ธัมมจักกัปปวัตนสูตร เป็นปฐมเทศนาหรือเทศนากัณฑ์แรกที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่ปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 และในขณะที่พระพุทธองค์ทรงแสดงพระธรรมเทศนาอยู่นั้นโกณฑัญญะหนึ่งในปัญจวัคคีย์ ได้ดวงตาเห็นธรรม ว่า “สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งหมดมีความดับไปเป็นธรรมดา” บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบันบุคคลในพระพุทธศาสนา ท่านได้กราบทูลขออุปสมบท พระพุทธองค์ประทานการอุปสมบทให้ด้วยพระดำรัสว่า “เธอจงเป็นภิกษุมาเถิด ธรรมอันเรากล่าวดีแล้ว เธอจงประพฤติพรหมจรรย์ เพื่อทำที่สุดทุกข์โดยชอบเถิด” ด้วยพระวาจาเพียงเท่านี้ โกณฑัญญะ ก็สำเร็จเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา นับว่าเป็นพระสงฆ์รูปแรกในโลก และการอุปสมบทด้วยวิธีนี้เรียกว่า เอหิภิกขุอุปสัมปทา จากเหตุการณ์นี้จึงทำให้บังเกิดองค์พระรัตนตรัยครบถ้วนสมบูรณ์ทั้ง 3 ประการ คือพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ พุทธพจน์ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสสอนในพระธัมมจักกัปปวัตตนสูตรนั้น มี 3 ตอน ส่วนแรกที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงคือ สิ่งที่ไม่ควรเสพสองอย่าง ได้แก่ การปฏิบัติตนย่อหย่อนสบายกายเกินไป (กามสุขัลลิกานุโยค) และการปฏิบัติตนจนทรมานกายเกินไป (อัตตกิลมถานุโยค) จากนั้น พระพุทธองค์ตรัสชี้แนะวิธีปฏิบัติ แบบ “มัชฌิมาปฏิปทา” คือ การปฏิบัติตามทางสายกลาง ไม่ย่อหย่อนเกินไป และไม่ตึงเกินไป ซึ่งเป็นข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ เรียกว่า อริยอัฏฐังคิกมรรค คือทางอันประกอบด้วยองค์ 8 ประการ ได้แก่ สัมมาทิฏฐิ เห็นชอบ สัมมาสังกัปปะ ดำริชอบ สัมมาวาจา เจรจาชอบ สัมมากัมมันตะ ทำการงานชอบ สัมมาอาชีวะ เลี้ยงชีพชอบ สัมมาวายามะ เพียรชอบ สัมมาสติ ระลึกชอบ และสัมมาสมาธิ ตั้งจิตไว้ชอบ สุดท้ายทรงแสดงสิ่งที่ทำให้พระองค์ตรัสรู้ คือทรงแสดงอริยสัจ 4 ประการ เพื่อการหลุดพ้นจากทุกข์ โดยแก้ที่สาเหตุของทุกข์ กล่าวคือ ทุกข์ ควรรู้ สมุทัย ควรละ นิโรธ ควรทำให้แจ้ง และ มรรค ลงมือปฏิบัติ หากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนถ่องแท้แล้ว จะเห็นได้ว่าหลักคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ปรากฏในธัมมจักกัปปวัตนสูตร มีคุณานุคุณต่อมวลมนุษย์อย่างมหาศาล ทว่ามนุษย์จะเข้าใจและนำมาใช้ประโยชน์ได้มากน้อยเพียงใด เช่น ถ้าหากรู้จักนำเอาหลักคำสอนเรื่องมัชฌิมาปฏิปทาหรือทางสายกลางมาประพฤติปฏิบัติแล้วย่อมมีส่วนให้ชีวิตมีความเจริญก้าวหน้าอย่างยิ่งยวด กล่าวคือเมื่อคิดเห็นประการใดก็คิดไปในทางที่ถูกเห็นในทางที่ควร เมื่อคิดเห็นถูกก็นำไปสู่สัมมาวาจาการเจรจาชอบ พูดดี ทำดี ประกอบอาชีพสุจริต ต่อไปเป็นลำดับขั้น เมื่อคิดสิ่งใดก็เป็นไปในทางที่ชอบประกอบด้วยธรรม ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น ย่อมทำให้จิตใจสงบร่มเย็นไม่ต้องหวาดระแวงสิ่งใดเพราะไม่ได้เบียดเบียนใคร เป็นต้น นอกจากการนำคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาปฏิบัติแล้ว การสวดมนต์ด้วยบทธัมมจักกัปปวัตนสูตร ซึ่งเป็นพระสูตรบทแรกก็ทำให้มีอานิสงค์ในการสวดมาก ตามคัมภีร์กล่าวไว้ดังนี้ “ท่านใดได้สวดจะทำให้ชีวิตมีความเจริญรุ่งเรือง ไม่ว่าจะเป็นกิจการงานแขนงใดที่ทำอยู่จะได้เจริญก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น และยังเป็นบทสวดที่ปลดเปลื้องทุกข์ภัยต่างๆ นานาได้อีกด้วย สิ่งเลวร้ายจะกลายมาเป็นแก้วสารพัดนึกขึ้นมาได้และยังจะทำให้ผู้นั้นมีอายุยืน มีความ สุขกาย สุขใจ ปราศจากทุกข์โศก โรคภัย เมื่อได้สวดประจำทุกคืน ทั้งตื่นและหลับจะกลับกลายเป็นมิ่งมงคลแก่ตัวเอง เมื่อยังมีชีวิตอยู่ก็ได้มีความเจริญก้าวหน้าสถาพร ทรัพย์สมบัติข้าวของบริบูรณ์ เมื่อละไปจากโลกจะ ได้ไปอยู่เป็นสุขในสรวงสวรรค์ชั้นใดชั้นหนึ่งดังที่จิตใจของเราได้เคยสวดสาธยายมาแล้ว” หากยังเกิดคำถามขึ้นในใจอีกว่า “ทำไม? ชีวิตจึงก้าวหน้า ถ้าสวดธรรมจักร” ให้เข้าใจอย่างนี้ว่าอย่างน้อยที่สุดของอานิสงค์ของการสวดมนต์แม้ไม่ทราบคำแปลของบทสวดนั้นก็ตาม ขณะสวดจิตใจของผู้สวดย่อมมีความสงบ ไม่คิดเบียดเบียนผู้อื่น จิตไม่เศร้าหมอง เมื่อไม่คิดการใดที่เป็นอกุศล นอกจากจิตใจจะสงบแล้วยังมีสติอยู่กับตัว ไม่คิดชั่ว ทำชั่ว พูดชั่ว เพียงเท่านี้ก็ถือได้ว่าเป็นบุญแล้ว และดังที่กล่าวไปข้างต้นแล้วว่าธัมมจักกัปปวัตนสูตรเป็นพระสูตรบทแรกก็ย่อมมีอานิสงค์มากเพราะการสวดบทนี้เป็นการระลึกนึกถึงพระรัตนตรัย มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ทำให้ใจสงบ เมื่อใจมีบุญมาหล่อเลี้ยงก็จะดึงดูดแต่คนดีๆ สิ่งดีๆ เข้ามาหรือแม้แต่มีปัญหาที่ยังแก้ไม่ได้แต่ปัญหานั้นก็ไม่ได้มีในใจ เสมือนการชำระจิตใจให้สงบสะอาด ไม่ยึดติดอยู่กับปัญหาใด ๆ พร้อมรับสิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ คุณสมบัติประการสำคัญของผู้ที่จะเจริญก้าวหน้าได้นั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดๆ คือผู้ที่มีใจหนุนนำความคิด ดังที่ พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า “เรื่องทุกเรื่อง เริ่มต้นที่ใจ สำคัญที่ใจ สำเร็จได้ด้วยใจ ถ้าหากใจเสียหายแล้ว จะทำจะพูดอะไรก็เกิดความเสียหาย ความทุกข์ร้อนจะติดตามคนนั้นไปเหมือนกับล้อเกวียนที่หมุนตามรอยเท้าโคที่ลากเกวียนไป” ฉะนั้นแล้วผู้แสวงหาความก้าวหน้าในชีวิตสมควรอย่างยิ่งที่จะต้องหล่อเลี้ยงใจด้วยบุญ และสร้างบุญด้วยการสวดธัมมจักกัปปวัตนสูตร…ขอบคุณรูปภาพจาก pixabay : ภาพประกอบที่ 1 และ freepik : ภาพประกอบที่ 2 / ภาพประกอบที่ 3