สันดาน (คำนาม) หมายถึง อุปนิสัยที่มีมาแต่กำเนิด นิยมใช้ในทางที่ไม่ค่อยดี ชื่อหนังสืออาจฟังดูแรงไปนิดนึง แต่รับรองเลยว่ามันเป็นเรื่องใกล้ตัวเราอย่างแน่นอน หนังสือเล่มนี้ว่าด้วยเรื่องของการเรียนรู้ใจคน บุคลิกลักษณะนิสัยของคนทั้ง 6 จริต เพื่อให้เราเข้าใจพฤติกรรมของคนคนนั้นได้ เราจะได้ปรับตัวเองให้ทำงานร่วมกันกับเขาอย่างมีความสุข ในสมัยพุทธกาล ก่อนที่พระพุทธเจ้าจะแสดงธรรมโปรดผู้ใด พระองค์จะทรงพิจารณาถึงอุปนิสัยของผู้นั้นก่อนว่าพื้นฐานของจิตเน้นหนักไปทางใดราคจริต เน้นไปทางรักสวยรักงามโทสจริต เน้นหนักไปทางใจร้อน ขี้หงุดหงิดโมหจริต เน้นหนักไปทางเหงา ซึมเซาสัทธาจริต เน้นหนักไปทางเชื่ออะไรง่ายพุทธิจริต เน้นไปทางชอบคิดพิจารณาวิตกจริต เน้นหนักไปทางคิดฟุ้งซ่าน วิตกกังวล หนังสือเล่มนี้เขียนโดย ทันตแพทย์ สม สุจีรา ผู้ที่เคยมีประสบการณ์ในการถ่ายทอดเรื่องของพุทธศาสนาประยุกต์เข้ากับวิทยาศาสตร์ให้เข้าใจได้ง่ายและชัดเจนมากยิ่งขึ้น เนื้อหาภายในเล่มรู้จักจริตราคจริตโทสจริตโมหจริตวิตกจริตสัทธาจริตพุทธิจริตรวมจริตรู้ทันจริตฐานแห่งจริต ความรู้ความประทับใจที่ได้จากมุมมองครีเอเตอร์ได้เรียนรู้ว่าบุคลิกแบบโมหจริตที่ไม่มีพรสวรรค์น่าเป็นห่วง เพราะสังคมมีการแก่งแย่งแข่งขันรุนแรง ทำให้คนเชื่องช้าช่วงชิงไม่ทัน แม้จะทำงานตามที่ได้รับมอบหมายได้ดี แต่ไม่รู้จักเข้าสังคม ทั้งยังขาดทักษะในการเป็นผู้นำ ไม่ชอบนำเสนอผลงานต่อหน้าคนหมู่มาก ทำให้คนโมหจริตถูกมองข้ามจากเจ้านายในการพิจารณาความดีความชอบ บุคลิกแบบนี้ไม่ค่อยอิจฉาใครจึงยอมรับสภาพได้ง่ายเมื่อต้องอยู่ในตำแหน่งเดิม แต่ถ้าเก็บกดมากเข้าก็ซึมเศร้าได้ ได้เรียนรู้ว่ากรรมที่สะท้อนกลับมาได้เร็วที่สุดคือกายกรรม รองลงมาคือวจีกรรม บางครั้งถ้ามีมโนกรรมที่ไม่ดีเกิดขึ้นแล้ว แต่พยายามอดกลั้นเก็บไว้ ไม่ปล่อยมันออกมาเป็นกายกรรมหรือวจีกรรม เมื่อพลังแห่งวิบากหมดลง มโนกรรมที่อัดอั้นไว้ในใจก็จะค่อยๆจางหายไปเอง ซึ่งก็คือการหมดกรรมไปอีกวาระหนึ่ง ได้เรียนรู้ว่าสิ่งที่ใช้วัดโมหจริตคือการผิดพลาดซ้ำๆในเรื่องเดิมถึงสามครั้ง แสดงว่ามีโมหะในเรื่องนั้น เช่น ลงทุนผิดพลาดแบบเดิม อกหักแบบเดิม ถูกหลอกแบบเดิม โลภะหรือโทสะที่เจือปนด้วยโมหะจะนำไปสู่ความล่มจม นอกจากนี้โมหะอันตรายกว่าโทสะมาก เปรียบได้กับการขับรถขณะที่เมากับขณะที่โกรธ เวลาเมาแล้วขับน่ากลัวกว่ามาก คัมภีร์วิมุตติมรรคอธิบายว่า บุคคลที่ดื่มน้ำเมาในอดีตชาติจนเป็นนิสัย จะเกิดมามีบุคลิกภาพแบบโมหจริต ปัจจุบันชาติถ้าใครมีโมหจริตอยู่แล้วต้องระวังสิ่งมึนเมา เพราะจะเสพติดง่ายแม้การลองเพียงครั้งแรก ได้เรียนรู้ว่าผู้ชายโมหจริตมักแพ้ในการจีบหญิง อาจเป็นเพราะธรรมชาติของผู้หญิงที่ต้องการให้ผู้ชายปกป้องคุ้มครอง รวมไปถึงฮอร์โมนเทสทอสเทอโรนสูงในคนโทสจริต ทำให้จิตใต้สำนึกของผู้หญิงชอบ ได้เรียนรู้ว่านิวรณ์ห้า คือกั้นความเจริญไม่ให้เข้าถึงจิต ทำให้จิตยากที่จะเข้าสมาธิและปัญญา ได้แก่ กามฉันทะ เป็นนิวรณ์ของราคจริต พยาบาท เป็นนิวรณ์ของโทสจริต ถีนมิทธะ ความเกียจคร้านเป็นนิวรณ์ของโมหจริต อุทธัจจกุกกุจจะ ความคิดฟุ้งซ่าน กับวิจิกิจฉา ความลังเลสงสัย เป็นนิวรณ์ของวิตกจริตกับพุทธิจริต อนุมานได้ว่าบุคลิกแบบวิตกจริตมีโอกาสบรรลุธรรมได้ยากที่สุด และบุคลิกที่มีโอกาสบรรลุง่ายคือ สัทธาจริต ได้เรียนรู้ว่านักจิตวิเคราะห์พบว่า เด็กที่เกิดมาอย่างอ้างว้าง ไม่มีใครรักและไม่เคยรักใคร เมื่อเติบโตขึ้นจะมีความศรัทธาในตัวเองต่ำ ในชีวิตปกติของคนเราย่อมเกิดความผิดหวังในรัก คนที่เคยได้รับความรักอย่างเพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรักที่ได้จากพ่อแม่จะทำให้เขาทำใจได้เมื่ออกหัก แต่คนขาดความรักในวัยเด็กจะแสดงพฤติกรรมในทางก้าวร้าวเมื่อตัวเองถูกบอกเลิก ได้เรียนรู้ว่าโทสจริต เหมาะกับการพัฒนาปัญญาด้านร่างกายและการเคลื่อนไหว รวมทั้งปัญญาด้านมิติสัมพันธ์ ราคจริตเหมาะกับการพัฒนาปัญญาด้านภาษาและปัญญาด้านมนุษยสัมพันธ์ โมหจริตเหมาะกับการพัฒนาปัญญาด้านดนตรีและการเข้าใจธรรมชาติ วิตกจริตเหมาะกับการพัฒนาปัญญาด้านภาษาและมิติสัมพันธ์ สัทธาจริตเหมาะกับการพัฒนาปัญญาด้านการเข้าใจตนเองและมนุษยสัมพันธ์ พุทธิจริตเหมาะกับการพัฒนาปัญญาด้านตรรกศาสตร์ คณิตศาสตร์และการเข้าใจธรรมชาติ อย่างไรก็ตามทุกจริตสามารถพัฒนาปัญญาทั้ง 8 ด้านตามแนวคิดของโฮวาร์ด การ์ดเนอร์ได้ เพราะบุคลิกของคนเราไม่ได้มีเพียงหนึ่งเดียว แค่มีจริตหลายอย่างผสมอยู่มากน้อยแตกต่างกันไป ทั้งหมดนี้ทำให้ครีเอเตอร์ได้แนวคิดทั้งพุทธปรัชญา วิทยาศาสตร์ และหลักธรรมคำสอนที่นำไปใช้กับชีวิตประจำวันได้ เพราะจริตของคนมีความซับซ้อนยากแก่การมองให้ออกเพียงพบเจอหน้าแค่ครั้งเดียว ดังนั้น แนวทางการดูตนด้วยจริตตามที่พระพุทธองค์ได้ให้แนวทางไว้จึงนับว่ามีความสำคัญยิ่ง ครีเอเตอร์จะได้นำแนวคิดไปปรับใช้กับการตระหนักรู้จริตของตัวเองและจริตของคนรอบข้าง ทั้งจุดแข็งจุดอ่อนที่เกิดขึ้นจะได้สามารถปรับปรุงได้ถูกจุดว่าเราเหมาะกับการทำงานแบบไหน เหมาะกับการเข้าสังคมแบบไหน และจริตใดที่ต้องเพิ่มเพื่อให้เข้ากับการปรับตัวในสังคมได้อย่างเป็นสุข อย่างไรเสีย คนเราก็ไม่หนีไปจาก 6 จริตทั้งหมดที่กล่าวมาอย่างแน่นอน การศึกษาเรื่องของจริตคนหรือที่เราชอบเรียกกันว่าสันดานนั้นจึงไม่ถือว่าเป็นเรื่องที่เสียเวลาเปล่าแน่นอนครับ เครดิตภาพภาพปก โดย wirestock จาก freepik.comภาพที่ 1 และ 2 โดยผู้เขียนภาพที่ 3 โดย inkdrop จาก freepik.com ภาพที่ 4 โดย freepik จาก freepik.com บทความอื่นๆที่น่าสนใจรีวิวหนังสือ ทวาร 6 ศาสตร์แห่งการรู้ทันตนเองรีวิวหนังสือ ธรรมะหน้าเด้งรีวิวหนังสือ “เดอะท็อปซีเคร็ต”รีวิวหนังสือ ตอบปัญหาวิชาใจรีวิวหนังสือ กรรม-พันธุ์ โดยทันตแพทย์สม สุจีรา7-11 Community ห้องลับเมาท์มอยของกินของใช้ในเซเว่น อะไรดีอะไรใหม่ ต้องรู้ ต้องคุย ต้องแชร์