สแกนยิบ "ระเบิด"-เคลียร์ทำเนียบวุ่น รับ "ปธน.สี-มาครง-แฮร์ริส" ถกบิ๊กตู่

เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 14 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจากกลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ชุดอีโอดี) ได้นำอุปกรณ์และสุนัขตำรวจเข้าตรวจสอบพื้นที่โดยรอบทำเนียบและภายในอาคาร เพื่อตรวจสอบหาสิ่งผิดปกติ และวางมาตรการการรักษาความปลอดภัยแก่ผู้นำประเทศ จะมาร่วมหารือเต็มคณะที่ทำเนียบรัฐบาลในระหว่างการประชุมเอเปค วันที่ 16-18 พฤศจิกายน ประกอบด้วย นายเหงียน ซวน ฟุก ประธานาธิบดีสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม วันที่ 16 พฤศจิกายน นายเอมมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐฝรั่งเศส และนายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น วันที่ 17 พฤศจิกายน เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด มกุฎราชกุมาร รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย วันที่ 18 พฤศจิกายน นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน และนางคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา วันที่ 19 พฤศจิกายน ทั้งนี้ชุดคณะทำงานส่วนหน้าของแต่ละประเทศได้มีการซักซ้อมขบวนรถเข้าออกภายในทำเนียบร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 6 สันติบาล 3 จะเป็นชุดนำขบวน จะมีซ้อมใหญ่อีกครั้งในวันที่ 15 พฤศจิกายน

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและประธานอนุกรรมการด้านการรักษาความปลอดภัยและการจราจรเป็นประธานเปิดกองอำนวยการร่วม รักษาความปลอดภัยและการจราจรเพื่อเตรียมการจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคและการประชุมที่เกี่ยวข้องปี 2565 โดยมีคณะอนุกรรมการเข้าร่วมประชุม พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ผู้แทนเหล่าทัพ ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข ผู้บัญชาการ (ผบช.) ตำรวจทั่วประเทศ และผู้แทนหน่วยที่เกี่ยวข้อง รวม 27 หน่วย เข้าร่วมรับฟัง

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวว่า กอ.ร่วมจะประชุมติดตามสถานการณ์ทุกวันเวลา 09.00 น. โดยตร.รับมอบหมายให้เป็นหน่วยงานหลักในการดูแลความปลอดภัยและการจราจร ด้านการบริหารจัดการดูแลการชุมนุม นายกรัฐมนตรี มีประกาศพื้นที่ห้ามชุมนุมคือ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โรงแรมที่พักทั้ง 19 แห่ง สถานที่จัดงานเลี้ยงรับรองผู้นำเพื่อให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายทำงานได้สะดวกตลอดช่วงการประชุม 14-19 พ.ย.65 กำชับเจ้าหน้าที่ความมั่นคงทุกฝ่ายแม้การชุมนุมจะเป็นสิทธิกระทำได้ตามกฎหมายแต่ต้องไม่กระทบกระเทือนต่อความมั่นคงของชาติ ผู้กระทำผิดจะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมายทุกรายและมีโทษหนักถึงจำคุก จะไม่ยอมให้ใครมาสร้างความเสียหายให้กับประเทศโดยเด็ดขาดพร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามยุทธวิธี หากมีการยื่นข้อเรียกร้องหรือแสดงความคิดเห็นต่างๆ กระทรวงการต่างประเทศจะจัดสถานที่ให้

“ด้านการรักษาความปลอดภัยเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินทางเข้าประจำการณ์ในพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 14 พฤศจิกายน โดยระดมกำลังตำรวจ ทั้งประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกว่า 35,000 นาย เพื่อระวังป้องกันตัวผู้นำตลอดจนสถานที่พักที่ประชุม ที่จัดงานเลี้ยงรับรองและเส้นทางทุกสาย ที่มีขบวนรถผู้นำผ่าน รวมทั้งระดมชุดปฏิบัติการพิเศษ สายตรวจรถยนต์ จากตำรวจภูธรภาค 1,2 และ 7 เข้ามาช่วยในพื้นที่ กทม. เพื่อเฝ้าระวังเหตุและป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ตั้งจุดตรวจจุดสกัด ครอบคลุมทุกสถานที่ 29 จุดและพื้นที่ต่างจังหวัดทั่วทั้งประเทศ รวมทั้งจัดกำลังเฝ้าระวังบุคคลเป้าหมายที่อาจมีความเคลื่อนไหวและบุคคลตามหมายจับ ทุกรายหากมีการละเมิดกฎหมายก็จะดำเนินคดีทันที” ผบ.ตร.กล่าว