การบริหารจัดการเงิน หรือ money management ด้วยเทคนิค 4 บัญชีจะทำให้การบริหารจัดการเงินมีประสิทธิภาพ และสิ่งสำคัญคือ เมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงของผลลัพธ์ จะเชื่อมั่น สนุก และทำซ้ำจนเกิดเป็นอุปนิสัยบัญชีที่ 1 : บัญชีเงินเก็บบัญชีสำหรับเงินออมฉุกเฉิน เพื่อเป็นหลักประกันในยามฉุกเฉิน ซึ่งแนะนำว่าควรครอบคลุมค่าใช้จ่ายอย่างน้อย 6 เดือน เพราะหากเกิดอะไรผิดพลาด จะยังพอมีเงินสำรองให้เราตั้งตัวได้ทันโดยแนะนำเป็นบัญชี E-saving เพราะจะให้ดอกเบี้ยสูง ไม่เปิดบัตร ATM และหักเงินตั้งแต่ได้รับเงินเดือนเลยจะเป็นการดีที่สุด บัญชีที่ 2 : บัญชีค่าใช้จ่ายส่วนตัวเราต้องรู้ค่าใช้จ่ายแต่ละเดือน ซึ่งจะแบ่งเป็นรายจ่ายประจำ และรายจ่ายผันแปรรายจ่ายประจำ เช่น ค่าเช่ารถ บ้านรายจ่ายผันแปร เช่น ค่ากิน ค่าเสื้อผ้าอาจต้องมีการบันทึกรายรับรายจ่ายของเราคร่าวๆเพื่อเป็นข้อมูลสำหรับแบ่งเงินใส่ในบัญชีนี้ บัญชีที่ 3 : บัญชีลงทุนเมื่อมีเงินเหลือจากสองบัญชีข้างต้นก็นำเงินมาใส่ในบัญชีนี้ เพื่อนำไปลงทุน เช่นในหุ้นกู้ พันธบัตรรัฐบาล คริปโต กองทุนรวม เป็นต้นซึ่งบัญชีนี้มีข้อดี คือ ได้ใช้เงินเย็นสร้างผลตอบแทน ซึ่งจะได้ดอกเบี้ยมากกว่าการฝากเงิน แต่หากอยากเริ่มลงทุนเร็วๆ แนะนำว่าให้เริ่มด้วยเงินน้อยๆ เพราะหากเจ็บ จะได้เจ็บไม่หนักมาก แต่ไม่กระทบกับกระเป๋าเงินในบัญชีอื่นๆบัญชีที่ 4 : บัญชีเติมฝัน อาจแบ่ง 5-10 % ของรายได้ หรือตามความเหมาะสมเงินในบัญชีนี้ ใช้สำหรับไว้มอบความสุขให้กับเรา อยากได้อะไรก็ซื้อ จะได้ใช้เงินโดยไม่รู้สึกผิดในการซื้อของ เที่ยว ช่วยเหลือผู้อื่น ลงเรียน หรือซื้อหนังสือ แต่ถ้ายังไม่มีสิ่งที่อยากได้ก็อาจจะเก็บไว้ก่อน หากวันใดมีสิ่งที่อยากได้จะได้มีเงินก้อนไว้จับจ่ายการบริหารจัดการเงินไม่มีผิดไม่มีถูก อาจจะมีแบ่งบัญชีเพิ่ม เช่น บัญชีสำหรับครอบครัว บัญชีสำหรับเรียนต่อ แต่สิ่งสำคัญคือ ทำแล้วต้องมีความสุข และเกิดผลลัพธ์ที่ดีขึ้นกว่าเดิมเครดิตภาพประกอบบทความ : ภาพปก และภาพที่ 1 : pixabay1 โดย nattanan23ภาพที่ 2 : pexels โดย Alesia Kozikภาพที่ 3 : pexels โดย cottonbro studioภาพที่ 4 : pixabay โดย un-perfekt เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !