ผมจำได้ดีถึงบรรยากาศในร้านเกมสมัย PlayStation 2 กำลังรุ่งเรือง กลิ่นอับๆ ของพรมปูพื้น เสียงจอยสติ๊กกระทบกันดังลั่นร้าน และภาพเกมหลากสีสันบนหน้าจอ CRT ท่ามกลางเกมแอคชั่น เกมยิง และเกม RPG มากมาย มีเกมต่อสู้ 3D เกมหนึ่งที่ดึงดูดสายตาผมเข้าอย่างจัง นั่นคือ SoulCalibur III ภาคที่สามในซีรีส์ SoulCalibur อันโด่งดัง ปกเกมสีแดงเพลิง พร้อมภาพของ Nightmare ยืนถือ Soul Edge อันน่าเกรงขาม ทำให้เด็กหนุ่มอย่างผมในตอนนั้น อดใจไม่ไหวที่จะควักเงินเก็บซื้อมันมาครอบครอง ความรู้สึกแรกที่ได้สัมผัส คือความตื่นตาตื่นใจกับกราฟิกที่งดงามเกินหน้าเกมต่อสู้เกมอื่นๆ ในยุคนั้น รายละเอียดของตัวละคร ตั้งแต่เส้นผม เสื้อผ้า อาวุธ ไปจนถึงริ้วรอยบนใบหน้า ล้วนถูกสร้างขึ้นมาอย่างประณีตบรรจง ฉากหลังก็อลังการไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นปราสาทโบราณที่ดูขลัง สนามประลองกลางแจ้งที่เต็มไปด้วยผู้ชม หรือแม้แต่บนเรือเหาะที่ลอยอยู่เหนือเมฆ ทุกฉากล้วนเต็มไปด้วยรายละเอียดที่น่าทึ่ง กราฟิกและการนำเสนอ สิ่งที่ทำให้ SoulCalibur III โดดเด่นกว่าเกมอื่นๆ ในยุคนั้น คือการใช้เทคนิค Cel-Shading ที่ทำให้ภาพในเกมดูคล้ายกับภาพวาดการ์ตูน แต่ยังคงความสมจริงของแสงเงาเอาไว้ ตัวละครแต่ละตัวมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็น Zasalamel นักรบแห่งกาลเวลาผู้มีผ้าคลุมล่องลอย Tira สาวน้อยโรคจิตผู้ใช้ Ring Blade หรือ Setsuka เกอิชาผู้ใช้วิชาดาบ Iaijutsu เอฟเฟคแสงสีของท่าไม้ตายต่างๆ ก็เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่ทำให้ SoulCalibur III ดูน่าตื่นตาตื่นใจ เวลาปล่อยท่าไม้ตาย แสงสีจะสาดกระจายเต็มจอ พร้อมกับเสียงประกอบที่ทรงพลัง ตัวอย่างเช่น Critical Finish ของ Nightmare ที่ Soul Edge จะปล่อยพลังงานสีแดงฉานออกมา ก่อนที่จะฟาดฟันใส่คู่ต่อสู้ หรือ Lethal Hit ของ Ivy ที่ดาบแส้ของเธอจะแปรสภาพเป็นงู รัดร่างคู่ต่อสู้ ก่อนที่จะปลิดชีพด้วยคมดาบ ระบบการต่อสู้ SoulCalibur III ยังคงเอกลักษณ์ของซีรีส์ไว้ ด้วยระบบการต่อสู้แบบ 8 ทิศทาง ที่ทำให้การต่อสู้มีความหลากหลาย เราสามารถ เดินหน้า ถอยหลัง เดินเฉียง กระโดด หมอบ กลิ้งตัว หรือแม้แต่ Guard Impact เพื่อปัดป้องการโจมตีของศัตรูได้อย่างอิสระ ซึ่งต้องอาศัยการอ่านเกม จังหวะ และการตัดสินใจที่รวดเร็ว ระบบ Soul Charge ที่เพิ่มเข้ามาในภาคนี้ ทำให้การต่อสู้ดุเดือดยิ่งขึ้น เมื่อ Soul Charge ทำงาน ตัวละครจะเปล่งประกายออร่า พลังโจมตีและความเร็วในการเคลื่อนที่เพิ่มขึ้น และสามารถใช้ท่าพิเศษเฉพาะ Soul Charge ได้ ซึ่งแต่ละตัวละครก็จะมีท่า Soul Charge ที่แตกต่างกันออกไป นอกจากนี้ ระบบ Guard Break ก็เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญในการต่อสู้ เมื่อ Guard Break สำเร็จ เราจะสามารถทำลายการป้องกันของศัตรู และโจมตีได้อย่างต่อเนื่อง โหมดการเล่น SoulCalibur III อัดแน่นไปด้วยโหมดการเล่นมากมาย ที่ตอบสนองความต้องการของผู้เล่นทุกประเภท Arcade Mode: โหมดคลาสสิคที่ให้เราเลือกตัวละคร และต่อสู้กับ CPU ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงบอสใหญ่ Versus Mode: โหมดสำหรับประลองฝีมือกับเพื่อน หรือ CPU Chronicles of the Sword: โหมดเนื้อเรื่องแบบ RPG ที่เราจะได้สร้างตัวละครของตัวเอง เลือกอาวุธ ฝึกฝนทักษะ รับภารกิจ และออกผจญภัยไปในโลกของ SoulCalibur World Competition: โหมด Tournament ที่เราจะได้แข่งขันกับผู้เล่นคนอื่นๆ เพื่อชิงความเป็นหนึ่ง ผมชอบ Chronicles of the Sword เป็นพิเศษ เพราะมันทำให้ผมได้ปลดปล่อยจินตนาการ สร้างตัวละครในแบบของตัวเอง ตั้งชื่อ เลือกเผ่าพันธุ์ ปรับแต่งรูปลักษณ์ และเลือก Weapon Style ที่ต้องการ จากนั้นก็ออกเดินทางไปตามแผนที่โลก ต่อสู้กับศัตรู รับภารกิจ สะสมไอเทม และพัฒนาตัวละคร ตัวละคร SoulCalibur III มีตัวละครให้เลือกเล่นมากถึง 24 ตัวละคร (ไม่รวมตัวละครที่สร้างเอง) แต่ละตัวละครก็มีเอกลักษณ์ ท่าทาง และ Weapon Style ที่แตกต่างกันออกไป Nightmare: อัศวินดาบยักษ์ ผู้ใช้ดาบ Soul Edge พลังโจมตีสูง ท่าทางหนักแน่น Mitsurugi: ซามูไรผู้เชี่ยวชาญดาบคาตานะ รวดเร็ว ว่องไว คล่องแคล่ว Ivy: สาวสวยผู้ใช้ดาบแส้ โจมตีได้ทั้งระยะใกล้และไกล ท่าทางพลิ้วไหว Voldo: นักฆ่าลึกลับผู้มีท่าทางแปลกประหลาด เคลื่อนไหวแบบ Contortionist Zasalamel: นักรบแห่งกาลเวลา ผู้ใช้เคียว โจมตีด้วยเวทมนตร์ นอกจากนี้ ยังมีตัวละครรับเชิญ เช่น KOS-MOS หุ่นยนต์สาวจากเกม Xenosaga ดนตรีประกอบ ดนตรีประกอบใน SoulCalibur III ก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน เพลงประกอบแต่ละเพลงล้วนแล้วแต่ไพเราะ และเข้ากับบรรยากาศของเกมได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นเพลงร็อคหนักแน่น เพลงบรรเลงอันไพเราะ หรือเพลง Orchestral ที่ยิ่งใหญ่ ทุกเพลงล้วนแล้วแต่ติดหู และช่วยเพิ่มอรรถรสในการเล่นเกม ข้อเสีย แม้ SoulCalibur III จะเต็มไปด้วยข้อดี แต่ก็ยังมีจุดอ่อนอยู่บ้าง AI ของ CPU ในระดับความยากสูงสุด มีความโหดร้ายเกินไป พวกมันสามารถอ่านเกม และตอบโต้การโจมตีของเราได้อย่างแม่นยำ โหมดเนื้อเรื่อง Chronicles of the Sword ค่อนข้างสั้น และเนื้อเรื่องไม่ค่อยน่าติดตามเท่าไหร่ สรุป SoulCalibur III คือผลงานชิ้นเอกของเกมต่อสู้ 3D ที่รวมเอา กราฟิกที่สวยงาม ระบบการต่อสู้ที่ลุ่มลึก ตัวละครที่มีเอกลักษณ์ และดนตรีประกอบที่ไพเราะ เข้าไว้ด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ มันเป็นเกมที่มอบความสนุก ความท้าทาย และความทรงจำที่ดีให้กับผม คะแนน: 9.5/10 ประสบการณ์ส่วนตัว ผมจำได้ว่าตอนที่เล่น SoulCalibur III ใหม่ๆ ผมมักจะชวนเพื่อนๆ มาเล่น Versus Mode กันที่บ้าน พวกเราผลัดกันเลือกตัวละคร และต่อสู้กันอย่างดุเดือด เสียงหัวเราะ เสียงโห่ร้อง และเสียงจอยสติ๊กดังลั่นไปทั่วห้อง มันเป็นช่วงเวลาแห่งความสุข ที่ผมไม่มีวันลืม ผมยังจำได้ถึงความรู้สึกตื่นเต้น เมื่อสามารถ ปล่อยท่าไม้ตาย Critical Finish ของ Nightmare ใส่เพื่อนได้เป็นครั้งแรก หรือความรู้สึกเจ็บใจ เมื่อโดน Lethal Hit ของ Ivy เล่นงานจนแพ้ SoulCalibur III ไม่ใช่แค่เกม แต่มันคือส่วนหนึ่งของชีวิตผม มันคือเพื่อน คือความทรงจำ และคือความสุขในวัยเด็ก เครดิตภาพ ทางผู้เขียนได้ซื้อเกมนี้มาเล่นเองถ่ายรูปลงเอง เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !