สวัสดีค่ะ เจอกันอีกเช่นเคย! วันนี้เราจะมาเล่าประสบการณ์การเตรียมตัวสอบเข้าคณะอินเตอร์เป็นพาร์ทที่สองแล้วค่ะ สำหรับใครที่ยังไม่ได้อ่านพาร์ทแรกสามารถคลิกที่นี่เพื่ออ่านบทความพาร์ทแรกได้เลยค่ะสรุปจากพาร์ทที่แล้วแบบคร่าว ๆ คะแนนที่เรามีในช่วงกรกฎาคม ปี 2021 คือ SAT MATH 740/800 และ IELTS 6.5 ค่ะ หลังจากนี้เราเตรียมตัวสอบ CU-ATS ต่อ ซึ่งเป็นวิชาฟิสิกส์และเคมี เราลงเรียนพิเศษแบบตัวต่อตัวไป ค่าเรียนก็เจ็บแสบมากค่ะ ตอนนั้น CU-ATS รอบสอบน้อย ต้องรีบจองที่นั่งสอบ ซึ่งเราลงสอบครั้งแรกต้นเดือนพฤศจิกายน 2021 ค่ะ อันนี้เป็นคะแนนของเราตอนสอบครั้งแรกค่ะสอบครั้งแรกเราหวังให้คะแนนเกินครึ่งเท่านั้นค่ะ หรือก็คือมากกว่า 800 คะแนน พอสอบมาได้ 960 คะแนนก็โอเค แต่ลึก ๆ ก็อยากแตะ 1000 เหมือนกัน จากนั้นเราเลยมีคะแนนครบสำหรับการสมัครรอบ Early Admission ในเดือนธันวาคมแล้ว คะแนนที่เราใช้ยื่นรอบแรกมีดังนี้ค่ะคณิต เราใช้ SAT MATH ได้ 740/800 คะแนน คิดเป็น 30.0625%วิทย์ เราใช้ CU-ATS ได้ 960/1600 คะแนน คิดเป็น 24.0000%อังกฤษ เราใช้ IELTS Band 6.5/9.0 คิดเป็น 14.4444%เกรดเฉลี่ย 5 เทอม เราได้ 3.79/4.00 คิดเป็น 7.1063%ซึ่งพอนำคะแนนทั้งหมดมารวมกัน เราจะได้ 75.6132%เห็นคะแนนตัวเองแล้วเพลียค่ะ รอบแรกไม่น่าติดแล้ว ในขณะเดียวกันช่วงปลายปี 2021 เราไปลองสอบรอบ OSP ของ SIIT ซึ่งเป็นข้อสอบตรงของคณะมา แต่เราไม่ได้ทุนนะคะ จากนั้นเราก็สมัคร SIIT รอบแรกโดยการใช้คะแนนรอบ OSP จะเป็นช่วงเดียวกับรอบ 1 Portfolio จากนั้นในช่วงเดือนมกราคมของปี 2022 มหาวิทยาลัยจะทยอยประกาศวันสัมภาษณ์มาค่ะ ซึ่งเราได้สัมภาษณ์ของ SIIT เราสมัครมหาวิทยาลัยภาคไทยมาด้วยและติดสัมภาษณ์เลยได้สัมภาษณ์แน่ ๆ แล้ว 2 มหาวิทยาลัยค่ะ แต่ของ ISE เราคิดว่าตัวเองไม่ติด ฮ่า ๆ แต่เหมือนเขาจะเรียกสัมภาษณ์คนที่คะแนนเกินเกณฑ์ทุกคนค่ะ เราเลยได้สัมภาษณ์ด้วย บอกตามตรงเลยว่าตอนนั้นพร้อมไป SIIT มากค่ะ ช่วงปลายปี 2021 เราสับสนกับตัวเองอีกครั้ง เราสอบแล้วเหนื่อยมาก ๆ เลยคิดว่าไป SIIT ดีไหม มีรุ่นพี่อยู่ที่นั่นเขาก็ชวนไปเรียน บอกว่า facilities ดี และจากที่เราศึกษามาก็เป็นคณะคุณภาพ เป็นคณะวิศวะอินเตอร์ที่แรกของไทยอีกด้วย แถมมีทุนให้เยอะ มีไปแลกเปลี่ยนและ MOU 80 กว่าประเทศ เคยเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ของ SIIT ก็รู้สึกสนุก บรรยากาศน่าเรียน เราหาดูคอนโด หอพักแถวนั้นไว้แล้วด้วย เรียกได้ว่ารีบมาก แต่พอจุฬาเรียนสัมภาษณ์เราก็เลี้ยวกลับแทบไม่ทันค่ะ ตอนนั้นรู้สึกว่านี่ฉันลังเลกับตัวเองอีกแล้วหรอ มันจะเป็นทางเลือกที่ถูกใช่ไหม เรารู้ว่าเราได้สัมภาษณ์แต่เราไม่ติดแน่ ๆ ในขณะที่ภาคไทยที่เรายื่นไปและ SIIT โอกาสติดในรอบแรกแทบจะ 100% ช่วงนั้นต้องชั่งน้ำหนักแต่ละคณะค่ะ สุดท้ายเราเลือกสู้ต่อ กลับมาเข้าจุฬาแล้วกัน! เราก็สัมภาษณ์ไปตามปกติค่ะ แอบประหม่านิด ๆ แต่ระหว่างสัมภาษณ์ก็รู้สึกว่าตัวเองทำได้ดี หลังจากนั้นไม่นานผลก็ออกมา สรุปว่าเราติดภาคไทยของมหาวิทยาลัยหนึ่งและติด SIIT สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์และดิจิทัลค่ะ ส่วน ISE จุฬาไม่ติดตามที่เราได้ประเมินตัวเองไว้ ช่วงยืนยันสิทธิ์รอบแรกเราเลยไม่ได้ยืนยันสิทธิ์เลย จากนั้นเราก็มาสอบต่อค่ะ โดยลงสอบ CU-TEP ปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2022 อยากลองเพิ่มคะแนนภาษาอังกฤษดู นี่คือคะแนนของเราค่ะเกณฑ์ขั้นต่ำของคณะคือ CU-TEP 80 ค่ะ เราได้ 79 ตอนนั้นก็หัวโล่งไปชั่วขณะ เราไปแลกเปลี่ยนมาก็จริงแต่เราไม่ถูกกับด้านการอ่านและเขียนเลยค่ะ สังเกตจากคะแนนพาร์ทที่แล้วที่สอบ IELTS คะแนนเราได้มาจากการพูดทั้งนั้นค่ะ และไวยากรณ์ก็เป็นเรื่องที่เราไม่ถนัดมาก ๆ (แต่ก็ยังจะลงสอบ) คะแนนออกมาแบบนี้เท่ากับว่าสูญเปล่าอีกแล้ว ที่อยากสอบเพราะคะแนนจะได้เพิ่มขึ้นแต่กลับต่ำลงซะงั้นจริง ๆ ช่วงปลายกุมภาพันธ์จะเป็นช่วงใกล้สอบปลายภาคของโรงเรียนด้วยค่ะ เรามีโปรเจกต์จบที่ต้องทำซึ่งหัวหมุนมาก นอนน้อยสุด ๆ หนังสือก็ต้องอ่าน โปรเจกต์ก็ต้องทำและแก้บ่อยมาก สุดท้ายก็ผ่านไปได้ แต่ช่วงนั้นเราลงสอบ CU-ATS และ CU-TEP ไปอีกรอบ! สอบอีกแล้ว แต่มันจะเป็นการสอบครั้งสุดท้ายแล้วค่ะ โดยสอบช่วงต้นเดือนมีนาคม เราไปสอบมาแต่คะแนนที่ได้ก็เป็นแบบนี้ค่ะคะแนน CU-ATS เราน้อยกว่าสอบรอบแรกอีก เรียกได้ว่าพัฒนาถอยหลังสุด ๆ ผิดหวังกับตัวเองมาก แต่ในห้องสอบก็ทำเต็มที่แล้วแหละค่ะ ส่วน CU-TEP ปวดหัวกว่าเดิม ได้มาแค่ 73/120 ในใจตอนนั้นคือ คะแนนไม่พัฒนาเลยก็คงไม่ติด ISE แล้วสาเหตุที่เราตัดสินใจไม่ยืนยันสิทธิ์ในรอบแรกนั้นง่ายมากเลยค่ะ SIIT สามารถสมัครได้หลายรอบ เราเลยกะจะสมัครรอบ 2 ด้วย ช่วงเดือนมีนาคมเราก็สมัครใหม่ทั้ง SIIT และ ISE โดยเป็นการสมัครครั้งสุดท้าย และสมัคร 2 คณะเท่านั้น ซึ่งคะแนนที่เรายื่นกับ SIIT คือSAT Evidence-Based Reading and Writing 450/800SAT Math 740/800Overall 1190/1600และคะแนนที่ยื่น ISE รอบสองเป็นคะแนนเดียวกับที่ยื่นรอบแรกทุกประการค่ะ เกรดเรายังใช้ 5 เทอมเหมือนเดิม คะแนนเป็นคะแนนเดิมทั้งหมดเพราะสอบใหม่ดันได้คะแนนน้อยกว่าเดิมนี่นะหลังจากนั้นคณะก็ประกาศวันสัมภาษณ์มา รอบนี้ประหม่าน้อยลง แต่ตอนพูดก็มีตัวสั่น ๆ เกร็ง ๆ อยู่บ้าง แต่ก็ถือว่าผ่านไปได้อย่างสบายใจค่ะ เพราะสัมภาษณ์ประมาณ 10 นาทีเอง ส่วน SIIT สัมภาษณ์ผ่าน Google Form เลยไม่ได้กดดันอะไรค่ะ จากนั้นไม่นานคณะก็ประกาศผล เราลุ้นมาก ๆ ว่าจะติดไหม เนื่องจากเห็นว่าเลขที่ผู้สมัครมีมากกว่าจำนวนคนรับค่ะ แต่พอประกาศผลจริงของ ISE คนติดดันน้อยกว่าจำนวนที่ต้องการรับอีก เรียกได้ว่าปีเราติดทุกคนที่ผ่านเกณฑ์เลยสรุปแล้วก็มีชื่อเราทั้งสองมหาวิทยาลัยค่ะ ของ SIIT ติดสาขาเดิมคือสาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์และดิจิทัล ก็คือสาขาที่เราอยากเรียนเมื่อก่อนนี่แหละ แต่เราลุ้น ISE มากกว่า ซึ่งหลังจากที่ผ่านแล้วจะต้องเลือกสาขา เราเลือก ICE ไว้อันดับแรกเนื่องจากเราเคยอยากเรียน ICE ค่ะ แต่ช่วงปลายปี 2021 ถึงต้นปี 2022 เราเริ่มมาสนใจด้านนาโนแล้ว เพราะเรารู้สึกอยากเรียนเรื่องควอนตัมฟิสิกส์หรือสิ่งที่เกี่ยวข้องกับควอนตัมค่ะ ซึ่งตอนนั้นก็รู้สึกว่านาโนเป็นการศึกษาอนุภาคขนาดเล็ก ปรากฏการณ์ทางควอนตัมก็เกิดกับอนุภาคขนาดเล็กเหมือนกันนี่นา คิดว่าถ้าได้มาเรียนสายนาโนน่าจะตอบโจทย์ค่ะ อีกทั้งยังเป็นสาขาวัสดุ ซึ่งเราคิดว่าวัสดุเป็นพื้นฐานของทุกอย่าง และเป็นสาขาที่เรียนกว้าง เราเป็นคนที่ชอบศึกษาอะไรหลากหลายเลยคิดว่าเรียนนาโนก็ดีค่ะ และตอนแรกที่ตัดสินใจเข้าภาค ICE ที่เป็นสาขาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ซะส่วนใหญ่ เราหลงคิดว่าเราชอบคอมพิวเตอร์ แต่เคยลองเขียนโปรแกรมแล้วรู้สึกไม่ค่อยดี ไม่ค่อยชอบค่ะ เลยมาตระหนักได้ทีหลังว่าจริง ๆ แล้วเราไม่ได้ชอบคอมพิวเตอร์ แต่เราชอบเทคโนโลยีต่างหาก ซึ่งความรู้ทางด้านนาโนหรือควอนตัมล้วนแล้วแต่สามารถพัฒนาเป็นเทคโนโลยีใหม่ ๆ ได้อย่างหลากหลายและกว้างขวาง คนที่เป็นผู้เชี่ยวชาญสำหรับเรามองว่าไม่ได้มีเยอะขนาดนั้น บวกกับสองสามปีมานี้กระแสควอนตัมมาแรงแซงทางโค้ง เราก็คิดว่านี่ก็เป็นสิ่งที่เราชอบเหมือนกับ เราอาจจะเอาศาสตร์ทางนาโนมาใช้กับศาสตร์ทางดิจิทัลก็ได้ และเพราะเราชอบค้นคว้าอะไรใหม่ ๆ เลยตัดสินใจเลือกสาขาวิศวกรรมนาโนไว้เป็นอับดับที่สองค่ะ ซึ่งสาขาใน ISE เราก็มองไว้แค่ 2 สาขานี้ สาขาอื่นรู้สึกจะเรียนไม่ไหวค่ะ 555 ตอนเลือกอันดับ เนื่องจากเป็นการเลือกตามลำดับคะแนน เราได้อันดับที่ 90 ต้น ๆ จากทั้งหมด 130 กว่าคน เลยได้สาขานาโนมาสมใจค่ะ เพราะ ICE หมดตั้งแต่อันดับแรก ๆ แล้ว นอกจากนี้ ในช่วงตัดสินใจ เรายังมีโควทที่เป็นแรงบันดาลในในการเรียนนาโนด้วยค่ะ ฮ่า ๆ คำพูดแรกมาจากอาจารย์ในสาขาท่านหนึ่ง เขาเคยพูดไว้ว่าเราเรียนนาโนไม่ใช่เพื่อปัจจุบันแต่เพื่ออนาคตและอีกคำพูดหนึ่งจากนักฟิสิกส์ที่ชื่อว่าคุณ Richard Feynmann เขาพูดไว้ว่าThere's Plenty of Room at the Bottomซึ่งสองคำพูดนี้ทำให้เรารู้สึกสนใจอนุภาคเล็ก ๆ เพิ่มขึ้นอีกเป็นร้อยเท่าพันเท่าเลยค่ะ อยากเรียนรู้มาก ๆ สุดท้ายเลยยืนยันวิศวกรรมนาโนไปเรายืนยันสิทธิ์ TCAS 65 รอบ 2 เป็น ISE CU ค่ะ ความฝันที่จะเข้า ISE เราสำเร็จแล้ว! เปลี่ยนใจมาหลายครั้ง ไม่รู้ว่าตอนไปเรียนจริงจะยังชอบนาโนอยู่ไหม จะมีความสุขหรือเปล่า แต่ขอเรียนก่อนแล้วจะมารีวิวอีกทีค่ะ สาขานี้คนเลือกน้อยมาก งงนิด ๆ ขอบคุณทุกคนที่ตามอ่านบทความของเรามาจนถึงตอนนี้นะคะ หลังจากนี้จะเขียนบทความรีวิวการสอบสัมภาษณ์และอื่นๆ อีกมากมายเลย ฝากติดตามด้วยนะคะ ^^ ป.ล.รูปคะแนนของเราห้ามนำไปเผยแพร่ต่อนะคะ 7-11 Community ห้องลับเมาท์มอยของกินของใช้ในเซเว่น อะไรดีอะไรใหม่ ต้องรู้ ต้องคุย ต้องแชร์