โหวตสะดุด–สภาสะเทือน ค่ำคืนที่ไทยยุบสภาแบบไม่ทันตั้งตัว เกิดอะไรขึ้นกับการเมืองไทยวันนี้

สรุปเหตุการณ์การเมืองไทย วันนี้เกิดอะไรขึ้น ทำไมการโหวตมาตราสำคัญ สู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ กลับกลายเป็นค่ำคืนที่เกิดการยุบสภาแบบเฉียบพลัน ไร้สัญญาณบ่งบอกล่วงหน้า

อนุทินทูลเกล้าฯ ยื่นยุบสภา-ภูมิใจไทยโหวตสวนมติ คงอำนาจ สว. 1 ใน 3

เกิดความเคลื่อนไหวสำคัญบนเวทีการเมืองไทย เมื่อช่วงค่ำวันที่ 11 ธันวาคม อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้กราบบังคมทูลฯ เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร ส่งผลให้การเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ต้องเกิดขึ้นตามกรอบกฎหมายทันทีที่ พ.ร.ฎ.ประกาศในราชกิจจานุเบกษา

อันที่จริง วันนี้ การเมืองควรจะนิ่ง และทุกสายตามุ่งไปที่สถานการณ์สู้รบระหว่างไทยและกัมพูชา โดยวันนี้ เป็นกำหนดการลงอภิปรายและลงมติมาตรา 256/28 ซึ่งกำหนดให้ใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่

แต่กลับกลายเป็นว่า พรรคภูมิใจไทย โหวตสวนมติวิปรัฐบาลและ กมธ. เสียงข้างมาก ทำให้เสียงสมาชิกวุฒิสภา 1 ใน 3 ยังมีสิทธิโหวตเห็นชอบร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 

พรรคประชาชนชี้ เป็นการ “ฉีก MOA”

สำหรับพรรคประชาชน ถือว่านี่เป็นการ “ฉีก MOA” ขัดขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เป็นของประชาชนอย่างแท้จริง พร้อมเตรียมยื่นซักฟอกทันที ฐานผิดข้อตกลง MOA และทำให้ร่างรัฐธรรมนูญใหม่เสี่ยงสะดุดก่อนถึงวาระสาม ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151

พรรคประชาชนและเพื่อไทย เคลื่อนไหวเตรียมการยื่นซักฟอกทันที แต่ก่อนที่การซักฟอกจะเกิดขึ้น อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้ชิงความได้เปรียบล่วงหน้าไว้แล้ว ด้วยการกราบบังคมทูลฯ เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร อย่างเป็นทางการ ท่ามกลางกระแสข่าวลือที่ร้อนแรงมาตลอดทั้งวัน โดยมีรายงานว่า ทางพรรคภูมิใจไทยทูลเกล้าฯ ยื่นยุบสภาไปแล้วตั้งแต่ช่วงเย็นวันนี้ 

“ขอคืนอำนาจกลับไปยังประชาชน”

หลังจากนั้นไม่นาน เมื่อเวลาประมาณ 22.05 น. อนุทินได้โพสต์ข้อความสั้นแต่ชัดเจนบนเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “ผมขอคืนอำนาจกลับไปยังพี่น้องประชาชนครับ” 

ข้อความดังกล่าวถูกจับตามองอย่างกว้างขวาง เนื่องจากเป็นการส่งสัญญาณถึงจุดยืนของผู้นำรัฐบาลภายใต้กระแสข่าวความตึงเครียดในพรรคร่วม และการเคลื่อนไหวรวบรวมรายชื่อเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจที่เริ่มกดดันอย่างหนักในช่วงวันที่ผ่านมา

สถานการณ์ต่อจากนี้ ถูกจับตาว่า พรรคการเมืองแต่ละพรรคจะเดินเกมอย่างไร และการยุบสภาครั้งนี้จะส่งผลอย่างไรต่อสมดุลอำนาจและแนวทางจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งครั้งใหม่