เอาผิดสาวลาวพา 2 หนุ่มไทยเข้าประเทศแพร่โควิดต้นตอระบาดหนัก

วันนี้ ( 3 พ.ค. 64 )รายงานข่าวจาก สปป.ลาว แจ้งว่า  เจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย ได้ส่งตัว นางสาว พาวะดี หรือตุ๊กติ๊ก อายุ 25 ปี ชาวนครหลวงเวียงจันทน์ มาดำเนินคดีที่ สปป.ลาว  เนื่องจากลักลอบเข้าออกประเทศ  และร่วมมือกับผู้ป่วยรายที่ 59 เดินทางไปสถานที่ชุมชนต่างๆใน สปป.ลาว และยังพบว่าเป็นผู้ชักชวนหนุ่มไทย 2 คน ลักลอบข้ามแม่น้ำโขงเข้ามาที่แขวงสะหวันนะเขต ก่อนจะพากันเดินทางมาเที่ยวสงกรานต์ในนครหลวงเวียงจันทน์ ซึ่งอาจเป็นหนึ่งในสาเหตุในการนำเชื้อไวรัสโควิด-19 มาแพร่ระบาดใน สปป.ลาว

พันเอก สายสะหมิง สีวิไล หัวหน้ากรมตำรวจตรวจคนเข้าออกเมือง กรมใหญ่สันติบาล กระทรวงป้องกันความสงบ ระบุว่า เมื่อวันที่ 15 เมษายนที่ผ่านมา นางพาวะดี พร้อมกับหนุ่มชาวไทยอีก 2 คน ลักลอบเดินทางออกจาก สปป.ลาว ที่บ้านหมากนาว เมืองปากงึ่ม นครหลวงเวียงจันทน์ ไปยังบ้านเดื่อ อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย 

ต่อมา 16 เมษายน นางสาวพาวะดี รู้สึกไม่สบาย จึงได้ไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลหนองคาย ผลปรากฏว่า ติดเชื้อโควิด-19 และได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลดังกล่าว ตม.ลาวจึงได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ ตม.ไทย เพื่อนำส่งตัว นางสาวพาวะดี กลับมา สปป.ลาว ภายหลังอาการป่วยหายดีแล้ว 

ทั้งนี้ จะนำตัวผู้ต้องหาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมใน สปป.ลาว ในข้อหาละเมิดกฎหมายว่าด้วยการเข้าออก และการคุ้มครองคนต่างประเทศอยู่ สปป.ลาว, กฎหมายอาญา, กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและควบคุมโรคของ สปป.ลาว และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง

รายงานข่าวระบุว่า สำหรับผู้ป่วยรายที่ 59 ของ สปป.ลาว คือ นางสาว มอนมีนา หรือตี๊นา นักแสดง-นางแบบ และนักศึกษาชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยดังของลาว 

ตามไทม์ไลน์พบว่าได้สัมผัสใกล้ชิดกับชาวไทย 2 คนที่ลักลอบข้ามแม่น้ำโขงเข้าไปเที่ยวที่ สปป.ลาว เมื่อกลับถึงเมืองไทยแล้ว จึงทราบข่าวว่าพวกเขาติดเชื้อโควิด-19 จึงไปตรวจหาเชื้อโควิดที่โรงพยาบาล ปรากฏว่าผลตรวจเป็นบวก จึงเข้ารักษาอาการป่วย 

กระทั่งใช้เฟซบุ๊กไลฟ์ชี้แจงว่าถูกเอื้อยฮัก หรือพี่สาวคนสนิท ไหว้วานให้พาหนุ่มคนไทยเที่ยว และเอื้อยฮักยืนยันว่าคนไทยได้มีผลตรวจโควิดรับรองปลอดภัย แต่มีชาวลาวแห่เข้าไปแสดงความคิดเห็นโจมตีมากมาย จนทนกระแสสังคมไม่ไหวต้องปิดเฟซบุ๊กหนี 

จากไทม์ไลน์พบว่า เมื่อวันที่ 6 เมษายน ชายไทย 2 คนที่เป็นเพื่อนของ นางสาว พาวะดี ลักลอบนั่งเรือข้ามแม่น้ำโขงด้านจังหวัดมุกดาหาร ประเทศไทย และเข้ามาพักอยู่โรงแรมสายแพไหม 2 แขวงสะหวันนะเขต ต่อมาได้พาชายไทยทั้งสองคนไปร้องเพลงคาราโอเกะ กระทั่งเวลา 20.00 น.ได้นั่งรถโดยสารประจำทางจากแขวงสะหวันนะเขต มายังนครหลวงเวียงจันทน์ 

วันที่ 7 เมษายน นางสาวพาวะดี และชายไทย 2 คน ถึงนครหลวงเวียงจันทน์ เข้าพักที่โรงแรมเจือง 2 เมืองจันทะบุลี โดยมี นางสาว มอนมีนา ได้ไปต้อนรับ จากนั้นระหว่างวันที่ 8-12 เมษายน นางสาว มอนมีนา ได้พา นางสาว พาวะดี และชายไทยทั้งสองคนไปไหว้พระที่วัดสีเมือง และกินเที่ยว ทั้งร้านอาหาร คลับบาร์ คาราโอเกะ และร้านนวด 

วันที่ 13 เมษายน ชายไทยทั้งสองคนมีอาการไข้ ปวดเนื้อปวดตัว แต่ไม่ได้พบกับ นางสาว มอนมีนา ต่อมาวันที่ 16 เมษายน นางสาว พาวะดีพาชายไทยทั้งสองออกจากโรงแรม เดินทางกลับประเทศไทย โดยว่าจ้างเรือหาปลาลำเล็ก ลักลอบข้ามแม่น้ำโขงไปขึ้นฝั่งที่ อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย

จากนั้นวันที่ 17 เม.ย. นางสาว มอนมีนาได้รับโทรศัพท์จาก นางสาว พาวะดีว่า ทั้งสามคนติดโควิด-19 หนึ่งในนั้นมีอาการหนัก วันที่ 19 เมษายน นางสาว มอนมีนา รู้สึกไม่สบาย จึงเดินทางไปตรวจหาเชื้อโควิดพบผลเป็นบวก จึงถูกแยกตัวออกมารักษาอาการป่วย 

กระทั่งวันที่ 20 เมษายน ทางมหาวิทยาลัย ได้ออกหนังสือด่วนเรื่องรายงานผลตรวจเชื้อโควิดของนักศึกษา โดยระบุว่า นางสาว มอนมีนา นักศึกษาชั้นปีที่ 4 ติดเชื้อโควิดจากผู้หญิงที่มาจากแขวงสะหวันนะเขต ซึ่งมีสามีเป็นคนไทย ขณะที่ทางการ สปป.ลาว ออกคำสั่งลงวันที่ 20 เมษายน ปิดร้านฟันนี่ 89 บ้านท่าสว่าง เมืองชัยธานี และร้านนวด 1111 บ้านหนองบอน เมืองไชยเชษฐา พร้อมกับสั่งปิดชั่วคราวบางกิจการ และบางสถานที่ รวม 8 แห่ง พร้อมกำชับให้ร้านอาหาร กิจการ และสถานที่ต่างๆ ต่องเข้มงวดมาตรการป้องกันของคณะเฉพาะกิจฯ ของ สปป.ลาว

สำหรับชายไทยอีก 2 คน คือ นายชิตพล อายุ 30 ปี ชาวจังหวัดร้อยเอ็ด และนายธนกฤต อายุ 31 ปี ชาวมหาสารคาม ถูกตำรวจภูธรเมืองหนองคาย ดำเนินคดีในข้อหาเป็นบุคคลสัญชาติไทยเดินทางเข้ามาและออกไปนอกราชอาณาจักรโดยไม่ผ่านเขตท่า หรือสถานี ตามประกาศในกฎกระทรวง และไม่ผ่านการตรวจจากเจ้าพนักงานตรวจคนเข้าเมืองประจำเส้นทางนั้น และ ร่วมกันให้ความช่วยเหลือ ซ่อนเร้น หรือให้ความช่วยเหลือด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักร

โดยเมื่อวันที่ 30 เมษายน ตำรวจอายัดตัวนายชิตพลและ นางสาว พาวะดี ที่โรงพยาบาลหนองคาย เพื่อดำเนินคดีหลังจากที่ทั้งสองคนรักษาโรคโควิด-19 หายดีแล้ว สารภาพว่าลักลอบเข้าเมืองจริง แต่ไม่ขอให้การในชั้นสอบสวน