ฤดูฝนเสื้อผ้านั้นทำให้เกิดกลิ่นอับ แม้ว่าเรานั้นนับชั่วโมงตากแดด แม้ว่าใส่ในส่วนน้ำยาปรับผ้านุ่ม ก็ยังได้มีกลิ่นกลุ่มทั่วทั้งตัว หากว่าเสื้อผ้าของเรานั้นมีกลิ่นหอมจะช่วยดอมดมต้มให้สุขสันต์ ใส่แล้วมีความสุขในทุกวัน กลิ่นหอมเสื้อผ้านั้นน่าอบอุ่นใจ ซักผ้า เราเองคงเคยสงสัยว่าทำไมเสื้อผ้าที่เรานั้นซักเองทำไมไม่ค่อยหอม เหมือนที่เรานั้นส่งซักที่ร้าน จะว่าไปแล้วเสื้อผ้าเป็นปัจจัยที่สำคัญ ที่จะช่วยในการเสริมในส่วนของบุคลิกของสาวๆ หากว่าเสื้อผ้านั้นหอมทำให้เรานั้นดูดีขึ้น ไม่ว่าเรานั้นจะแต่งกายแบบไหนก็จะทำให้เรานั้นมีความสนุกกับการแต่งกาย หากว่าเรานั้นมามองในช่วงนี้คือสภาพอากาศก็ดี มลภาวะในปัจจุบันนั้นก็มีจำนวนมาก กลุ่มควันรถบ้างแต่ที่สำคัญคือปัญหาในหน้าฝน บางครั้งเรานั้นซักผ้ายังไม่แห้งสนิท กลิ่นอับก็จะตามมา แม้ว่าในปัจจุบันนั้นเราจะเห็นน้ำยาปรับผ้านุ่มหรือน้ำยาซักผ้าที่เขียนไว้ว่า ไม่ทำให้เกิดกลิ่นอับแม้ตากในที่ร่ม แบบนี้หากว่าเรานั้นแต่งตัวสวยขนาดไหน แต่หากว่าเสื้อผ้านั้นมีกลิ่นอับ ก็ทำให้คนที่ใส่นั้นหมดความมั่นใจในตนเองไปเลย วันนี้จะมาเล่าถึงทริคในการแก้ปัญหากลิ่นอับ และวิธีการในการซักผ้าอย่างไรให้เสื้อผ้านั้นมีกลิ่นหอมสะอาด เหมือนว่าเรานั้นจ้างร้านซักรีด ลองทำตามแล้วเสื้อผ้าของเรานั้นหอมแน่นอน หากว่าเรานั้นไปซักที่ร้าน จะต้องเลือกร้านที่ค่อนข้างเครื่องใหม่ และมีการฆ่าเชื้อโรคตลอดด้วย 1. การเลือกในส่วนของน้ำยาปรับผ้านุ่มนั้นเราจะต้องเลือกสูตร ที่เข้มข้น กลิ่นหอมสดชื่นยาวนาน ข้อแรกนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญเหมือนกันในการเลือกน้ำยาปรับผ้านุ่ม เสื้อผ้าของเรานั้นจะหอมนานหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับน้ำยาปรับผ้านุ่ม หากว่าเรานั้นไปในร้านค้าหรือว่าห้างเรานั้นจะเห็นในส่วนของนำยาปรับผ้านุ่มที่หลากหลายสูตรให้เรานั้นได้เลือก เราเลือกตามใจของเราเลย เอาที่หอม หากว่าเรานั้นต้องการที่จะให้ผ้านั้นหอมไปได้ทั้งวัน ให้ลองใช้ในส่วนของน้ำยาปรับผ้านุ่มสูตรเข้มข้นพิเศษ เอาแบบที่เหมือนว่าเรานั้นฉีดน้ำหอมราคาแพง 2. อบผ้าแห้ง จะช่วยให้หอมนานและสามารถที่จะฆ่าเชื้อแบคทีเรีย หากว่าเรานั้นลองไปดูในร้านซักผ้านั้นจะมีในส่วนของเครื่องอบผ้าให้แห้งด้วย การอบแห้งผ้านั้นจะทำให้มีประสิทธิภาพมากกว่าการตากผ้าแบบธรรมดา บางครั้งนั้นเราซักผ้าเสร็จนำไปตากแดดก็ยังไม่แห้งและหอมเท่าที่เรานั้นอบผ้า เนื่องจากว่าการที่มีการตากแดดกลางแจ้งจะมีฝุ่นละอองและเชื้อโรคที่เรานั้นมองไม่เห็น ติดมากับเสื้อผ้าด้วย และในเชื้อโรคบางตัวนั้น สามารถที่จะอยู่ในผ้าของเรานั้นนานมากกว่า 8-12 ชั่วโมง การอบผ้านั้นจึงช่วยฆ่าในส่วนของเชื้อโรคขนาดเล็กได้ด้วย สามารถลดในการเจริญเติบของเชื้อโรคบนเสื้อ ได้ดีกว่าการตากผ้า แบบปกติถึงสองเท่า การอบผ้าแห้งนั้นดีที่สุดคือหลังจากที่เรานั้นอบ การอบนั้นจะใช้เวลาครั้งละ 40 นาทีวนไปกว่า จะพอใจเสื้อผ้าของเรานั้นจะแห้งพร้อมที่จะใส่ได้เลย ไม่ต้องนำมาตากแดดให้แห้งอีก ทำให้สะดวกสำหรับคนที่ไม่มีสถานที่ในการตาก น้ำยาซักผ้าที่หอมและมีความเข้มข้นมาก หรือบางอย่างนั้นคือเป็นสูตรที่เข้มข้นด้วย 3. ซักผ้าด้วยผงซักฟอกสูตรพิเศษ ช่วยให้ผ้าหอมสะอาดมากขึ้น ให้เรานั้นเลือกในส่วนของผงซักผ้าที่มีในส่วนของกลิ่นหอมเป็นพิเศษ สามารถเปลี่ยนกลิ่นไปเรื่อย หอมที่แตกต่าง อย่างเรานั้นจะชอบเปลี่ยนกลิ่นไปตลอด แต่กลิ่นที่ใช้ซักนั้นจะต้องเป็นแบบเข้มข้น สิ่งสำคัญนั้นหากว่าเรานั้นซักในเครื่องอัตโนมัติ เราจะต้องใช้น้ำยาซักผ้าดีกว่า ใช้ผงซักฟอก เพราะว่าในการซักนั้นใช้เวลาไม่นาน ทำให้ผงซักฟอกนั้นอาจจะไม่ละลาย หรืออาจจะเป็นคราบติดเสื้อผ้าได้ 4.แช่น้ำร้อนก่อนซักจริง ในการซักผ้านั้นหากว่าเรานั้นซักผ้าด้วยน้ำร้อนเป็นรอบแรกก่อนที่เรานั้นจะซักผงซักฟอก จะเป็นวิธีการซักผ้าให้หอมและยังช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพของการฆ่าเชื้อโรคแบคทีเรียที่เป็นจุดกได้นิกกลิ่นอับกลิ่นที่ไม่ดีต่างๆ ที่ติดอยู่ในเนื้อผ้า ทั้งยังสามารถที่จะขจัดในส่วนของสิ่งสกปรกได้ดีกว่าน้ำที่มีอุณหภูมมิปกติ ก่อนการที่เรานั้นจะซักผ้าต้องการให้ผ้านั้นมีกลิ่นหอมเป็นพิเศษ ไม่มีกลิ่นอับกวนใจ ให้นำมาแช่น้ำร้อนนั้นประมาณ 1 ชั่วโมง แยกกันแช่ระหว่างผ้าสีนั้นก็สามารถที่จะทำได้เหมือนกัน ยิ่งทำให้สีนั้นสดใสมากขึ้นด้วย จากนั้นก็นำมาซักด้วยผงซักฟอกตามปกติ และปิดท้ายด้วยน้ำยาปรับผ้านุ่ม จำให้กลิ่นหอมติดทนนาน 5. การซักผ้าในปริมาณที่เหมาะสม เราจะไม่ใส่เสื้อผ้าลงไปในเครื่องซักผ้า ไม่ใช่วิธีที่ซักผ้าให้หอม เพราะหากว่าเยอะเกินไปนั้นจะทำให้ความสะอาดนั้นไม่ทั่วถึง คราบสกปรกออกไม่หมด ยังทำให้เกิดกลิ่นอับด้วย เครื่องซักผ้าสิบกิโลนั้นเราสามารถที่จะใส่ประมาณ 10-20 ตัวเท่านั้น หากว่าเรานั้นใส่มากอาจจะทำให้ไม่สะอาดและกลิ่นนั้นไม่หอม การปั่นผ้าที่หนาแน่นนั้นจะไม่สามารถที่กระจายผงซักฟอกและน้ำยาปรับผ้านุ่มออกไปให้ทั่ว อาจจะจุกอยู่เพียงที่เดียว สามารถที่จะประมาณคือ 8-12 ตัวต่อการที่เรานั้นซัก 1 ครั้ง จึงจะทำให้เสื้อผ้านั้นหอมน่าดอมดม หากว่าเรานั้นใส่เยอะจะทำให้เครื่องไม่ทำงาน เสื้อผ้าที่เราซัดจะไม่สะอาด และอาจจะเป็นคราบ 6. การแยกเสื้อ แบะกางเกงก่อนซัก สิ่งนี้สำคัญมาก หารแยกเสื้อผ้าก่อนซัก จะช่วยทำให้กลิ่นและความสกปรกได้มากเช่นกัน ต้องแยก เสื้อ กระโปรง กางเกง และชุดชั้นใน ทำให้วิธีซักผ้านั้นหอม เพราะว่าเสื้อผ้าในแต่ละชุดนั้นจะมีความสกปรกที่แตกต่างกัน กางเกงถุงเท้าเป็นจุดที่มีฝุ่นละอองและสกปรก แยกจะดีที่สุด 7. การเลือกซักเครื่อง หากว่าเรานั้นไปซักที่ร้านเครื่องหยอดเหรียญ หากว่ามีเครื่องให้เลือกหลากหลาย ให้เลือกในส่วนของเครื่องฝาหน้าจะมีความสะอาดมากกว่า ซึ่งราคาเครื่องฝาหน้านั้นอาจจะแพงกว่าเครื่องที่เปิดฝาบน ในการซักผ้าเองนั้นหากว่าเรานั้นต้องการให้หอมนาน ออกจากเครื่องเราต้องนำไปตากแดดให้แห้งหรือบางครั้งนั้นอาจจะใช้เครื่องอบผ้าให้แห้งเลยจะไม่ทำให้ผ้านั้นมีกลิ่นอับ การซักผ้าด้วยตนเองนั้นเราสามารถที่จะสามารถที่จะใส่ น้ำยาปรับผ้านุ่มเพื่อเพิ่มความหอมได้ตามต้องการเลย ชอบหอมมากก็ใส่มากตามความต้องการ จะทำให้ผ้านั้นหอมกลิ่นติดทนนาน ภาพถ่ายทั้งหมดถ่ายโดยผู้เขียน ภาพปกจาก Canva เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !