MEGA ราคาหุ้นพุ่งแรง หลังกำไร Q1/65 โต 84% ดีกว่าโบรกฯ คาด
#MEGA #ทันหุ้น-หุ้นบริษัท เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ MEGA ราคาพุ่ง 12.89% มูลค่าการซื้อขายหนาแน่น หลังประกาศงบไตรมาส 1/65 กำไรโต 84% โบรกเกอร์มองกำไรดีกว่าคาดพร้อมปรับประมาณการกำไร 2565-2566 เพิ่มขึ้น รวมถึงราคาเป้าหมายใหม่เพิ่มขึ้นเป็น 65 บาทต่อหุ้น
ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น MEGA เช้านี้ อยู่ที่ 54.75 บาท บวก 6.25 บาท หรือ 12.89% มีมูลค่าการซื้อขาย 475.45 ล้านบาท
MEGA แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ไตรมาส 1/65 มีกำไร 613.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้นราว 84.2% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไร 33.55 ล้านบาท โดยหลักเป็นผลมาจากการเติบโตของรายได้ในธุรกิจผลิตภัณฑ์ภายใต้เครื่องหมายการค้า Mega We Care และอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับตัวดีขึ้นซึ่งอัตรากำไรขั้นต้นโดยรวมในไตรมาส 1/65 อยู่ที่ 44.8% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 38.4% การปรับตัวดีขึ้น
รายได้จากการดำเนินงานรวมในไตรมาส 1/65 มีมูลค่า 3,820 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.8% โดยหลักมาจากธุรกิจผลิตภัณฑ์ภายใต้เครื่องหมายการค้า Mega We Care ซึ่งรายได้จากธุรกิจผลิตภัณฑ์ภายใต้เครื่องหมายการค้า Mega We Care มีมูลค่า 1,954 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.6% ทุกภูมิภาครายงานการเติบโตที่ดี ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลดีบางส่วนต่อการเติบโตของรายได้
ขณะที่รายได้จากธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ Maxxcare มีมูลค่า 1,787 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.3% ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าส่งผลดีบางส่วนต่อการเติบโตของรายได้ รายได้จากธุรกิจการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ Maxxcare ยังคงระดับ โดยไม่รวมค่าเงินบาทที่อ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ
บล.โนมูระ พัฒนสิน มีมุมมองบวกต่อกำไรของ MEGA ในงวดไตรมาส 1/65 ซึ่งดีกว่าที่ฝ่ายวิจัยและตลาดคาดไว้มากราว 42% และ 48% ตามลำดับ ปัจจัยหลักจากรายได้ และอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีกว่าคาด โดยเฉพาะการเติบโตของธุรกิจ Mega We Care ที่มีรายได้เติบโตในทุกภูมิภาค โดยเฉพาะ Southeast Asia และมี Product mix ที่ดีผลักดันให้ธุรกิจ Mega We Careมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 69% สูงเป็นประวัติการณ์
ฝ่ายวิจัยคาดแนวโน้มกำไรปกติในงวดไตรมาส 2/65 ของ MEGA จะเติบโตจากช่วงเดียวกันปีก่อน จากรายได้และอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจ Mega We Care ที่มีมาร์จิ้นสูงเติบโตผนวกกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้นต่อเนื่อง นำไปสู่การปรับประมาณการกำไรปี 2565-2566 เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาเป้าหมายของปี 2565 เพิ่มขึ้นเป็น 65 บาทต่อหุ้น จากเดิม 57 บาทต่อหุ้น คงคำแนะนำซื้อ