โบรกชี้ LPF การแปลงสภาพเป็น REIT จะช่วยหนุนมูลค่าหุ้นในระยะยาว

#บลกสิกร #ทันหุ้น - โบรกชี้ LPF การแปลงสภาพเป็น REIT จะช่วยหนุนมูลค่าหุ้นในระยะยาว
บล.กสิกร คาดกำไรปกติ 2QFY68 จะอยู่ที่ 540 ลบ. (-1.4% YoY, -2.9% QoQ) และ DPU ที่ 0.347 บาท (สำหรับระยะเวลาดำเนินงาน 5 เดือน อัตราจ่ายเงินปันผล 150% และ DY รายปีที่ 6.1%)
ศักยภาพการเติบโตสูง บล.กสิกร คาดว่า Axtra Future City Freehold and Leasehold Real Estate Investment Trust (AXTRART) หลังจากเสร็จสิ้นธุรกรรมการแปลงสภาพจะแสดงให้เห็นถึงศักยภาพการเติบโตที่สูงในแง่ของกำไรปกติ และ DPU โดยในมุมมองของบล.กสิกร LPF จะสามารถจัดอันดับเครดิตเรทติ้งได้ ซึ่งอาจจะสอดคล้องกับอันดับความน่าเชื่อถือที่แข็งแกร่งของผู้สนับสนุนอย่างกลุ่ม CP ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือ AA-
นอกจากนั้นยังจะมีความสามารถในการกู้ยืมมากขึ้นในการลงทุนในสินทรัพย์เพิ่มเติม รวมถึงความสามารถในการเพิ่มมูลค่าของสินทรัพย์ที่มีอยู่ ทั้งนี้ LPF มีอัตราส่วน LTV ในปัจจุบันที่ 7.6% และสามารถกู้ยืมได้ถึง 35% ภายใต้ REIT และอาจเพิ่มขึ้นอีกเป็น 60% ภายใต้การถูกจัดอันดับเครดิตเรทติ้ง ดังนั้น LPF จึงมีพื้นที่สำหรับการลงทุนจำนวน 4 หมื่นลบ. โดยไม่ต้องระดมทุนเพื่อลงทุนในสินทรัพย์ใหม่
สรุป จากสถิติการดำเนินงานล่าสุด LPF รายงานว่ามีพื้นที่เช่าสุทธิ (NLA) รวมที่ 340,600 ตร.ม. ในไตรมาส 1QFY68 (ทรงตัว YoYและ QoQ) และอัตราการเช่าพื้นที่ (OCR) ที่ 96.3% (เทียบกับ 95.9% ในไตรมาส 2QFY67 และ 98.6% ในไตรมาส 2QFY63 ซึ่งเป็นระดับก่อนเกิดโควิด-19)
หากจำแนกรายสาขา โดย 5 สาขา (40% ของรายได้รวม และ 34.5% ของ NLA รวม) ที่มีส่วนแบ่งรายได้สูงสุด ได้แก่ ศรีนครินทร์ (10%) รองลงมาคือ ภูเก็ต (9%) อมตะ (8%) นวนคร (7%) และศาลายา (6%) ขณะที่ 5 สาขา (8% ของรายได้รวม และ 13.6% ของ NLA รวม) ที่มีส่วนแบ่งรายได้ต่ำสุด ได้แก่ ทุ่งสง (2%) มหาชัย (2%) ระนอง (2%) สิงห์บุรี (1%) และ สาขาเสนา อยุธยา (1%)
บล.กสิกร คงคำแนะนำ “ซื้อ” และเพิ่ม TP เป็น 14.1 บาท จาก WACC ที่ลดลง เราชอบ LPF เนื่องจากการถือครองสินทรัพย์แบบ freehold ค่อนข้างมาก กระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง และอัตราผลตอบแทนที่เหมาะสมที่ 6% (IRR ที่ 6.4%)
#KS #หลักทรัพย์กสิกรไทย #KSecurities #หุ้น #หุ้นไทย #ข่าวหุ้น #ลงทุน #LPF