เพจเลี้ยงลูกนอกบ้าน เป็นเพจที่มีคำแนะนำและข้อคิดดี ๆ ในการเลี้ยงลูกสำหรับพ่อแม่ยุคใหม่อย่างเรา ๆ ซึ่งเด็กน้อยนั้น เปรียบดั่งผ้าขาวที่ขึ้นอยู่กับเราจะแต่งแต้มสีสันลงไป เปรียบดั่งต้นกล้าน้อย ๆ ที่จะต้องเติบโตแข็งแรงขึ้นในสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ที่จะพลักดันให้ชีวิตของเขาดำเนินไปสู่ความเจริญก้าวหน้าต่อไปหมอโอ๋ ซึ่งเป็นเจ้าของเพจเลี้ยงลูกนอกบ้านนี้ เธอทำงานเป็นจิตแพทย์เด็ก มักจะมีบทความและเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงลูก มาให้อ่านและแบ่งปัน ให้เราได้ทำความเข้าใจและศึกษาเทคนิคเกี่ยวกับการพูดคุย การปรับทัศนคติต่าง ๆ ในการเลี้ยงลูกอยู่เสมอ1. การรู้จักจัดการกับอารมณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับเด็ก ซึ่งคุณหมอก็อธิบายได้น่าอ่านและเข้าใจง่าย เกี่ยวกับสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ต่าง ๆ ของเด็กน้อย ว่าที่เขาเป็นอย่างนี้ เพราะเด็ก ๆ นั้นยังไม่รู้จักจัดการกับอารมณ์ต่าง ๆ ของตัวเอง พวกเราเหล่าพ่อแม่จึงต้องเป็นฝ่ายทำความเข้าใจ และช่วยลูกอีกแรง คืออันดับแรกเราต้องใจเย็น ๆ ก่อน ไม่ปล่อยอารมณ์ตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต้องเป็นฝ่ายเข้าใจลูก เข้าใจธรรมชาติของเด็ก ๆ ไม่ควรคาดหวังกับผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นด้วย และต้องช่วยลูกจัดการแก้ไขด้วยวิธีที่ดี ๆ เช่น เมื่อลูกผิดหวังหรือเศร้าเราไม่ควรพูดซ้ำเติมใด ๆ แต่ควรเป็นที่พึ่งทางใจให้เขารู้สึกอบอุ่นและผ่อนคลาย คุยกับเขาด้วยความเข้าอกเข้าใจ "อยากกอดแม่มั้ย เผื่อลูกจะรู้สึกดีขึ้น" "ร้องไห้ก็ได้นะ มันอาจจะทำให้ลูกดีขึ้นได้" เป็นต้นภาพจาก : pixabay.com2. สอนให้ลูกรู้จักตั้งเป้าหมายในชีวิต เคยได้ยินมั้ยคะ "เป้าหมายผิดชีวิตเปลี่ยน" ในที่นี้ขอยกตัวอย่าง เช่น "อย่าเลี้ยงลูกให้เรียนเก่ง แต่เลี้ยงลูกให้เป็นคนรักการเรียนรู้" ข้อนี้เห็นผลลัพธ์ที่ต่างอย่างชัดเจน มองภาพโดยรวมออกมั้ยคะ ลองเปรียบเทียบดู ลูกเรียนเก่ง ได้เกรดดี คะแนนสูง ๆ จากตำรากองโต จากการเรียนพิเศษ จนไม่มีเวลาผ่อนคลาย ไม่มีเวลาให้สมองได้พักผ่อนบ้าง ไม่ได้อยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบ เพราะมัวแต่กังวลว่าตัวเองจะเรียนโง่ เรียนไม่ทันเพื่อน กับลูกที่มีเวลาให้ทั้งการเรียน การเล่น และการใช้ชีวิตในโลกกว้างที่เด็กคนหนึ่งควรจะได้ใช้ ได้เรียนรู้ทั้งจากตำราเรียนและสิ่งที่อยู่รอบ ๆ ตัวซึ่งถือว่าเป็นการเรียนรู้อย่างหนึ่งอีกด้วย และทำให้เด็กรู้แนวทางและเป้าหมายในชีวิตของตนได้อย่างชัดเจนด้วยค่ะ3. มีแง่มุมดี ๆ มาเขียนเป็นบทความให้อ่าน ให้คิดตามอยู่เสมอ เช่น มีคำถามจากเคสที่ว่า "ทำไมพี่น้องถึงรู้สึกอิจฉากัน" เด็ก ๆ แต่ละคนนั้นมีนิสัยแตกต่างกันนั้นก็จริงอยู่ แต่คุณหมอก็ให้ข้อคิดสั้น ๆ ว่า "เด็กที่รู้สึกเต็ม มักจะไม่อิจฉาใคร" กลับเป็นข้อคิดให้ผู้เป็นพ่อแม่ย้อนกลับมาดูตัวเองเสียมากกว่า ว่าควรทำยังไงให้ลูกนั้นรู้สึกว่าเราเติมเต็มความรักความมั่นคงให้กับลูกเท่า ๆ กัน ให้ลูกแน่ใจในความรักที่เราต่างมีให้เขา เราอาจต้องใช้คำพูด การสัมผัส เวลาหรือของขวัญ ร่วมกับการดูแลเอาใจใส่และเติมเต็มภาษารักให้เขาบ่อย ๆ ชื่นชม ให้กำลังใจเขา ทำให้เขารู้สึกดีกับตัวเอง และแน่ใจว่าตนเองก็เป็นที่รักของพ่อกับแม่ไม่ด้อยกว่ากันเลยภาพจาก : pixabay.com4. มีการแนะนำหนังสือต่าง ๆ ที่เหมาะกับเด็ก ๆ เช่น หนังสือนิทาน หนังสือภาพสำหรับเด็ก นิทานน่าอ่านต่าง ๆ หนังสือสำหรับให้คุณพ่อคุณแม่อ่านก็มีนะคะ เช่น เลี้ยงบวก ลูกบวก ซึ่งเป็นหนังสือที่หมอโอ๋เขียนเองด้วยค่ะ5. หยิบยกกรณีศึกษาต่าง ๆ จากข่าวสารบ้านเมืองในปัจจุบันที่เกี่ยวกับเด็ก ๆ มาอธิบายแสดงความคิดเห็น เพื่อให้เห็นถึงมุมมองการเลี้ยงดู การถูกละเลยจากพ่อแม่ การเลี้ยงลูกในรูปแบบที่ผิด จนทำให้เกิดผลกระทบต่าง ๆ ตามมามากมายทั้งต่อตนเอง ต่อคนรอบข้าง และสังคมส่วนใหญ่อีกด้วย นอกจากนี้หมอก็ได้อธิบายสาเหตุต่าง ๆ และแนะนำแนวทางการแก้ปัญหา เช่น ข่าวอาม่าตบนักเรียน ข่าวการถูกบูลลี่ในโรงเรียนจนทำให้เกิดโศกนาฏกรรมที่แสนเศร้า ข่าวเด็กนักเรียนทำร้ายเพื่อน เป็นต้นภาพจาก : pixabay.comเราเองในฐานะแม่คนหนึ่งที่ติดตามเพจเลี้ยงลูกนอกบ้าน คิดว่าเพจนี้มีประโยชน์ช่วยให้เราปรับทัศนคติในการเลี้ยงลูกได้ดีเลยค่ะ เราไม่จำเป็นต้องเป็นต้นแบบที่สมบูรณ์แบบ แต่ขอให้เราเป็นแม่ธรรมดาคนหนึ่ง ที่เลี้ยงลูกให้เป็นคนธรรมดาที่รับรู้ได้ทั้งความสุขและความทุกข์ ไม่ทำร้ายคนอื่นให้เดือดร้อน อยู่ในสังคมและดำเนินชีวิตต่อไป ได้อย่างปกติสุข ลูก...ไม่จำเป็นต้องพิเศษสำหรับใคร แต่พิเศษสำหรับเราค่ะ😘แล้วคุณล่ะ? ต้องการให้ลูกเป็นแบบไหน ทุกอย่างเริ่มต้นที่ตัวเรานะคะติดตาม : เลี้ยงลูกนอกบ้าน ภาพหน้าปกจาก : pixabay.com