ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีลักษณะเป็นแบบไหน | บทความโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้นในชีวิตประจำวันของเรา เนื่องจากผู้บริโภคตระหนักถึงผลกระทบของการบริโภคต่อโลกใบนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นผลิตภัณฑ์แบบนี้จึงเป็นที่ต้องการและผู้คนมองหามาใช้ สำหรับผู้เขียนก็เป็นอีกคนที่สนใจเลือกสินค้าและบริการที่ใส่ใจด้านสิ่งแวดล้อมค่ะ ดังนั้นเพื่อทำให้การตัดสินใจของเราทุกคนง่ายขึ้น ความจำเป็นในการรู้ว่า ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นแบบไหน ก็กลายเป็นสิ่งสำคัญตามมา เพระผู้เขียนเชื่อว่า ยังมีคนอีกจำนวนมากที่ยังมองภาพไม่ออกเกี่ยวกับเรื่องนี้ ที่อาจจะรู้เพียงบางส่วนเท่านั้น แต่ในสถานการณ์จริงนั้น คุณผู้อ่านรู้ไหมคะว่า มีหลายอย่างมากที่เราสามารถสังเกตได้ว่า ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นแบบไหน ถ้าอยากรู้แล้วว่าเราจะต้องดูอะไรบ้าง ต้องอ่านต่อให้จบค่ะ กับเนื้อหาที่น่าสนใจและมีน้อยจะรู้ ดังต่อไปนี้ 1. ฉลากและเครื่องหมายรับรอง ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมักมีฉลากที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับคุณสมบัติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างชัดเจน เช่น การใช้วัสดุรีไซเคิล ส่วนประกอบจากธรรมชาติ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หรือสามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพ นอกจากนี้ฉลากอาจระบุถึงกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้พลังงานหมุนเวียน หรือการลดของเสีย เครื่องหมายรับรองที่ปรากฏบนผลิตภัณฑ์เหล่านี้มักเป็นสัญลักษณ์หรือโลโก้จากหน่วยงานอิสระที่น่าเชื่อถือ ซึ่งรับรองว่าผลิตภัณฑ์นั้นได้ผ่านมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมตามเกณฑ์ที่กำหนด ตัวอย่างของเครื่องหมายรับรองที่พบได้บ่อย ได้แก่ ฉลากเขียว (Green Label) ฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint Label) มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ (Organic Certification) หรือเครื่องหมายรับรองจากองค์กรระหว่างประเทศต่างๆ ซึ่งการทำความเข้าใจความหมายของฉลากและเครื่องหมายรับรองเหล่านี้ จะช่วยให้เราสามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างมั่นใจค่ะ 2. การประหยัดพลังงานและทรัพยากร คุณผู้อ่านรู้ไหมคะว่า ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมักถูกออกแบบมาโดยคำนึงถึงการประหยัดพลังงานและทรัพยากรเป็นสำคัญ ตั้งแต่ขั้นตอนการผลิตที่มุ่งเน้นการใช้วัตถุดิบอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการสูญเสีย และใช้พลังงานหมุนเวียน ไปจนถึงตัวผลิตภัณฑ์เองที่ได้รับการออกแบบให้ประหยัดพลังงานในการใช้งาน เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 หลอดไฟ LED ที่ใช้พลังงานน้อย หรือผลิตภัณฑ์ที่ทำจากวัสดุรีไซเคิลหรือวัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ หากเราหันมาเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ ก็ไม่เพียงแต่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการใช้พลังงานและทรัพยากรที่สิ้นเปลือง แต่ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในระยะยาวอีกด้วย ดังนั้นการสนับสนุนผลิตภัณฑ์ที่ให้ความสำคัญกับการประหยัดพลังงานและทรัพยากร จึงเป็นอีกหนึ่งแนวทางสำคัญในการสร้างความยั่งยืนให้กับโลกของเราค่ะ 3. กระบวนการผลิต นอกเหนือจากการดูที่ฉลากแล้ว ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมยังมักมีกระบวนการผลิต ที่ให้ความสำคัญกับการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การคัดเลือกวัตถุดิบที่เน้นวัสดุจากธรรมชาติ วัสดุรีไซเคิล หรือวัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ เพื่อลดการใช้ทรัพยากรใหม่และการสร้างของเสีย ซึ่งการผลิตมักมุ่งเน้นการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ อาจมีการใช้พลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ หรือพลังงานลม เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก นอกจากนี้กระบวนการผลิตที่ดีจะต้องมีการจัดการของเสียอย่างเหมาะสม ลดการปล่อยมลพิษทางน้ำและอากาศ และให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของคนงานและชุมชนโดยรอบ บางผลิตภัณฑ์อาจมีการรับรองมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมในกระบวนการผลิต เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์นั้นได้รับการผลิตอย่างมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริงค่ะ 4. มีความเป็นพิษต่ำ หลายคนยังมองภาพไม่ออกว่า ข้อมูลที่เกี่ยวกับการมีความเป็นพิษต่ำของผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่เราซื้อหรือใช้บริการเกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมค่ะ เพราะผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสิ่งแวดล้อมมักถูกออกแบบมาให้มีความเป็นพิษต่ำ ดังนั้นเราควรสังเกตข้อมูลเหล่านี้ว่ามีหรือไม่ เพราะสารเคมีอันตรายมักก่อให้เกิดสารพิษตกค้างที่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม แต่ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมโดยส่วนใหญ่มักหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีอันตรายค่ะ แต่มีการเลือกใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ หรือสารสกัดจากพืชแทน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ที่ใส่ใจด้านสิ่งแวดล้อมให้ความสำคัญ นอกจากนี้บรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมก็มักถูกออกแบบมาให้สามารถนำไปรีไซเคิลได้ หรือทำจากวัสดุที่ย่อยสลายได้ง่าย การทำแบบนี้ก็เพื่อลดปัญหาขยะมูลฝอยและการปนเปื้อนของสารพิษในสิ่งแวดล้อมค่ะ ที่โดยสรุปแล้วการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความเป็นพิษต่ำ จึงเป็นการดูแลและใส่ใจกับตัวเอง ในขณะเดียวกันก็ช่วยลดผลกระทบเชิงลบต่อระบบนิเวศโดยรวมด้วยค่ะ 5. อายุการใช้งานและความทนทาน เคยเจอไหมค่ะ สินค้าบางอย่างทนทานมากและสามารถใช้งานได้จนลืมว่าซื้อมาตอนไหน? ซึ่งจุดนี้คืออีกหนึ่งจุดสำคัญที่สามารถนำมาใช้สังเกตได้คะ เพราะว่าผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มักถูกออกแบบมาให้มีความทนทานและมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าผลิตภัณฑ์ทั่วไป ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพดี ทนทาน และสามารถใช้งานได้นาน จะช่วยลดความถี่ในการซื้อสินค้าใหม่ ซึ่งหมายถึงการลดการใช้ทรัพยากรในการผลิต ลดของเสีย และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากกระบวนการผลิตและการขนส่งอีกด้วย นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์บางชนิดอาจถูกออกแบบมาให้สามารถซ่อมแซมหรืออัปเกรดได้ง่าย แทนที่จะต้องทิ้งและซื้อใหม่ทั้งหมด การให้ความสำคัญกับคุณภาพและความทนทานก่อนซื้ออะไรสักอย่าง จึงเป็นหัวใจสำคัญของแนวคิดผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริงค่ะ เพราะเป็นการส่งเสริมการบริโภคอย่างยั่งยืนและลดภาระให้กับโลกในระยะยาวได้ 6. ดูที่วัสดุที่ใช้ผลิต รู้ไหมคะว่า วัสดุที่ใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมีความหลากหลาย แต่มีจุดที่เหมือนกันคือการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในทุกวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ค่ะ ซึ่งวัสดุเหล่านี้มักเป็นวัสดุหมุนเวียน เช่น ไม้ที่ได้รับการรับรองจากการจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน หรือพืชผลทางการเกษตรที่ไม่ต้องใช้สารเคมีมากนัก นอกจากนี้ยังมีการใช้วัสดุรีไซเคิล เช่น พลาสติกรีไซเคิล แก้วรีไซเคิล หรือโลหะรีไซเคิล เพื่อลดการใช้ทรัพยากรใหม่และลดปริมาณขยะ วัสดุบางชนิดอาจเป็นวัสดุที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ เช่น พลาสติกชีวภาพจากข้าวโพดหรืออ้อย ซึ่งสามารถสลายตัวได้ตามธรรมชาติเมื่อหมดอายุการใช้งาน ดังนั้นการเลือกใช้วัสดุเหล่านี้จึงไม่เพียงแต่ช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและการสร้างของเสียเท่านั้น แต่ยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและมลพิษต่างๆ ที่เกิดจากกระบวนการผลิตวัสดุแบบดั้งเดิม โดยการใส่ใจในแหล่งที่มาและคุณสมบัติของวัสดุ จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผลิตภัณฑ์นั้นเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมค่ะ 7. ใช้แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน หลายคนยังไม่รู้ว่า แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนมีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับการเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ที่เป็นแบบนั้นเนื่องจากหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจหมุนเวียน คือ การออกแบบผลิตภัณฑ์และกระบวนการผลิตให้มีการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ลดของเสียให้เหลือน้อยที่สุด และนำวัสดุกลับมาใช้ใหม่ หมุนเวียนอยู่ในระบบให้ได้นานที่สุดค่ะ ซึ่งสอดคล้องกับหลักการพื้นฐานของการรักษาสิ่งแวดล้อม โดยผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบภายใต้แนวคิดนี้ จะมุ่งเน้นความทนทาน อายุการใช้งานที่ยาวนาน สามารถซ่อมแซม อัปเกรด หรือนำกลับมาผลิตใหม่ได้ง่าย วัสดุที่ใช้มักเป็นวัสดุรีไซเคิล วัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ หรือวัสดุที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ จึงลดการพึ่งพาทรัพยากรใหม่ และลดปริมาณขยะที่ต้องนำไปกำจัด ดังนั้นผลิตภัณฑ์ที่บ่งบอกถึงการนำแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนมาใช้ จึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง เพราะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตลอดวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่การออกแบบ การผลิต การใช้งาน ไปจนถึงการจัดการเมื่อหมดอายุการใช้งานค่ะ 8. การซ่อมแซมและการบำรุงรักษา ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจำนวนมากได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงความสามารถในการซ่อมแซมและบำรุงรักษาเป็นสำคัญ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สำคัญอย่างยิ่งในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาวค่ะ การที่ผลิตภัณฑ์สามารถซ่อมแซมได้ง่ายเมื่อเกิดความเสียหาย แทนที่จะต้องทิ้งและซื้อใหม่ทั้งชิ้น สามารถช่วยลดการใช้ทรัพยากรในการผลิตสินค้าใหม่ ลดปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์ และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากกระบวนการผลิตและการขนส่ง นอกจากนี้การออกแบบที่เอื้อต่อการบำรุงรักษายังช่วยยืดอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์ ทำให้ผู้บริโภคไม่จำเป็นต้องซื้อสินค้าใหม่บ่อยครั้ง ซึ่งเป็นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและยั่งยืน การเลือกผลิตภัณฑ์ที่สามารถซ่อมแซมและบำรุงรักษาได้ จึงเป็นการตัดสินใจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวอีกด้วยค่ะ 9. บรรจุภัณฑ์ ถ้าเราสังเกตดีๆ จะพบว่า บรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมักถูกออกแบบมาโดยเน้นหลักการลดปริมาณ การใช้วัสดุที่ยั่งยืน และการนำกลับมาใช้ใหม่ค่ะ ที่โดยทั่วไปแล้วบรรจุภัณฑ์เหล่านี้มักมีขนาดกะทัดรัด ใช้วัสดุน้อยชิ้น หรือเป็นบรรจุภัณฑ์แบบเติม เพื่อลดการใช้ทรัพยากรและลดปริมาณขยะ โดยวัสดุที่เลือกใช้ส่วนใหญ่มักเป็นวัสดุรีไซเคิล เช่น กระดาษรีไซเคิล พลาสติกรีไซเคิล หรือแก้วรีไซเคิล หรือเป็นวัสดุที่สามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพ เช่น พลาสติกชีวภาพจากพืช หรือกระดาษที่ไม่ผ่านการฟอกขาว นอกจากนี้หมึกพิมพ์ที่ใช้บนบรรจุภัณฑ์ก็มักเป็นหมึกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่มีสารพิษ หรือทำจากส่วนผสมธรรมชาติ ซึ่งการให้ความสำคัญกับบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมนี้ แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจของผู้ผลิตต่อผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในทุกขั้นตอนของวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่การผลิตจนถึงการกำจัดทิ้งค่ะ 10. แหล่งที่มาและความโปร่งใส ผู้ผลิตที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมจะเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับวัตถุดิบที่ใช้ กระบวนการผลิต และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างชัดเจนและตรวจสอบได้ แหล่งที่มาของวัตถุดิบควรมีความยั่งยืน เช่น มาจากการจัดการป่าไม้อย่างมีความรับผิดชอบ การทำเกษตรอินทรีย์ หรือการรีไซเคิล นอกจากนี้การมีระบบการตรวจสอบย้อนกลับ ที่ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถทราบถึงแหล่งที่มาของผลิตภัณฑ์และกระบวนการผลิตต่างๆ ได้ ก็เป็นสิ่งสำคัญที่สร้างความน่าเชื่อถือและความมั่นใจค่ะ ซึ่งการเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้อย่างโปร่งใส ไม่เพียงแต่ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าได้อย่างมีความรู้ แต่ยังเป็นการส่งเสริมให้ผู้ผลิตมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมมากขึ้นอีกด้วยนะคะ ก็จบแล้วค่ะ กับจัดสังเกตง่ายๆ ว่าผลิตภัณฑ์นั้นเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมไหม เป็นยังไงบ้างค่ะ พอจะมองภาพออกกันแล้วใช่ไหมว่าสินค้าที่ดีต่อสิ่งแวดล้อมและตัวเราต้องประมาณไหน ที่ต้องบอกแบบนี้เลยค่ะว่า โดยส่วนตัวผู้เขียนแล้วให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ และทุกครั้งมักมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย ซึ่งผู้เขียนก็ได้นำจุดสังเกตแบบที่ได้นำเสนอไว้ในบทความนี้ไปปรับใช้ค่ะ ตัวอย่างเช่น สังเกตว่าพลาสติกที่นำมาทำขวดน้ำดื่มสามารถนำไปรีไซเคิลได้ไหม มีเทคโนโลยีหรือแนวคิดในการลดขยะไหม เพราะในปัจจุบันน้ำดื่มบางยี่ห้อฉลากมีขนาดเล็กลง หรือบางยี่ห้อก็ไม่มีฉลากแบบพลาสติกเลย และหลายยี่ห้อเริ่มหันมาใช้ขวดจากพลาสติกรีไซเคิลแล้ว จากตัวอย่างที่ผู้เขียนได้พูดถึง พอจะมองเห็นภาพไหมค่ะ ซึ่งกับสินค้าอื่นๆ เราก็ใช้แนวทางแบบเดียวกันนี้เลยค่ะ ยังไงนั้นลองอ่านทำความเข้าใจดีๆ อีกสักรอบและลองค่อยๆ นำไปสังเกตกันค่ะ และผู้เขียนหวังว่าเนื้อหาในบทความนี้จะสามารถเป็นแนวทางให้กับคุณผู้อ่านได้บ้าง ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หากชอบบทความแบบนี้อีก อย่าลืมกดติดตามหรือกดบุ๊กมาร์กหน้าโปรไฟล์ไว้นะคะ เพราะจะได้ไม่พลาดบทความใหม่ๆ ที่จะได้นำมาเผยแพร่ในเร็วๆ นี้ค่ะ เครดิตภาพประกอบบทความ ภาพหน้าปก โดย Sarah Chai จาก Pexels ภาพประกอบเนื้อหา: ภาพที่ 1-2 โดยผู้เขียน, ภาพที่ 3 โดย Cup of Couple จาก Pexels และภาพที่ 4 โดย Anna Tarazevich จาก Pexels ออกแบบภาพหน้าปกโดยผู้เขียนใน Canva เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา: พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ: สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การจัดการน้ำเสียและสิ่งปฏิกูล บทความอื่นที่เกี่ยวข้องโดยผู้เขียน 8 วิธีเลือกผงซักฟอก แบบไหนดี น่าซื้อมาใช้ 7 วิธีเลือกยาจุดกันยุง ชนิดขด แบบไหนดี น่าใช้ น้ำยาล้างจาน แบบไหนดี มีคุณภาพ และน่าซื้อมาใช้ เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !