8 วิธีเก็บเบกกิ้งโซดา ไม่ให้จับกันเป็นก้อน หรือเสียเร็ว ทำไงดี อ่านต่อเลย! เขียนโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล ถ้าจะพูดว่าหลายคนรู้จักเบกกิ้งโซดาและใช้บ่อย ก็น่าจะเป็นไปได้สำหรับปัจจุบัน เพราะก็ได้มีการเผยแพร่ประโยชน์ต่างๆ มากมายของผงสีขาวชนิดนี้ตามสื่อต่างๆ ซึ่งคุณผู้อ่านรู้ไหมคะว่า หนึ่งปัญหาที่หลายคนเจอและต้องการวิธีแก้ไข คงจะหนีไม่พ้นเรื่องของการจับตัวกันเป็นก้อนแข็งของเบกกิ้งโซดา โดยในบางกรณีบางคนก็ยังมองไม่ออกว่า สิ่งแวดล้อมที่อยู่โดยรอบมีผลต่อคุณสมบัติของเบกกิ้งโซดา จึงทำให้เราเจออปัญหาในการจัดเก็บนะคะ โดยปัญหาดังกล่าวจะหมดไปถ้าคุณผู้อ่านได้นำเคล็ดลับในบทความนี้ไปใช้ค่ะ โดยในหลายๆ ข้อช่วยได้มากหากเราวางไว้ผิดที่ผิดทาง และอ่านจบแล้วความเป็นมืออาชีพในการจัดเก็บเบกกิ้งโซดาของคุณผู้อ่านจะมีมากขึ้นแน่นอนค่ะ ที่จะช่วยป้องกันการต้องทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์เพราะหมดสภาพด้วย และไม่ต้องอารมณ์เสียอีกต่อไป จากที่ใช้ไม่คุ้มค่านะคะ และต่อไปนี้คือ 8 วิธีเก็บเบกกิ้งโซดา ไม่ให้จับกันเป็นก้อน ที่จำเป็นต้องรู้ค่ะ 1. หลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรง การเก็บเบกกิ้งโซดาให้คงคุณภาพและใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพนั้น มีเรื่องเล็ก ๆ ที่หลายคนอาจมองข้ามไป นั่นก็คือการหลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรงค่ะ เนื่องจากความร้อนและรังสีที่มากับแสงแดด สามารถเข้าไปทำลายโครงสร้างทางเคมีของเบกกิ้งโซดาได้โดยตรง ทำให้ประสิทธิภาพในการขึ้นฟูหรือดูดซับกลิ่นลดลงได้ ดังนั้นเพื่อยืดอายุการใช้งานและรักษาคุณภาพของเบกกิ้งโซดาให้ดีที่สุด เราจึงควรเก็บไว้ในที่มิดชิด เย็น และพ้นจากแสงแดดโดยตรงจะดีที่สุดค่ะ เพียงเท่านี้เบกกิ้งโซดาคู่ใจของเราก็พร้อม เป็นตัวช่วยสารพัดประโยชน์ให้เราได้อีกนานเลยล่ะค่ะ 2. เก็บในที่เย็นและมืด หลายคนอาจจะวางเบกกิ้งโซดาไว้ในตู้กับข้าวที่อยู่ใกล้เตาไฟ ซึ่งจริงๆ แล้วนี่คือสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงเป็นอย่างยิ่งค่ะ เพราะเบกกิ้งโซดาของเรานั้นไม่ชอบความร้อนและความสว่าง เพราะเมื่อโดนความร้อนและแสงสว่างนานๆ เข้า คุณสมบัติในการทำปฏิกิริยาและประสิทธิภาพก็จะลดลงไปเรื่อยๆ ทำให้ไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการทำให้ขนมฟูสวย หรือการช่วยขจัดกลิ่นเหม็นต่างๆ ก็ตาม ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคือการเก็บเบกกิ้งโซดาไว้ในที่เย็นและมืดสนิท อย่างเช่น ในตู้เก็บของที่ปิดทึบ หรือลิ้นชักที่อยู่ห่างไกลจากแหล่งความร้อน เพื่อให้เบกกิ้งโซดาของเรายังคงคุณภาพดีและพร้อมใช้งานได้ยาวนานที่สุดค่ะ 3. เก็บในที่แห้ง เนื่องจากเบกกิ้งโซดานั้นมีคุณสมบัติในการดูดซับความชื้นและกลิ่นได้ดีเยี่ยม หากเราเก็บไว้ในที่ชื้น ไม่ว่าจะเป็นในตู้เย็นหรือใกล้อ่างล้างจาน ก็จะทำให้แข็งและจับเป็นก้อนหรือจับเป็นผลึกได้ง่ายๆ และนั่นก็จะทำให้ประสิทธิภาพในการใช้งานลดลงไปมากๆ ค่ะ เพราะฉะนั้นการเก็บเบกกิ้งโซดาที่เหมาะสม ควรเป็นในที่แห้งและปิดสนิท เช่น ในภาชนะสุญญากาศหรือถุงซิปล็อกที่ปิดแน่น เพราะจะช่วยรักษาคุณภาพและยืดอายุการใช้งานให้เราสามารถหยิบมาใช้ได้เต็มที่ทุกครั้งที่ต้องการ และป้องกันความชื้นได้ดีนะคะ 4. ถ่ายใส่ภาชนะสุญญากาศ เหตุผลว่าทำไมเราถึงควรจะถ่ายเบกกิ้งโซดาจากถุงเดิม ไปเก็บไว้ในภาชนะสุญญากาศ ก็เพราะว่าเบกกิ้งโซดานั้นมีคุณสมบัติพิเศษคือ ดูดซับความชื้นและกลิ่น ดังนั้นแทนที่จะเก็บในถุงที่ซื้อมาแล้วที่มีแค่การพับปากถุงเอาไว้ การเก็บในภาชนะสุญญากาศจะดีกว่ามากคะ เพราะจะช่วยป้องกันไม่ให้ความชื้นหรือกลิ่นไม่พึงประสงค์จากรอบข้างเข้าไปรบกวน ทำให้เบกกิ้งโซดาของเราไม่จับตัวเป็นก้อนหรือแข็งกระด้าง และยังคงประสิทธิภาพในการใช้งานได้เต็มที่อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการช่วยให้ขนมฟู หรือกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้อย่างหมดจด ตัวอย่างของภาชนะสุญญากาศ เช่น กล่องสุญญากาศแบบมีปั๊มดูดอากาศ กล่องสุญญากาศแบบฝาล็อกแน่น และถุงซิปล็อกสุญญากาศ ซึ่งถุงซิปล็อกหนาๆ แบบธรรมดาที่ปิดสนิท ก็พอใช้ได้เหมือนกัน แต่ถ้าอยากให้ดีที่สุดก็ต้องเลือกแบบที่ใช้กับเครื่องซีลสุญญากาศนะคะ 5. แยกกล่องสำหรับใช้ทำอาหารและใช้ทำความสะอาด สิ่งสำคัญที่คนส่วนใหญ่มักมองข้ามไป คือ เรื่องของสุขอนามัยในการเก็บรักษา เพราะถึงแม้ว่าเบกกิ้งโซดาจะดูเป็นสิ่งที่ไม่มีพิษภัย แต่การนำไปใช้ทำความสะอาด ไม่ว่าจะเป็นการขัดห้องน้ำ ขจัดคราบ หรือดับกลิ่นท่อระบายน้ำ ก็อาจทำให้มีสิ่งปนเปื้อนติดมากับผงเบกกิ้งโซดาได้โดยไม่รู้ตัว ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยและสุขอนอนามัยที่ดี เราควรแยกกล่องเบกกิ้งโซดาค่ะ โดยแยกเป็นสำหรับทำอาหารออกจากกล่องที่ใช้สำหรับงานทำความสะอาด การแยกกล่องให้ชัดเจนและติดป้ายกำกับไว้ จะช่วยป้องกันการหยิบผิด และมั่นใจได้ว่าเบกกิ้งโซดาที่เรานำมาใช้ทำอาหารยังคงความบริสุทธิ์ สะอาด ปลอดภัย ไม่ปนเปื้อนสารเคมีหรือสิ่งสกปรกใดๆ ที่อาจมาจากงานทำความสะอาดบ้านนะคะ 6. เก็บให้ห่างจากสารเคมีและสิ่งที่มีกลิ่นฉุน รู้ไหมคะว่า สิ่งที่เราควรรู้ถัดมา คือ เราควรเก็บเบกกิ้งโซดาให้ห่างจากสารเคมีและสิ่งของที่มีกลิ่นฉุนค่ะ เพราะเบกกิ้งโซดามีคุณสมบัติในการดูดซับกลิ่นได้ดี หากเก็บไว้ใกล้สารเคมีอันตรายหรือของที่มีกลิ่นแรงๆ เช่น น้ำยาทำความสะอาดสี กาว ทินเนอร์ กลิ่นเหล่านั้นอาจถูกดูดซับเข้าไปในเบกกิ้งโซดาได้ จนทำให้ประสิทธิภาพลดลงหรืออาจปนเปื้อนจนไม่เหมาะกับการนำไปใช้กับอาหารได้อีกต่อไป นอกจากนี้การสัมผัสกับสารเคมีบางชนิดอาจทำให้เกิดปฏิกิริยาที่ไม่พึงประสงค์ได้ด้วย ทางที่ดีควรเก็บเบกกิ้งโซดาไว้ในภาชนะที่ปิดสนิท ในที่แห้งและเย็น ห่างไกลจากสารเคมีและกลิ่นไม่พึงประสงค์ เพื่อให้เบกกิ้งโซดาของเราคงคุณภาพและพร้อมใช้งานอยู่เสมอค่ะ 7. ใช้ช้อนตักที่แห้งและสะอาด การใช้ช้อนที่แห้งและสะอาดตักเบกกิ้งโซดาสำคัญค่ะ เพราะเบกกิ้งโซดามีคุณสมบัติในการดูดซับความชื้นได้ดีมาก หากเราใช้ช้อนที่เปียกหรือสกปรกตัก จะทำให้เบกกิ้งโซดาจับตัวเป็นก้อนแข็ง และอาจลดประสิทธิภาพในการใช้งานลงได้ เช่น หากนำไปทำขนม อาจทำให้ขนมขึ้นฟูได้ไม่เต็มที่ หรือถ้าใช้ทำความสะอาด ก็อาจออกฤทธิ์ได้ไม่ดีเท่าที่ควร ซึ่งการที่เบกกิ้งโซดาสัมผัสกับสิ่งสกปรก ก็อาจเกิดการปนเปื้อนได้ด้วย ดังนั้นเพื่อให้เบกกิ้งโซดาของเราคงคุณภาพดี และพร้อมใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพเสมอ ควรใช้ช้อนที่แห้งสนิทและสะอาดทุกครั้งที่ตักใช้งาน และเก็บเบกกิ้งโซดาในภาชนะที่ปิดสนิทในที่แห้งและเย็น เพียงเท่านี้เราก็จะได้ใช้ประโยชน์จากเบกกิ้งโซดาได้อย่างเต็มที่แล้วค่ะ 8. ตรวจสอบเป็นประจำ จากที่เบกกิ้งโซดาเป็นเพื่อนคู่ครัวที่ใช้งานได้หลากหลาย ตั้งแต่ทำขนม อบอาหาร ทำความสะอาดบ้าน ไปจนถึงดูดซับกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่างๆ นั้น และเพื่อให้เบกกิ้งโซดาของเรายังคงประสิทธิภาพสูงสุดอยู่เสมอ สิ่งสำคัญที่ตามมา คือ การหมั่นตรวจสอบสภาพของเบกกิ้งโซดาเป็นประจำค่ะ โดยเราต้องสังเกตดูว่า เบกกิ้งโซดาที่เก็บไว้มีลักษณะเป็นอย่างไร ยังเป็นผงละเอียดเหมือนเดิมไหม หรือจับตัวเป็นก้อนแข็ง มีกลิ่นแปลกๆ หรือมีสีเปลี่ยนไปหรือเปล่า? หากพบว่ามีการจับตัวเป็นก้อน นั่นอาจเป็นสัญญาณว่ามีความชื้นเข้าไประหว่างการเก็บรักษา ซึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพในการใช้งานลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากนำไปใช้ในการอบ หรือทำขนมอาจทำให้ผลลัพธ์ไม่ดีเท่าที่ควรค่ะ ซึ่งการตรวจสอบเป็นประจำจะช่วยให้เรามั่นใจว่า กำลังใช้เบกกิ้งโซดาที่มีคุณภาพดีอยู่เสมอ เพื่อให้ทุกการใช้งานได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดนั่นเองนะคะ ก็จบแล้วค่ะ โดยจริงๆ แล้วการเก็บเบกกิ้งโซดาไม่ได้ยุ่งยากซับซ้อนอย่างที่คิดนะคะ ซึ่งสิ่งสำคัญที่ควรพิจารณาในการตัดสินใจเลือกวิธีเก็บรักษาก็คือ ปริมาณของเบกกิ้งโซดาที่เรามี และความบ่อยในการใช้งาน ถ้าเราซื้อมาในปริมาณไม่มากและใช้บ่อย เช่น ทำขนมสัปดาห์ละครั้ง การเก็บในถุงซิปล็อกเดิมที่ปิดสนิท หรือใส่ในภาชนะที่มีฝาปิดสนิทที่สะอาดและแห้ง ก็เพียงพอแล้วค่ะ และไม่จำเป็นต้องหาอุปกรณ์อื่นเพิ่มเติมเลย เพราะเบกกิ้งโซดาจะเสื่อมคุณภาพเมื่อโดนความชื้นและอากาศ การเก็บในที่แห้งและเย็นจะช่วยยืดอายุการใช้งานได้ดีที่สุด ซึ่งก็ไม่ได้หมายความว่าเราต้องทำตามทุกข้อเสมอไป เพียงแค่เลือกวิธีที่เหมาะสมกับบริบทการใช้งานของเราที่สุดก็พอค่ะ เพราะผู้เขียนก็ทำแบบนั้นเหมือนกันโดยในตอนหลังมาไม่ได้ทำขนมบ่อย แต่ใช้เบกกิ้งโซดามาทำความสะอาดบ่อย เลยใช้ถุงซิปล็อกเดิมที่มาตอนซื้อ และแยกอีกส่วนเพียงเล็กน้อยออกไว้ทำขนมค่ะ ซึ่งที่นี่ผู้เขียนจะมีกล่องพลาสติกสำหรับเก็บอุปกรณ์ทำขนมสำหรับของที่สิ้นเปลือง และเบกกิ้งโซดามักถูกนำมาเก็บไว้ในกล่องนี้ค่ะ โดยกล่องจะวางไว้ในชั้นอีกที ที่ไม่โดนแดด ไม่ได้ใกล้เตาไฟและห่างจากอ่างล้างจานพอสมควรค่ะ ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่ได้ทิ้งเบกกิ้งโซดาเพราะจับกันเป็นก้อนค่ะ ดังนั้นอย่าลืมนำเทคนิคดีๆ ในบทความนี้ไปใช้กันนะคะทุกคน ด้วยความตั้งใจ ผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านไม่มากก็น้อย หากสนใจเนื้อหาเช่นนี้อีก อย่าลืมกดติดตามหรือบุ๊กมาร์กโปรไฟล์ไว้ เพื่อรับข้อมูลใหม่ๆ ในบทความต่อไป และถ้าต้องการอ่านบทความทั้งหมดโดยผู้เขียน ให้กดที่รูปโปรไฟล์ใต้ชื่อบทความนี้ได้เลยค่ะ เครดิตรูปภาพประกอบบทความ รูปภาพทำหน้าปกและหน้าปกโดยผู้เขียน ออกแบบใน Canva รูปภาพประกอบเนื้อหา: ภาพที่ 1 โดย KWON JUNHO จาก Unsplash, ภาพที่ 2 โดย Anna Tarazevich จาก Pexels และภาพที่ 3-4 โดยผู้เขียน เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา: พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ: สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การบำบัดน้ำเสียและกำจัดสิ่งปฏิกูล วิธีล้างผักและผลไม้ให้สะอาด ด้วยเบกกิ้งโซดา และเปิดน้ำไหลผ่าน ขั้นตอนขัดเครื่องครัวสะอาด ด้วยเบกกิ้งโซดา ขจัดคราบรอยไหม้ดำ 7 ตัวอย่างการใช้ประโยชน์จากเบกกิ้งโซดา (Baking Soda) ในบ้านง่ายๆ เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !