9 วิธีลดการเผาฟาง หลังทำนาข้าว ในพื้นที่การเกษตร ทำยังไงดี มารู้กันเลย! เขียนโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล หลลายคนมองว่าฟางข้าวหลังการเก็บเกี่ยว เป็นเศษวัสดุที่ต้องรีบกำจัดเพื่อเตรียมพื้นที่เพาะปลูกใหม่ แต่ในด้านงานอนามัยสิ่งแวดล้อมและการจัดการทรัพยากรนั้น ฟางคือวัสดุอินทรีย์ธรรมชาติที่มีศักยภาพมากกว่าที่คิดค่ะ เพราะฟางสามารถเชื่อมโยงกับระบบเกษตรทั้งดิน พืช สัตว์ และเศรษฐกิจครัวเรือนได้อย่างลึกซึ้ง จึงไม่ได้เป็นเพียงของเหลือใช้นะคะ แต่คือทรัพยากรที่รอให้เรานำกลับมาสร้างคุณค่าต่อชีวิตและสิ่งแวดล้อมรอบตัว โดยเมื่อเราเริ่มมองฟางด้วยมุมมองใหม่ ฟางจะกลายเป็นจุดตั้งต้นของการจัดการอย่างยั่งยืนโดยไม่ต้องเสียต้นทุนเพิ่มเติมเลยค่ะ ดังนั้นในบทความนี้เราจะมาทำความเข้าใจภาพรวมของการใช้ฟางในหลายรูปแบบที่สามารถเกิดขึ้นได้จริงในชุมชนของเรากันนะคะ โดยเนื้อหาในบทความนี้จะไม่เจาะลึกเฉพาะข้อใดข้อหนึ่ง แต่จะชวนคุณผู้อ่านมองเห็นมิติที่กว้างขึ้นว่า ฟางหนึ่งกองสามารถเดินทางไปสู่กระบวนการได้หลายอย่าง ตั้งแต่การดูแลดิน การดูแลสัตว์ ไปจนถึงการสร้างรายได้เสริมกันเลยทีเดียวค่ะ ซึ่งแนวทางทั้งหมดที่ผู้เขียนจะได้บอกต่อไว้นั้น จะสะท้อนแนวคิดการใช้ทรัพยากรในท้องถิ่นอย่างคุ้มค่านะคะ และช่วยให้เราเห็นว่าการเปลี่ยนวิธีคิดเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับฟาง สามารถเปลี่ยนระบบการผลิตทั้งครัวเรือนได้อย่างไรบ้างอีกด้วย กับเนื้อหาที่น่าสนใจดังต่อไปนี้ค่ะ 1. ใช้ฟางเป็นวัสดุเพาะเห็ดฟางในโรงเรือน การใช้ฟางข้าวเป็นวัสดุเพาะเห็ดฟางในโรงเรือน คือ เทคนิคที่ชุมชนเกษตรกรนิยมค่ะ เพราะฟางเป็นแหล่งเซลลูโลสธรรมชาติที่เหมาะกับการเจริญเติบโตของเส้นใยเห็ด เมื่อเราเตรียมฟางโดยการรดน้ำให้ชื้นและพักให้คลายความร้อนก่อนนำไปกองเป็นแปลง ฟางจะทำหน้าที่คล้ายฟองน้ำอินทรีย์ที่กักความชื้นไว้ได้ดีและช่วยควบคุมอุณหภูมิภายในกองให้คงที่ ซึ่งฟางสามารถสร้างสภาวะนี้ได้ตามธรรมชาติจากกระบวนการย่อยสลายโดยจุลินทรีย์ ทำให้ผู้เพาะสามารถใช้วัสดุในท้องถิ่นได้อย่างคุ้มค่า ไม่ต้องพึ่งพาโรงเรือนซับซ้อนหรืออุปกรณ์ราคาแพงค่ะ และในขั้นตอนการลงเชื้อเห็ดเราจะโรยเชื้อบนฟางแต่ละชั้นและคลุมด้วยฟางบางๆ เพื่อรักษาความชื้น จากนั้นควบคุมโรงเรือนให้โปร่ง อากาศถ่ายเท ไม่ร้อนอบจนเกินไป เมื่อเส้นใยเดินเต็มกองฟาง เราจะเริ่มสังเกตเห็นดอกเห็ดฟางทยอยผุดขึ้นตามผิวหน้า ซึ่งเป็นช่วงที่ต้องดูแลความสม่ำเสมอของความชื้นมากที่สุด จุดสำคัญคือฟางที่ดีจะต้องไม่แฉะ ไม่มีกลิ่นเน่า และไม่อัดแน่นจนเกินไปเพื่อให้เห็ดหายใจได้สะดวก ซึ่งวิธีนี้ทำให้การเพาะเห็ดฟางในโรงเรือนกลายเป็นอาชีพเสริมที่ต้นทุนต่ำ เหมาะกับทั้งครัวเรือนทั่วไปและผู้เริ่มต้นที่ต้องการทดลองเพาะเห็ดด้วยวัสดุธรรมชาติที่หาได้ง่ายในชุมชนค่ะ 2. นำฟางไปใช้เป็นวัสดุก่อสร้างหรือทำเฟอร์นิเจอร์เชิงนิเวศ การนำฟางไปใช้เป็นวัสดุก่อสร้างหรือทำเฟอร์นิเจอร์เชิงนิเวศ เป็นแนวทางที่สอดคล้องกับหลักการออกแบบเพื่อความยั่งยืนค่ะ เพราะฟางข้าวเป็นวัสดุธรรมชาติที่มีโครงสร้างเส้นใยอัดแน่น สามารถให้ทั้งความแข็งแรงและคุณสมบัติเป็นฉนวนกันความร้อนที่ดี เมื่อนำฟางมาบีบอัดเป็นก้อนแล้วเคลือบด้วยดินหรือปูนดิบ จะได้ผนังที่มีความทนทาน น้ำหนักเบา และช่วยรักษาอุณหภูมิภายในอาคารให้คงที่โดยไม่ต้องใช้พลังงานสูง ซึ่งวิธีนี้นิยมใช้ในบ้านดิน บ้านเชิงนิเวศ ที่หลายประเทศนำมาเป็นต้นแบบในการก่อสร้างอย่างปลอดภัยและลดคาร์บอนฟุตพริ้นต์จากการใช้วัสดุสังเคราะห์หรือปูนซีเมนต์จำนวนมากค่ะ ฟางยังสามารถนำไปออกแบบเป็นเฟอร์นิเจอร์เชิงนิเวศได้หลากหลาย เช่น เก้าอี้เบาะนั่ง โต๊ะขนาดเล็ก ด้วยการบีบอัดฟางให้แน่นในโครงไม้หรือโครงเหล็ก ทำให้เฟอร์นิเจอร์มีน้ำหนักเบา ระบายอากาศได้ดี และให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติที่เข้ากับพื้นที่บ้านหรือร้านกาแฟสไตล์อบอุ่นที่ต้องการบรรยากาศเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้วัสดุฟางยังสามารถย่อยสลายได้เมื่อหมดอายุการใช้งาน ลดปริมาณขยะก่อสร้างและลดการปล่อยสารเคมีในกระบวนการผลิต การเลือกใช้ฟางในงานก่อสร้างและเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยให้เราใช้ทรัพยากรในชุมชนอย่างคุ้มค่า และสร้างคุณค่าทางสิ่งแวดล้อมได้ในระยะยาวค่ะ 3. ไถกลบฟางเพื่อเพิ่มอินทรียวัตถุให้ดิน การไถกลบฟางเป็นวิธีฟื้นฟูดินที่เกษตรกรใช้กันมายาวนาน เพราะฟางมีองค์ประกอบตามธรรมชาติที่จุลินทรีย์ในดินสามารถย่อยสลายได้ เมื่อเราไถกลบฟางลงไปในหน้าดิน ฟางจะค่อยๆ สลายตัวกลายเป็นอินทรียวัตถุค่ะ ที่ช่วยเพิ่มความร่วนซุย ทำให้ดินโปร่ง อุ้มน้ำได้ดี และระบายอากาศได้มากขึ้น ดินที่มีอินทรียวัตถุสูงจึงมักมีจุลินทรีย์ที่หลากหลาย ช่วยให้รากข้าวและพืชชนิดอื่นเจริญได้ดีขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งปุ๋ยเคมีมากเท่าเดิม วิธีนี้ยังช่วยเก็บคาร์บอนไว้ในดิน แทนการปล่อยสู่อากาศเหมือนการเผาฟาง ในทางปฏิบัติการไถกลบฟางควรทำในช่วงที่ฟางยังมีความชื้นเล็กน้อยค่ะ เพราะจะทำให้การย่อยสลายเกิดเร็วและไม่แห้งจนเกินไป การปรับระดับน้ำในแปลงนาให้มีความชื้นเหมาะสมจะช่วยให้จุลินทรีย์ทำงานได้ดี ทำให้ฟางย่อยเป็นอินทรียวัตถุในเวลาสั้นลง นอกจากนี้ยังลดการเกิดหญ้าระบาดในฤดูกาลถัดไป เพราะฟางที่คลุมช่วยบดบังแสงและลดการงอกของเมล็ดหญ้า การไถกลบฟางจึงไม่ใช่แค่การกำจัดเศษวัสดุหลังการเก็บเกี่ยว แต่เป็นการลงทุนระยะยาวในการปรับปรุงโครงสร้างดิน ลดต้นทุนปุ๋ย และช่วยให้ระบบนิเวศในแปลงนากลับมาสมดุลมากขึ้น 4. นำฟางไปใช้ในกิจกรรมชุมชน การนำฟางไปใช้ในกิจกรรมชุมชนเป็นอีกวิธีที่ช่วยลดการเผาฟางได้จริงในระดับหมู่บ้านและตำบลค่ะ เพราะฟางสามารถนำไปใช้เป็นวัสดุอเนกประสงค์ เช่น คลุมดินในกิจกรรมปลูกต้นไม้วันสำคัญ ทำแปลงผักโรงเรียน ลดความชื้นพื้นสนามเด็กเล่น หรือใช้ในงานรณรงค์สิ่งแวดล้อมของท้องถิ่น โดยฟางจะทำหน้าที่เป็นตัวคุมความชื้นที่ดี ช่วยให้ต้นไม้ใหม่ไม่เหี่ยวตายง่าย และลดการใช้น้ำรดต้นไม้ในพื้นที่สาธารณะ ซึ่งเป็นประโยชน์มากในช่วงหน้าแล้งที่น้ำมีจำกัดค่ะ โดยในหลายชุมชนยังใช้ฟางเป็นส่วนประกอบในกิจกรรมสร้างสรรค์ เช่น งานประดิษฐ์ งานตกแต่งงานเทศกาล หรือทำมุมกิจกรรมสำหรับเด็กเพื่อเรียนรู้เรื่องวัสดุธรรมชาติ การนำฟางมาใช้ในรูปแบบเหล่านี้ช่วยสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชน ทำให้คนทุกวัยเห็นคุณค่าของฟางแทนการมองว่าเป็นของเหลือทิ้ง และช่วยสร้างวัฒนธรรมการจัดการทรัพยากรแบบหมุนเวียนในท้องถิ่น เมื่อฟางถูกใช้ในกิจกรรมต่างๆ มากขึ้น จำนวนฟางที่ถูกเผาก็ลดลงโดยอัตโนมัติ ถือเป็นวิธีที่ผสานทั้งประโยชน์ทางสิ่งแวดล้อมและความเข้มแข็งของชุมชนเข้าด้วยกันอย่างลงตัวค่ะ 5. นำฟางไปคลุมดินในแปลงผักหรือสวนผลไม้ การใช้ฟางคลุมดินเป็นหนึ่งในเทคนิคปรับปรุงพื้นที่ปลูกที่ได้รับความนิยมทั้งในเกษตรอินทรีย์และสวนครัวทั่วไปค่ะ เพราะฟางช่วยลดการระเหยของน้ำ ทำให้ดินชุ่มนานขึ้น เหมาะอย่างยิ่งในช่วงอากาศร้อนหรือพื้นที่ที่ต้องการประหยัดน้ำรดต้นไม้ นอกจากนี้ฟางยังช่วยลดการงอกของวัชพืช ทำให้แปลงผักและสวนผลไม้ดูแลง่ายขึ้น ลดการใช้สารเคมี และช่วยรักษาสุขภาพของรากพืชให้เติบโตได้แข็งแรง ฟางยังช่วยปรับอุณหภูมิของดินให้คงที่ ไม่ร้อนเกินไปในกลางวันและไม่เย็นเกินไปในตอนกลางคืน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มการเจริญเติบโตของผัก ผลไม้ และพืชอายุสั้น เมื่อฟางค่อยๆ ย่อยสลาย ก็กลายเป็นอินทรียวัตถุเพิ่มให้กับดิน ทำให้โครงสร้างดินดีขึ้นทุกปีโดยไม่ต้องเปลี่ยนดินใหม่ วิธีนี้จึงเป็นแนวทางที่ทั้งบ้านเรือนทั่วไปและเกษตรกรสามารถทำได้ง่าย ประหยัด และมีผลดีต่อระบบนิเวศโดยรอบอย่างแท้จริงค่ะ 6. ทำปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยอินทรีย์จากฟาง เมื่อเรามองฟางข้าวหลังการเก็บเกี่ยว หลายชุมชนอาจเห็นว่าเป็นเศษเหลือใช้ไร้ค่า แต่ในมุมของงานอนามัยสิ่งแวดล้อมและการจัดการฟาง คือ ทรัพยากรอินทรียวัตถุที่สามารถนำมาทำปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยอินทรีย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพค่ะ ซึ่งการทำปุ๋ยจากฟางจะเริ่มจากการสับฟางให้สั้นลงเพื่อเพิ่มพื้นที่ผิว จากนั้นผสมกับมูลสัตว์หรือเศษพืชอื่นๆ รวมถึงการเติมความชื้นและพลิกกองให้มีอากาศหมุนเวียนอย่างสม่ำเสมอ กระบวนการนี้ช่วยให้จุลินทรีย์ย่อยสลายเร็วขึ้น ลดกลิ่น ลดการเกิดแก๊สมีเทน และยังช่วยจัดการฟางที่อาจกลายเป็นภาระของชุมชนในช่วงฤดูเพาะปลูกอีกด้วยค่ะ เมื่อฟางผ่านกระบวนการหมักจนย่อยตัวเป็นสีน้ำตาลเข้มร่วนมือ เราจะได้ปุ๋ยอินทรีย์ที่มีธาตุอาหารครบถ้วนกว่าเดิม ทั้งยังช่วยพัฒนาสภาพดินให้โปร่ง รักษาความชื้น และเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ได้เป็นระยะยาว การนำปุ๋ยหมักจากฟางไปใช้ในแปลงผัก นาข้าว หรือสวนผลไม้ ทำให้ดินแข็งกลับมาร่วนซุย ลดการพึ่งพาปุ๋ยเคมีและลดต้นทุนการผลิตของครัวเรือน ฟางที่เคยเป็นของเหลือใช้จึงกลับมาเป็นทรัพยากรหมุนเวียนที่ช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศเกษตรได้จริง ซึ่งนี่คือหัวใจของการใช้ทรัพยากรในท้องถิ่นอย่างคุ้มค่าและยั่งยืนตามหลักสิ่งแวดล้อมที่เราทุกคนสามารถทำตามได้ในชีวิตประจำวันค่ะ 7. แปรรูปฟางเป็นอาหารหยาบสำหรับสัตว์ การแปรรูปฟางเป็นอาหารหยาบสำหรับสัตว์ เป็นวิธีที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้ฟางที่เหลือจากฤดูเก็บเกี่ยวอย่างคุ้มค่าค่ะ โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทที่การเลี้ยงวัว ควาย แพะ หรือแกะ ยังเป็นส่วนสำคัญของวิถีเกษตร เพราะฟางสามารถนำมาสับให้สั้นเพื่อให้สัตว์เคี้ยวและย่อยง่ายขึ้น จากนั้นอาจหมักร่วมกับกากน้ำตาล รำ หรือยูเรียในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มระดับโปรตีนและทำให้ฟางนุ่มขึ้น กระบวนการหมักนี้จะช่วยให้จุลินทรีย์ปรับโครงสร้างเส้นใย ลดความแข็งของฟาง และเพิ่มความน่ากิน ทำให้สัตว์ได้รับพลังงานมากขึ้นแม้เป็นวัสดุเหลือใช้จากแปลงนา เมื่อฟางถูกแปรรูปอย่างถูกวิธี เราจะได้อาหารหยาบที่มีคุณค่ามากขึ้นและสามารถเก็บสำรองไว้ใช้ในช่วงแล้งหรือช่วงที่หญ้าธรรมชาติขาดแคลนได้เป็นอย่างดี เกษตรกรจำนวนมากนิยมอัดฟางเป็นก้อน เพื่อสะดวกต่อการขนย้ายและจัดเก็บ รวมถึงควบคุมคุณภาพได้ง่ายขึ้น ฟางอัดก้อนหรือฟางหมักจะช่วยลดต้นทุนค่าอาหารสัตว์ค่ะ เพราะไม่ต้องพึ่งพาหญ้าและยังลดปัญหาการเผาฟางที่ทำให้เกิดควันและฝุ่น PM2.5 อีกด้วย วิธีนี้จึงเป็นทั้งทางเลือกด้านโภชนาการสัตว์และแนวทางการจัดการสิ่งแวดล้อมที่ตอบโจทย์การทำเกษตรยั่งยืนในชุมชนของเราอย่างแท้จริงค่ะ 8. ใช้ฟางทำแผ่นรองพื้นในเล้าไก่หรือโรงเรือนสัตว์ การใช้ฟางทำแผ่นรองพื้นในเล้าไก่หรือโรงเรือนสัตว์ เป็นวิธีจัดการคอกที่ช่วยทั้งเรื่องสุขอนามัยและความเป็นอยู่ของสัตว์อย่างเห็นผลค่ะ เพราะฟางมีคุณสมบัติซับความชื้นได้ดี จึงทำให้พื้นคอกแห้ง ไม่ลื่น ลดความเสี่ยงการเกิดโรคเท้าและการสะสมของเชื้อโรคที่เติบโตง่ายในสภาพแฉะ การปูฟางเป็นชั้นบางๆ แล้วเปลี่ยนหรือเติมเป็นระยะ จะช่วยควบคุมกลิ่น ลดแมลงรบกวน และทำให้สัตว์ เช่น ไก่ เป็ด หรือแพะ เดินเหินได้สบายขึ้น นอกจากนี้ฟางยังเป็นวัสดุที่หาได้ง่ายในชุมชน ทำให้เกษตรกรลดต้นทุนการดูแลโรงเรือนได้อย่างมาก ฟางรองพื้นยังช่วยทำให้การจัดการมูลสัตว์เป็นระบบมากขึ้น เพราะเมื่อผสมกับมูลและถูกเหยียบย่ำ ฟางจะเริ่มอุ้มน้ำและย่อยตัวจนกลายเป็นกึ่งปุ๋ยอินทรีย์ที่สามารถนำไปหมักต่อได้ทันที การเก็บกวาดคอกจึงง่ายขึ้น เพียงรวบฟางที่ใช้แล้วไปกองหมักหรือทำปุ๋ยก็จะได้อินทรียวัตคุณภาพดีไว้ใช้ในแปลงผักและสวนผลไม้ต่อไป วิธีนี้จึงเป็นการใช้ทรัพยากรฟางให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งช่วยลดของเสีย เพิ่มสวัสดิภาพสัตว์ และสร้างระบบเกษตรหมุนเวียนที่ยั่งยืนในครัวเรือนของเราค่ะ 9. อัดฟางเอาไว้ขายสร้างรายได้ การอัดฟางเอาไว้ขายเป็นหนึ่งในวิธีเพิ่มมูลค่าฟางที่ชัดเจนที่สุดค่ะ เพราะฟางที่กระจายอยู่ในนามักถูกมองว่าเป็นเศษวัสดุไร้ค่า แต่เมื่อเรานำมาอัดเป็นก้อนด้วยเครื่องอัดฟาง จะได้ฟางที่มีรูปทรงสม่ำเสมอ ขนย้ายง่าย และเก็บรักษาได้นานขึ้น ฟางอัดก้อนเป็นที่ต้องการของเกษตรกรผู้เลี้ยงวัว ควาย ม้า แพะ แกะ รวมถึงฟาร์มไก่บางแห่งที่ใช้ฟางเป็นวัสดุรองพื้นค่ะ การอัดฟางจึงช่วยจัดระเบียบพื้นที่นา ลดภาระการเผาฟาง และเปิดโอกาสให้ชุมชนสร้างรายได้จากทรัพยากรเดิมที่มีอยู่แล้วตามฤดูกาล เมื่อเราบริหารจัดการตั้งแต่การตัด การพลิกให้แห้งสนิท ไปจนถึงการอัดและจัดเก็บอย่างถูกวิธี ฟางอัดก้อนจะมีคุณภาพดี ไม่ขึ้นราและไม่อับชื้น ทำให้ขายได้ราคาสูงขึ้นตามตลาดในพื้นที่ เกษตรกรจำนวนมากยังขยายรายได้ด้วยการรับอัดฟางให้ผู้อื่นหรือส่งขายให้ฟาร์มต่างอำเภอ ซึ่งช่วยเสริมเศรษฐกิจของครัวเรือนและชุมชนไปพร้อมกัน ฟางหนึ่งไร่อาจสร้างรายได้ไม่น้อยเมื่อมีการจัดการที่ดีนะคะ จึงนับเป็นอีกตัวอย่างของการเปลี่ยนของเหลือใช้ให้เป็นสินค้าที่ทำเงินได้จริงและสนับสนุนการทำเกษตรอย่างยั่งยืนในพื้นที่ของเราค่ะ ที่โดยสรุปแล้วเมื่อเรามองฟางในภาพรวม ฟางไม่ใช่ของเหลือทิ้ง แต่คือทรัพยากรหมุนเวียนที่ชุมชนสามารถจัดการได้เองตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทางนะคะ เพราะฟางช่วยทั้งการปรับปรุงดิน การดูแลสัตว์ และการสร้างรายได้เสริม ทำให้ระบบเกษตรมีเสถียรภาพมากขึ้น หลายครัวเรือนเริ่มมองฟางเหมือนสินทรัพย์ที่ต้องเก็บรักษา เพราะหากใช้ให้ถูกทาง ฟางจะช่วยลดต้นทุน ลดการพึ่งพาปัจจัยภายนอก และลดปัญหาสิ่งแวดล้อมจากการเผาได้อย่างมาก ซึ่งแนวคิดนี้สะท้อนให้เห็นว่าการใช้ทรัพยากรที่เรามีอยู่แล้วในพื้นที่สามารถสร้างคุณค่าใหม่ได้เสมอค่ะ และสิ่งสำคัญของการใช้ฟางให้เกิดประโยชน์สูงสุด คือ การมองเป็นวงจรที่เชื่อมโยงกัน เพราะฟางในแปลงนาสามารถถูกนำไปใช้ในคอกสัตว์ และต่อยอดไปเป็นปุ๋ยอินทรีย์กลับสู่ดินอีกครั้ง ซึ่งผลลัพธ์คือคุณภาพดินดีขึ้น สุขอนามัยสัตว์ดีขึ้น และผลผลิตฟาร์มมีความยั่งยืนมากขึ้น กระบวนการนี้ทำให้ครัวเรือนสามารถลดการใช้สารเคมี ลดค่าอาหารสัตว์ และลดปริมาณขยะเกษตรได้ในคราวเดียวกัน ซึ่งทั้งหมดนี้สะท้อนหลักการจัดการสิ่งแวดล้อมแบบบูรณาการที่ทำได้จริงในชีวิตประจำวันค่ะ โดยในทางปฏิบัติชุมชนยังสามารถเลือกแนวทางการใช้ฟางตามบริบทต่างๆ ของพื้นที่และความพร้อมของตนเองได้ ไม่ว่าจะทำปุ๋ยหมัก ปูรองคอก อัดก้อนขาย หรือประยุกต์เป็นวัสดุในงานอื่นๆ ซึ่งทางเลือกเหล่านี้นอกจากช่วยเพิ่มโอกาสสร้างรายได้ ขณะเดียวกันก็ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรมค่ะ โดยสิ่งที่เห็นชัดคือฟางกลายเป็นตัวกลางเชื่อมการเกษตร ดิน สัตว์ และเศรษฐกิจในครัวเรือนให้หมุนไปในทิศทางที่สมดุลขึ้น เมื่อเรารู้จักใช้ทรัพยากรใกล้ตัวอย่างรอบคอบ ฟางเพียงกองเดียวก็สร้างระบบการผลิตที่เข้มแข็งและยั่งยืนให้กับชุมชนของเราได้จริงนะคะ ซึ่งในส่วนของประสบการณ์ตรงของผู้เขียนนั้น ตอนสมัยเป็นเด็กทางบ้านเพาะเห็ดฟางขายค่ะ โดยในตอนนั้นจะทำแปลงกลางแจ้ง ไม่ได้มีโรงเรือน ซึ่งฟางข้าวจะถูกนำมาใช้คลุมพลาสติกที่นำมาคลุมแปลงเพาะเห็ดอีกทีค่ะ สำหรับการนำฟางมาเป็นอาหารให้วัวนั้น ตัวอย่างนี้พ่อของผู้เขียนทำประจำทุกปีอยู่แล้วนะคะ เพราะพ่อมีวัวอยู่หลายตัวค่ะ อีกทั้งแม่ของผู้เขียนยังได้นำฟางมาปกคลุมแปลงผักที่สวนอีกด้วย ซึ่งการใช้ฟางในลักษณะนี้ผู้เขียนเองก็ได้ทำค่ะ เพราะหน้าบ้านมีแปลงผักสวนครัว สำหรับการขายฟางอัดก้อนที่บ้านยังไม่ได้ทำค่ะ เพราะฟางที่มีอยู่นำมาใช้ประโยชน์หมด จึงไม่ได้มีส่วนเกินที่ต้องนำไปขายเพื่อสร้างรายได้นะคะ แต่ผู้เขียนเคยเห็นการขายฟางในแปลงและฟางอัดก้อนจากชีวิตจริงๆ มาเหมือนกันค่ะ โดยล่าสุดเห็นเพื่อนสมัยเป็นนักเรียนพยาบาลด้วยกัน โพสต์ขายฟางอัดก้อนแล้วพร้อมยกขึ้นรถ สำหรับที่นี่เกษตรกรขายฟางในหลายรูปแบบนะคะ เช่น ขายเหมาฟางหลังการเก็บเกี่ยวให้กับคนที่มีเครื่องอัดฟาง จากนั้นคนอัดฟางก็นำฟางที่อัดแล้วไปขายทำกำไรอีกต่อหนึ่งค่ะ แต่ก็มีเกษตรกรบางคนที่มีพื้นที่เก็บ เขาจะอัดฟางเก็บไว้ขายให้คนอื่นที่ต้องการในภายหลังด้วย โดยผู้เขียนมองว่าตอนนี้ฟางเป็นของหวง ที่แต่ก่อนไปขนมาฟรีได้สบายๆ แต่ตอนนี้ไปขนมาไม่บอกไม่กล่าวก็มีเรียกเก็บเงินกันที่บ้านผู้ใหญ่บ้านก็มีค่ะ และจากตัวอย่างที่ผู้เขียนได้เล่ามาทั้งหมดนั้น คุณผู้อ่านคงพอจะมองภาพออกแล้วนะคะว่า จะทำยังไงดีให้ฟางของเราไม่ต้องนำมาเผาเหมือนที่เคยทำมาอีกต่อไป ยังไงนั้นก็ลองเลือกวิธีการที่เข้ากับสถานการณ์ของตัวเองและนำปรับใช้กันค่ะ และด้วยความตั้งใจ ผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านไม่มากก็น้อย หากคุณผู้อ่านชื่นชอบเนื้อหาแนวนี้ อย่าลืมกดติดตามหรือบันทึกโปรไฟล์ไว้ เพื่อจะได้ไม่พลาดข้อมูลใหม่ๆ ในบทความถัดไป หากสนใจอ่านบทความทั้งหมดของผู้เขียน ก็สามารถกดเข้าไปดูได้จากโปรไฟล์เช่นกันค่ะ #ลดการเผาในที่โล่ง #ลดการเผาฟาง #ลดมลพิษทางอากาศ #การจัดการขยะ_ในพื้นที่การเกษตร เครดิตรูปภาพประกอบบทความ รูปภาพทำหน้าปกและออกแบบหน้าปกโดยผู้เขียน ใน Canva รูปภาพประกอบเนื้อหา: ภาพที่ 1-3 ถ่ายภาพโดยผู้เขียน, ภาพที่ 4 และภาพที่ 5 AI Generated โดยผู้เขียน เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา: พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ: สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การบำบัดน้ำเสียและกำจัดสิ่งปฏิกูล วิธีลดภาวะโลกร้อน มีอะไรบ้าง จากเรื่องใกล้ตัว 9 แหล่งกำเนิด PM 2.5 ฝุ่นละอองขนาดเล็ก ที่สามารถคุกคามสุขภาพได้ 10 ข้อคิดเกี่ยวกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เริ่มได้จากตัวเรา! เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !