“UPS” ใช้ AI ปราบโกง รับมือวิกฤต “คืนของเก๊” ระบาดหนักช่วงเทศกาล

ท่ามกลางกระแสการช้อปปิ้งออนไลน์ที่พุ่งสูงขึ้น ปัญหา “การฉ้อโกงจากการคืนสินค้า” (Return Fraud) กำลังกลายเป็นฝันร้ายของบริษัทอีคอมเมิร์ซในสหรัฐฯ ล่าสุด แฮปปี้ รีเทิร์น (Happy Returns) หน่วยงานในเครือ อัปส์ (UPS) ยักษ์ใหญ่ด้านขนส่ง จึงได้ประกาศใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาตรวจสอบและสกัดกั้นการส่งคืนสินค้าปลอม ที่สร้างความเสียหายรวมกว่า 76,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี หรือราว 2,300,000 ล้านบาท

จากการเปิดเผยของ เดวิด โซบี (David Sobie) CEO ของ Happy Returns ระบุว่า ในช่วงเทศกาลวันหยุดปีนี้ บริษัทได้เริ่มทดสอบเครื่องมือ AI ตรวจจับการโกง เพื่อรับมือกับกลุ่มมิจฉาชีพที่ใช้วิธีการขอคืนเงิน แต่กลับส่งสินค้าไร้ราคาหรือของก๊อปปี้เกรดต่ำกลับมาแทนที่สินค้าจริง ซึ่งทำให้ร้านค้าไม่สามารถนำไปขายต่อได้

หัวใจสำคัญของปฏิบัติการนี้คือระบบ AI ที่ชื่อว่า รีเทิร์น วิชัน (Return Vision) ซึ่งจะทำงานตั้งแต่เริ่มกระบวนการคืนสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ โดยอัลกอริทึมจะวิเคราะห์ความเสี่ยงจากพฤติกรรมผู้ใช้ เช่น การขอคืนสินค้าทันทีที่ได้รับของ หรือการใช้หลายอีเมลผูกกับบัญชีเดียว

เมื่อสินค้าถูกนำมาส่งคืนที่จุดบริการ (Return Bar) พนักงานจะใช้ระบบสแกนเปรียบเทียบกับรูปภาพสินค้าจริงในแคตตาล็อก หากระบบประเมินว่ามีความเสี่ยงสูง สินค้าชิ้นนั้นจะถูกส่งต่อไปยังศูนย์กระจายสินค้าเพื่อเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบขั้นถัดไป โดยมนุษย์จะทำงานร่วมกับ AI ในการตรวจสอบรูปภาพอย่างละเอียดก่อนจะตัดสินใจระงับการคืนเงิน

ข้อมูลจาก Happy Returns และสมาพันธ์ค้าปลีกแห่งชาติ (NRF) คาดการณ์ว่าในปี 2025 ยอดการคืนสินค้าในสหรัฐฯ จะพุ่งสูงถึง 849,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นร้อยละ 15.8 ของยอดขายทั้งหมด และที่น่ากังวลคือร้อยละ 9 ของรายการคืนสินค้าเหล่านั้น เป็นยอดโกงการคืนสินค้า

ปัจจุบัน คู่แข่งรายใหญ่อย่าง แอมะซอน (Amazon) และ เฟดเอ็กซ์ (FedEx) ต่างก็เริ่มใช้เครื่องมืออัตโนมัติในการคัดกรองการคืนสินค้าที่ผิดปกติเช่นกัน สะท้อนให้เห็นว่าในโลกการค้ายุคใหม่ การต่อสู้กับมิจฉาชีพไม่ได้จำกัดอยู่แค่การป้องกันการขโมยในร้าน แต่คือการไล่ตามให้ทันกลโกงในระบบดิจิทัล ที่นับวันยิ่งพัฒนาจนตามจับได้ยากมากขึ้น