระบบนิเวศทางน้ำ กลายเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวกว่าที่เราคิดค่ะ เพราะเศษพลาสติกขนาดเล็กจิ๋วที่เกิดจากการแตกตัวของขยะพลาสติกในสิ่งแวดล้อม หรือมาจากผลิตภัณฑ์ที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น เส้นใยจากเสื้อผ้าสังเคราะห์ เม็ดสครับในเครื่องสำอาง หรือชิ้นส่วนเล็กๆ จากบรรจุภัณฑ์ เมื่อไหลลงสู่แม่น้ำ ทะเล และแหล่งน้ำธรรมชาติ สามารถปนเปื้อนและสะสมอยู่ได้เป็นเวลานาน และแทบไม่สามารถย่อยสลายตามธรรมชาติได้ สิ่งนี้เองที่ทำให้ไมโครพลาสติกกลายเป็นหนึ่งในปัญหามลพิษที่ทั้งตรวจจับยากและจัดการยากค่ะ และแม้จะมองด้วยตาเปล่าแทบไม่เห็น แต่ไมโครพลาสติกยังส่งผลกระทบได้ในวงกว้างต่อสิ่งแวดล้อมและสิ่งมีชีวิตค่ะ ซึ่งผลกระทบหลายอย่างไม่เพียงแต่กระทบต่อสิ่งมีชีวิตเท่านั้น แต่ยังบั่นทอนความสมดุลของระบบนิเวศโดยรวมอีกด้วย การทำความเข้าใจปัญหานี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญ ที่จะทำให้เราสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เพื่อลดการเกิดและการสะสมของไมโครพลาสติกได้อย่างมีประสิทธิภาพค่ะ ซึ่งผลกระทบในสิ่งแวดล้อมจากไมโครพลาสติก มีดังต่อไปนี้ 1. นำสารพิษ หลายคนยังไม่รู้ว่า เศษพลาสติกขนาดเล็กสามารถดูดซับและสะสมสารพิษต่างๆ เช่น โลหะหนัก หรือสารเคมีจากมลพิษอุตสาหกรรมได้เหมือนฟองน้ำ จากนั้นเมื่อสัตว์น้ำกินไมโครพลาสติกเข้าไป สารพิษก็จะถูกส่งต่อไปตามห่วงโซ่อาหาร ตั้งแต่แพลงก์ตอน ปลา จนถึงคนที่บริโภคอาหารทะเล ซึ่งปัญหานี้ไม่เพียงกระทบต่อสัตว์น้ำ ทำให้ร่างกายอ่อนแอหรือระบบสืบพันธุ์เสียหายเท่านั้น แต่ยังเป็นภัยเงียบต่อมนุษย์ในระยะยาว เพราะเรากำลังรับสารพิษเข้าสู่ร่างกายโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นการจัดการปัญหาพลาสติกตั้งแต่ต้นทางจึงเป็นเรื่องจำเป็น ไม่ใช่แค่เพื่อสิ่งแวดล้อมเท่านั้นค่ะ แต่เพื่อความปลอดภัยและสุขอนามัยของเราทุกคนนะคะ 2. เกิดผลกระทบต่อพฤติกรรมและการสืบพันธุ์ รู้ไหมคะว่า ไมโครพลาสติกในระบบนิเวศทางน้ำ ไม่ได้เป็นเพียงปัญหามลพิษที่ทำให้สัตว์น้ำป่วยหรือเสียชีวิตเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบเชิงลึกต่อพฤติกรรมและการสืบพันธุ์ของสัตว์น้ำด้วย เพราะว่าเศษพลาสติกขนาดเล็กสามารถปล่อยสารเคมีหรือพาสารพิษที่เกาะอยู่เข้าสู่ร่างกายสัตว์น้ำได้ ทำให้ระบบฮอร์โมนถูกรบกวน ส่งผลให้พฤติกรรมการหาอาหาร การเคลื่อนไหว และการป้องกันตัวจากศัตรูเปลี่ยนไป บางชนิดอาจมีอัตราการผสมพันธุ์ลดลง ไข่ฟักตัวน้อยลง หรือเกิดความผิดปกติในตัวอ่อน โดยผลกระทบเหล่านี้จะไม่เห็นทันที แต่เมื่อเกิดสะสมในระยะยาว ก็สามารถทำให้ความหลากหลายทางชีวภาพลดลง และกระทบต่อความสมดุลของทั้งระบบนิเวศในระยะยาวค่ะ 3. กลายเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อสุขอนามัยในคนเรา คุณผู้อ่านรู้ไหมคะว่า ไมโครพลาสติกที่ปนเปื้อนในแหล่งน้ำ ไม่ได้หยุดอยู่แค่การทำร้ายสิ่งมีชีวิตในน้ำเพียงอย่างเดียว แต่ยังย้อนกลับมาสร้างความเสี่ยงต่อสุขอนามัยของมนุษย์ด้วย เมื่อสัตว์น้ำกินไมโครพลาสติกที่มีสารพิษสะสมอยู่ สารพิษก็จะไหลต่อเข้าสู่ห่วงโซ่อาหารจนถึงจานอาหารของเรา การได้รับสารพิษเรื้อรังในปริมาณน้อยแต่ต่อเนื่อง สามารถทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เกิดปัญหาระบบฮอร์โมน หรือเพิ่มความเสี่ยงโรคเรื้อรังชนิดต่างๆ ได้ ยิ่งไปกว่านั้นไมโครพลาสติกยังถูกพบในน้ำดื่ม เกลือทะเล และแม้กระทั่งในอากาศที่เราหายใจด้วย ซึ่งหมายความว่าเรากำลังสัมผัสกับพลาสติกที่มีขนาดเล็กๆ นี้แทบทุกวันโดยไม่รู้ตัว โดยอาจพูดได้ว่าปัญหานี้ไม่ใช่แค่เรื่องสิ่งแวดล้อม แต่เป็นภัยเงียบต่อสุขอนามัยของคนทั้งโลกค่ะ 4. ส่งผลกระทบทางกายภาพต่อสัตว์น้ำ เมื่อเราพูดถึงผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม ไมโครพลาสติกสามารถส่งผลกระทบทางกายภาพต่อสัตว์น้ำได้อย่างชัดเจนค่ะ เพราะเมื่อสัตว์น้ำเผลอกินเข้าไป เศษพลาสติกขนาดเล็กที่ไม่สามารถย่อยสลายได้ ทำให้ไปอุดตันทางเดินอาหาร ส่งผลให้สัตว์รู้สึกอิ่มแม้ไม่ได้รับสารอาหารเพียงพอ จนร่างกายผอมแห้งและอ่อนแอลง นอกจากนี้ขอบคมของพลาสติกสามารถทำให้เกิดบาดแผลภายใน ทำให้เกิดการอักเสบหรือติดเชื้อได้ ที่ในบางครั้งไมโครพลาสติกยังพันรอบครีบหรือเหงือก ทำให้สัตว์น้ำเคลื่อนไหวลำบาก หายใจติดขัด หรือแม้กระทั่งเสียชีวิต ซึ่งผลกระทบเหล่านี้เมื่อเกิดกับสัตว์น้ำจำนวนมาก ก็จะกระทบต่อทั้งประชากรและสมดุลของระบบนิเวศโดยรวมค่ะ 5. เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพทางกายภาพของแหล่งที่อยู่อาศัย รู้ไหมคะว่า ไมโครพลาสติกสามารถทำให้แหล่งที่อยู่อาศัยทางน้ำเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมได้ ทั้งในแง่โครงสร้างและคุณภาพสิ่งแวดล้อม จากที่เศษพลาสติกจำนวนมากสะสมปะปนกับตะกอนดินและทราย ทำให้พื้นท้องน้ำแข็งขึ้นหรือขรุขระมากขึ้น จึงส่งผลต่อการเคลื่อนไหวและการหากินของสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก นอกจากนี้ไมโครพลาสติกยังสามารถลดปริมาณแสงที่ส่องลงไปในน้ำได้ ทำให้การสังเคราะห์แสงของสาหร่ายและพืชน้ำลดลง ซึ่งกระทบต่อปริมาณออกซิเจนในระบบนิเวศ อีกทั้งการสะสมของพลาสติกยังสามารถเปลี่ยนคุณสมบัติทางเคมีของน้ำได้ เช่น ค่าความเป็นกรด–ด่าง หรือปริมาณสารพิษที่ละลายอยู่ และสิ่งนี้ส่งผลให้แหล่งที่อยู่อาศัยเสื่อมโทรม และสิ่งมีชีวิตบางชนิดอาจไม่สามารถปรับตัวอยู่รอดได้ในระยะยาวค่ะ 6. มีการแพร่กระจายของสิ่งมีชีวิตรุกรานไปยังที่อื่น หลายคนยังมองภาพไม่ออกว่า ไมโครพลาสติกสามาระกลายเป็นพาหนะให้สิ่งมีชีวิตรุกรานเดินทางไปยังพื้นที่ใหม่ได้โดยไม่ตั้งใจ ที่เป็นแบบนั้นได้ เนื่องจากว่าผิวของเศษพลาสติกสามารถเป็นที่ยึดเกาะของสปอร์ แพลงก์ตอน สาหร่าย หรือจุลชีพต่างๆ ที่ลอยไปกับกระแสน้ำหรือคลื่นทะเลได้ เมื่อพลาสติกถูกพัดพาไปไกล ก็จะพาสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นไปตั้งถิ่นฐานในระบบนิเวศที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งบางชนิดอาจขยายพันธุ์อย่างรวดเร็ว แย่งอาหารและพื้นที่จากสิ่งมีชีวิตท้องถิ่น จนทำให้ความสมดุลของระบบนิเวศเสียหายไป ในบางกรณีสิ่งมีชีวิตรุกรานยังนำโรคหรือปรสิตติดไปด้วย ทำให้ความเสี่ยงต่อทั้งสัตว์น้ำท้องถิ่นและมนุษย์เพิ่มขึ้นอย่างเงียบๆ ค่ะ 7. มีการปนเปื้อนในห่วงโซ่อาหาร ไมโครพลาสติกที่ปนเปื้อนในแหล่งน้ำ สามารถแทรกซึมเข้าสู่ห่วงโซ่อาหารได้อย่างง่ายดายค่ะ โดยเริ่มตั้งแต่สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กอย่างแพลงก์ตอนหรือสัตว์น้ำจิ๋วที่กินเศษพลาสติกเข้าไปโดยไม่รู้ตัว จากนั้นสัตว์ขนาดใหญ่กว่าก็มากินสัตว์เล็กต่อ ทำให้ไมโครพลาสติกและสารพิษที่เกาะอยู่ถูกส่งต่อและสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับขั้นของห่วงโซ่อาหาร เมื่อถึงปลายทางอย่างมนุษย์ เราจึงได้รับทั้งไมโครพลาสติกและสารเคมีอันตรายในปริมาณสูงกว่าที่คิด ซึ่งการปนเปื้อนลักษณะนี้ไม่เพียงแต่กระทบต่อสุขอนามัยของสัตว์น้ำและคน แต่ยังทำให้ความปลอดภัยทางอาหารเป็นเรื่องที่ต้องกังวลมากขึ้นในอนาคตค่ะ 8. สร้างผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของพืชน้ำ อีกหนึ่งผลกระทบที่เราควรให้ความสำคัญ คือ ไมโครพลาสติกสามารถสร้างผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของพืชน้ำได้หลายทางค่ะ ทั้งทางตรงและทางอ้อม เพราะว่าเศษพลาสติกที่ลอยอยู่ในน้ำสามารถบดบังแสงแดด ทำให้พืชน้ำหรือสาหร่ายได้รับแสงไม่เพียงพอในการสังเคราะห์แสง จึงส่งผลให้การสร้างอาหารและการเติบโตช้าลง หรือในบางกรณีจะหยุดชะงักโดยสิ้นเชิง นอกจากนี้ไมโครพลาสติกยังสามารถปล่อยสารเคมี หรือพาสารพิษจากสิ่งแวดล้อมมาสะสมในเนื้อเยื่อพืชได้ จึงส่งผลให้กระบวนการเมตาบอลิซึมหรือการสร้างคลอโรฟิลล์ถูกรบกวน อีกทั้งยังมีการเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติของดินและตะกอนบริเวณรากพืชที่มีพลาสติกสะสมอยู่ด้วย ที่สามารถทำให้รากพืชดูดซึมสารอาหารและน้ำได้ยากขึ้น และสุดท้ายแล้วสามารถนำไปสู่การลดลงของปริมาณพืชน้ำ และความสามารถในการฟื้นฟูระบบนิเวศทางน้ำโดยรวมค่ะ นั่นคือผลกระทบที่สามารถเกิดได้จากไมโครพลาสติกค่ะ ที่โดยสรุปแล้วไมโครพลาสติกในระบบนิเวศทางน้ำ เป็นภัยเงียบที่ส่งผลกระทบได้ในวงกว้าง ทั้งต่อสิ่งมีชีวิตในน้ำและมนุษย์ โดยเมื่อผลกระทบต่างๆ รุนแรงมากขึ้น สามารถทำให้ความหลากหลายทางชีวภาพและความสมดุลของระบบนิเวศลดลงอย่างถาวรได้ค่ะ ซึ่งการนำความรู้เรื่องผลกระทบของไมโครพลาสติกมาใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่ได้จำกัดแค่การลดการใช้พลาสติกเท่านั้นนะคะ แต่ยังรวมถึงการปรับพฤติกรรมหลายอย่างเพื่อป้องกันปัญหาตั้งแต่ต้นทาง เช่น เลือกใช้เสื้อผ้าและสิ่งทอที่ทำจากเส้นใยธรรมชาติ เพื่อลดเส้นใยสังเคราะห์ที่หลุดออกจากการซักแล้วกลายเป็นไมโครพลาสติก หลีกเลี่ยงการใช้สครับหรือเครื่องสำอางที่มีเม็ดไมโครบีดส์ และหันมาใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นแทน และในชีวิตประจำวัน เรายังสามารถช่วยลดการรั่วไหลของพลาสติกลงสู่แหล่งน้ำได้ด้วยการกำจัดขยะอย่างถูกวิธี ไม่ทิ้งขยะลงแม่น้ำ คูคลอง หรือชายหาด รวมถึงซ่อมแซมและใช้ของซ้ำแทนการซื้อใหม่บ่อยๆ เพื่อยืดอายุการใช้งาน การเผยแพร่ความรู้และชวนคนรอบตัวให้ตระหนักถึงปัญหาก็เป็นอีกวิธีที่สำคัญค่ะ เพราะเมื่อมีคนร่วมมือกันมากขึ้น ผลกระทบจากไมโครพลาสติกก็จะลดลงอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งหมดนี้ไม่เพียงช่วยปกป้องสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นการดูแลสุขอนามัยของตัวเราเองและคนรุ่นต่อไปด้วยค่ะ สำหรับที่นี่ผู้เขียนจัดการเรื่องขยะจากที่บ้านตลอดนะคะ จัดการขยะพลาสติกใกล้ตัวประจำ คัดแยกขยะเปียกขยะแห้ง ไม่ทิ้งขยะลงในแหล่งน้ำตามธรรมชาติ โดยเลือกใช้สครับผิวจากเกลือค่ะ ปฏิเสธการใช้ถุงพลาสติกหากซื้อของเพียงไม่กี่ชิ้น และเลือกใช้กระเป๋าผ้าแทนค่ะ รวมทั้งแนวทางอื่นๆ ที่สามารถทำได้จากเรื่องไกลตัวค่ะ ก็อยากเชิญชวนให้คนไทยหันมาร่วมด้วยช่วยกันค่ะ ทำในสิ่งที่เราทำได้ เริ่มต้นจากจุดเล็กๆ ก่อน ยังไงนั้นก็อย่าลืมนำแนวทางข้างต้นไปปรับใช้นะคะ ด้วยความตั้งใจ ผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านไม่มากก็น้อย หากสนใจเนื้อหาเช่นนี้อีก อย่าลืมกดติดตามหรือบุ๊กมาร์กโปรไฟล์ไว้ เพื่อรับข้อมูลใหม่ๆ ในบทความต่อไป และถ้าต้องการอ่านบทความทั้งหมดโดยผู้เขียน ให้กดดูโปรไฟล์ได้เลยค่ะ #ไมโครพลาสติก #ปัญหามลพิษ #การประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม #EnvironmentalImpact เครดิตรูปภาพประกอบบทความ รูปภาพทำหน้าปก โดย Sören Funk จาก Unsplash และออกแบบหน้าปกโดยผู้เขียน ใน Canva รูปภาพประกอบเนื้อหา: ภาพที่ 1 โดย Bermix Studio จาก Unsplash, ภาพที่ 2 โดย Sebastian Pena Lambarri จาก Unsplash และภาพที่ 3-4 โดยผู้เขียน เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา: พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ: สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การบำบัดน้ำเสียและกำจัดสิ่งปฏิกูล 8 ตัวอย่างมลพิษทางอากาศ จากที่มีสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงไป 9 ผลเสียจากการทิ้งขยะลงในน้ำ ทำลายสิ่งแวดล้อม ยังไงได้บ้าง 9 ผลกระทบจากทิ้งขยะอันตราย ปะปนในสิ่งแวดล้อม มีอะไรได้บ้าง เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !