ทำไมทำอะไรก็ไม่สำเร็จ 2 ภาพลวงตาที่ทำให้เราไม่ไปถึงฝั่งฝันสักที ใครเป็นเหมือนผมบ้าง ที่เห็นคนอื่นทำอะไรก็ ดูดี ดูง่าย และสำเร็จไปทุกอย่าง ส่วนตัวเรานั้นเวลาเริ่มทำอะไรก็มีแต่ปัญหาที่แก้ไม่ได้ ติดขัด ทำอะไรก็ไม่ราบรื่นเจอแต่เรื่องยาก ๆ เรียกได้ว่าซวยตลอดเลยก็ว่าได้ ในวันนี้ผมได้รับคำตอบที่คาใจผมมาตลอดแล้วครับ เหตุที่เป็นอย่างนั้นเป็นเพราะ เกิดภาพลวงตาในเรื่องต่างๆเข้ามามีบทบาทในชีวิตเรา และทำให้เราเข้าใจเรื่องนั้นๆผิดไปหรือทำให้เราประเมินเรื่องนั้นๆง่ายเกินไปครับ ภาพลวงตาเหล่านั้นมีอะไรบ้างวันนี้ผมจะพาไปดูครับ 1. ภาพลวงตาจากการเรียนรู้สิ่งใหม่ ข้อนี้ผมโดนประจำเลยครับและ หลังจากที่อ่านหนังสือเจอจึงเข้าใจตัวเองได้มากยิ่งขึ้น ภาพลวงตาจากการเรียนรู้สิ่งใหม่ก็คือ การที่เราได้เรียนรู้เรื่องใหม่ๆที่เราไม่เคยรู้หรือ เห็นสิ่งที่สำเร็จเรียบร้อยแล้วเราจะรู้สึกว่ามันไม่มีอะไรยากหรือซับซ้อนเกินที่เราจะทำได้ สิ่งนี้ทำให้เกิดการมองข้ามปัญหาและเห็นแต่ผลลัพธ์ ซึ่งพอเราเอาความรู้หรือผลลัพธ์นี้ไปใช้โดยตรง จะทำให้เราไม่สามารถใช้ความรู้นี้ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งจริงๆแล้วกระบวนการที่จะได้ผลลัพธ์และเข้าใจเรื่องนั้นๆต้องเป็น เริ่มต้น > อุปสรรค,ปัญหา > ทางแก้ไข > ตกผลึกเป็นความรู้ แต่การที่เราเห็นแล้วลงมือทำและไม่สำเร็จ เพราะว่าเรา มองเห็น > เริ่มต้น > ปัญหา > ล้มเลิก ทีนี้เราจะเห็นแล้วว่า เวลาคนอื่นทำอะไรขึ้นมาจนสำเร็จได้ในวันนี้ เขาต้องผ่านกระบวนการด้านบนมาก่อน ส่วนเราที่ไม่สำเร็จเป็นเพราะเราล้มเลิกไปก่อน หรือไม่ได้คิดว่า สิ่งที่เราทำอยู่จะต้องเจออุปสรรคและ หาทางแก้ไขยังไงบ้าง ยกตัวอย่างง่ายๆเช่น การดูคลิปทำอาหาร เห็นแม่ครัวหยิบนี่นิดเทนี่หน่อยออกมาอร่อยแล้ว แต่ตอนเราทำเดี๋ยวซอสเยอะเกิน พริกมากไป ไม่กลมกล่อม สิ่งนี้เป็นแค่กระบวนการที่แม่ครัวเขาก็เจอมาและแก้ปัญหาเรียบร้อยแล้ว วันนี้เราก็แค่แก้ปัญหาและตกผลึกไปนั้นเอง 2. ภาพลวงตาของการรับรู้ คนเราเมื่อเห็นผลลัพธ์ หรือสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวในทางที่ดีหรือไม่ดีก็แล้วแต่ มักจะหาสาเหตุของสิ่งต่างๆนั้น เพื่อที่จะนำมาเป็นข้อสรุปให้กับตัวเอง และเก็บเป็นประสบการณ์หรือความรู้ แต่เมื่อสิ่งที่เราเชื่อหรือ สิ่งที่เราหาสาเหตุมาผิดก็จะทำให้ข้อสรุปของเราผิดไปด้วยเช่นกัน สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ทำให้ผมเข้าใจสิ่งต่างๆหลายอย่างผิดไปอย่างมาก ยกตัวอย่างเช่น ผมเห็นนาย A ถ่ายภาพคู่กับรถหรูคันใหม่ของเขาและผมเห็นนาย A ทำธุรกิจเกี่ยวกับขายของเล่น ผมจึงเข้าใจว่าขายของเล่นแล้วจะมีเงินเยอะเท่านาย A ผมจึงขายบ้างแต่ผลตอบรับนั้นไม่ได้เป็นดั่งที่หวัง ผมจึงถามนาย A ว่าเขาซื้อรถหรูด้วยการขายของเล่นรึเปล่า เขาตอบว่าเขาทำธุรกิจอื่นอีกหลายธุรกิจเพื่อให้ได้รถคันนี้ นี่เป็นตัวอย่างของภาพลวงตาของการรับรู้ที่เราหาสาเหตุมาผิด และนำมาเป็นข้อสรุปที่ผิดโดยที่เราไม่รู้ตัวเลย ภาพลวงตาของการรับรู้นี้จึงน่ากลัวกว่าภาพลวงตาข้อแรกซะอีก สรุป เหตุของการที่เราได้ลงมือทำอะไรลงไปแล้วไม่สำเร็จ หรือยังไม่สำเร็จนั้น เราอาจจะอยู่ในภาพลวงตาของ 2 ข้อนี้ โดยภาพลวงตาข้อแรก บอกถึงการมองผลลัพธ์เป็นตัวตั้ง โดยที่เรายังไม่เคยเห็นอุปสรรคที่ต้องฝ่าออกไป ทำให้ไม่เข้าใจว่าทำไมเราต้องมาเจอปัญหาต่างๆแบบนี้ และภาพลวงตาที่สอง บอกถึงการเข้าใจสาเหตุหรือเหตุผลแบบผิดๆ ทำให้เกิดข้อสรุปแบบผิดๆและทำให้เราไม่เข้าใกล้กับผลลัพธ์ที่ต้องการ หลังจากที่ผมเข้าใจ 2 เรื่องนี้แล้วทำให้ผมต้องกลับรีเช็คตัวเองอยู่บ่อยครั้งว่า สิ่งที่เราได้รับรู้ หรือเข้าใจมานี้ถูกต้องหรือเปล่า เวลาจะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ก็เข้าใจว่าต้องผ่านปัญหานั้นๆ เพื่อที่จะได้ตกผลึกออกมาเป็นแก่นของตัวเอง แล้วทุกคนเป็นยังไงบ้างครับหลังจากรู้จัก ภาพลวงตา 2 ประเภทนี้แล้ว ทำให้ตัวคุณมีกำลังใจที่จะลุยกับปัญหาอื่นๆต่อไป หรือหันกลับมามองสิ่งที่ทำอยู่ว่ามาถูกทางแล้วรึยังครับ ความรู้ในส่วนนี้ผมได้มาจากหนังสือชื่อว่า "คิดอย่างไรไม่ให้คิดไปเอง" ตัวหนังสืออธิบายไว้ค่อนข้างลึกเลยครับ ใครสนใจก็สามารถหาอ่านกันได้นะครับ ส่วนวันนี้ขอตัวลาไปก่อน ขอให้ทุกคนมีความสุขกับชีวิตครับ สวัสดีครับ เครดิตรูปภาพ ภาพปก ภาพถ่ายโดย Read today ภาพที่1 ภาพถ่ายโดย Tim Gouw: / pexels ภาพที่2 ภาพถ่ายโดย Pixabay: / pexels ภาพที่3 ภาพถ่ายโดย Pixabay: / pexels ภาพที่4 ภาพถ่ายโดย Pixabay: / pexels เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !