ท่านดอกเข็มป่า พระศิลปินแห่งวัดบ้านในไร่ สวัสดีค่ะ วันนี้ผู้เขียนขอแบ่งปันประสบการณ์ในช่วงชีวิตที่เคยเป็นครูในโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งในการจัดเรียนการสอนตามหลักสูตรใหม่เดี๋ยวนี้จำเป็นจะต้องให้สอดคล้องกับมาตรฐานการศึกษา ซึ่งคนที่ทำงานอยู่ในแวดวงการศึกษาจะทราบกันดี ทั้งหมดทั้งมวลไม่ว่าจะจัดการศึกษาในรูปแบบใด คนที่ควรจะได้รับประโยชน์สูงสุดก็ควรจะเป็นนักเรียน “ให้เด็กได้มีโอกาสเรียนรู้จากแหล่งเรียนรู้ท้องถิ่น หรือ ปราชญ์ชาวบ้าน” ส่วนหนึ่งของมาตรฐานการศึกษาบางข้อ บอกตามตรงเลยว่า เวลาจัดกิจกรรมต่าง ๆ ไม่ค่อยได้นึกถึงมาตรฐานอะไรนั่นหรอกนะคะ แต่บังเอิญว่า พอถึงเวลาที่โรงเรียนจะมีการประเมินต่าง ๆ กิจกรรมที่ผู้เขียนเคยจัดก็จะสามารถเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการรายงานมาตรฐานของโรงเรียน ผู้เขียนจัดกิจกรรม “เปิดเทอมใหม่ ปลูกธรรมนำใจ” มาเป็นเวลา 3 ปีแล้ว โดยปกติจะให้กับนักเรียนที่ประจำชั้น ซึ่งเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดก็จะจัดในช่วงเปิดเทอมใหม่ ๆ จุดประสงค์สำคัญคือ ให้นักเรียนได้เข้าวัด ณ พุทธอุทยานสำนักสงฆ์สัจธรรมบ้านในไร่ ต.คอหงส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา แต่รูปแบบการเข้าวัดจะมีเพิ่มเติมแปลกไปจากทั่วไป ที่เด็ก ๆ จะรู้สึกว่า เข้าไปสวดมนต์ นั่งสมาธิ ตามหัวข้อเรื่องเลยค่ะ "ท่านดอกเข็มป่า พระศิลปินแห่งวัดบ้านในไร่" “ศิลปะ” คงไม่ต้องอธิบายกันมาก เน้นแค่ว่า มีอุปกรณ์ คือ กระดาษ A4 พู่กัน และสีน้ำ หรือสีโปสเตอร์ ผู้เขียนไปเดินสำรวจ เด็กมีนำสีอะคิลิกมาด้วย ก็ตามความสะดวกของแต่ละคนค่ะ “ดอกเข็มป่า” ชื่อของดอกไม้ ในที่นี้มักจะนึกถึง ดอกเข็มสีม่วง บางที่เรียก เข็มพญาอินทร์ แต่สำหรับผู้เขียน ดอกเข็มป่า คือ พระอาจารย์จรูญ ขันติพโล เจ้าอาวาสพุทธอุทยานสำนักสงฆ์สัจธรรมบ้านในไร่ ต.คอหงส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งท่านเป็นพระศิลปิน ท่านมีความสามารถในการวาดภาพด้วยพู่กันจีน ผู้เขียนมีโอกาสได้รู้จักท่าน เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2555 โดยการนำนักเรียนและผู้ปกครองไปทอดกฐินที่นั่น ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผู้เขียนได้รู้จักกับ “ดอกเข็มป่า” มาจนถึงปัจจุบันนี้ ท่านบอกเสมอว่า ท่านวาดภาพเป็นการทำสมาธิ ผู้เขียนได้รับความเมตตาจากพระอาจารย์จรูญ ท่านบอกว่าให้พาเด็ก ๆ มาวาดรูปได้นะโยม โครงการ เปิดเทอมใหม่ ปลูกธรรมนำใจจึงได้เกิดขึ้น ซึ่งกิจกรรมจะมีทั้งหมด 3 ส่วนด้วยกัน พัฒนาวัด (ทำความสะอาดจามจัดต่างๆภายในวัดตามที่ได้รับมอบหมาย)ศาสพิธี (ไหว้พระสวดมนต์ ถวายสังฆทาน)สมาธิด้วยการวาดรูป ผู้เขียนจัดกิจกรรมในวันหยุด เสาร์-อาทิตย์ บางปีก็วันเสาร์ บางปีก็วันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 8.30 -15.30 น. ซึ่งทุกคนจะพร้อมกันที่วัดในเวลาประมาณ 8.30 น. เมื่อทุกคนมากันครบ มีผู้ปกครองมาร่วมกิจกรรมด้วยนะคะ พวกเราทั้งหมดก็จะเริ่มด้วยการช่วยกันทำความสะอาดภายในวัด กวาดใบไม้ ล้างห้องน้ำ ทำความสะอาดโรงครัว โรงทาน ขัดมานั่ง ซึ่งกิจกรรมช่วงนี้จะใช้เวลาประมาณ 1 ชม. เด็กน่ารักมากค่ะ ไม่มีใครเกี่ยงงานกันเลย งานนี้ทุกคนรับบุญกันเต็ม ๆ เสร็จสิ้นภารกิจแรกแล้ว ทุกคนก็เข้าไปในศาลาดอกเข็ม โดยมีพระอาจารย์จรูญรอต้อนรับเด็กๆ อยู่ข้างในศาลา ซึ่งก็จะเป็นในส่วนของศาสนพิธีแล้ว งานนี้ละค่ะ ได้เห็นการสวดมนต์ การไหว้พระของเด็ก ๆ แต่ละคน บางคนก็มีความคล่องแคล่วในการสวดมนต์ บ่งบอกให้รู้ว่าได้รับการปลูกฝังจากครอบครัวมาอย่างนี้ หลังจากนั้นผู้ปกครอง นักเรียน และครู ก็จะ ถวายเพล ถวายสังฆทาน บางปีได้มีโอกาสเตรียมในเรื่องของคำถวายสังฆทาน ก็มีการกล่าวคำถวายสังฆทานแบบเสียงดังฟังชัด บางปีพระอาจารยท่านก็กล่าวนำให้ ด้วยความเมตตาของพระอาจารย์จรูญทุกปีเมื่อจัดกิจกรรมนี้ ท่านจะมีสายสิญจน์เตรียมไว้ให้เด็ก ๆ ทุกคนรวมทั้งผู้ปกครองด้วย หากมีเวลามากพอท่านก็จะผูกข้อมือให้กับเด็ก ๆ ทุกคน รวมทั้งให้พรเด็ก ๆเป็นการเอาฤกษ์เอาชัยสำหรับการเปิดภาคเรียน มีบางปีที่เสียดายมากได้จัดเอาตอนใกล้สอบปลายภาคแล้ว เนื่องจาก กิจกรรมหลักของโรงเรียนมีเยอะมาก เสร็จสิ้นในส่วนของศาสนพิธีแล้ว ก็ได้เวลาทานข้าว แต่ละคนเตรียมของตัวเองกันมา บางคนก็เตรียมมาเผื่อเพื่อน ๆ บางคนก็ตักกับข้าวแลกเปลี่ยนกัน เป็นภาพที่น่ารักมากค่ะ การแบ่งปัน ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กันได้เกิดขึ้นอีกครั้ง อิ่มท้องกันแล้ว ก็ได้เวลาในช่วงของกิจกรรมสุดท้ายสำหรับวันนี้ คือ สมาธิกับศิลปะ นี่ถ้าให้นั่งสมาธิจริง ๆ คงได้หลับกันเป็นแถวแน่ ๆ เลยค่ะ หนังท้องตึง หนังตาหย่อน ทุกคนก็ช่วยกันขนเสื่อไปที่ลานหินโค้ง ซึ่งอยู่บริเวณหน้า วิหารปู่ทวดเขาคอหงส์ พระอาจารย์บอกว่าให้เด็ก ๆ ได้อยู่กับธรรมชาติ กิจรรมตรงนี้ผู้เขียนยื่นไมโครโฟนถวายพระอาจารย์เลยค่ะ เปลี่ยนหน้าที่ไปเป็นช่างภาพแทนและคอยสังเกตเด็ก ๆ ไปด้วย บางปีก็จะมีผู้ปกครองมาร่วมวาดรูปด้วย บางท่านก็ทำขนมมาให้เด็ก ๆ ได้ทานกันในช่วงพักเบรก ผู้เขียนแอบซึ้งกับความน่ารักของผู้ปกครอง “การเป็นผู้ให้” สิ่งเหล่านี้ที่เราจำเป็นจะต้องปลูกฝังให้เกิดกับนักเรียนจะได้มากได้น้อย ก็สุดแล้วแต่ วันนี้เด็ก ๆ กลุ่มนี้โชคดีที่มีผู้ใหญ่ที่น่ารักทำให้เห็นเป็นแบบอย่าง วันใดวันหนึ่งที่ผู้ปกครองท่านที่ได้ทำขนมเค้กมีโอกาสได้มาอ่านบทความนี้ ผู้เขียนอยากจะบอกว่า ขอบคุณมากๆเลยค่ะ และกลุ่มผู้ปกครองรุ่นแรกที่จัดกิจกรรมนี้ ความสามัคคี ความเสียสละ ของทุกท่าน แบบอย่างที่ดีงาม ที่เด็ก ๆ พึงได้เห็นได้รับรู้ การวาดรูปด้วยพู่กันของพระอาจารย์ดอกเข็มป่า (ท่านชอบให้เรียกแบบนี้) ไม่มีรูปแบบ ท่านบอกว่า ให้อิสระ ความงาม คือ ธรรมชาติ อะไรที่เป็นธรรมชาติสวยงามเสมอ และธรรมชาติคือของจริงไม่ปลอม ท่านได้วาดภาพด้วยพู่กันจีนเป็นตัวอย่างให้เด็ก ๆ ดู ท่านบอกว่า ให้เด็กๆเริ่มวาดแบบไหนก่อนก็ได้ ในขณะที่ท่านวาดไปก็ได้สอดแทรกธรรมะให้เด็ก ๆ ได้ฟังกันไปด้วย โดยที่ไม่มีใครเบื่อเลย เด็กบางคนก็มีคำถามเกี่ยวกับการวาดภาพ ท่านก็อธิบายให้ฟัง เด็กน้อยบางคนมากระซิบบอกผู้เขียนว่า “ทำไมพระท่านใจดีจัง วาดรูปเก่งด้วย” บางคนก็มาบอกว่า “พระท่านพูดภาษาอังกฤษด้วย ผมฟังไม่รู้เรื่อง แต่ฟังสนุกมาก ” ผู้เขียนได้กระซิบบอกเด็กไปว่า พระอาจารย์ท่าน จบปริญญาโทมาด้วยนะคะ จึงไม่แปลกที่ท่านจะมีความสามารถทางด้านภาษาอังกฤษ ท่ายเคยได้รับเชิญให้ไปเผยแพร่ผลงานภาพของท่านที่ประเทศจีนด้วย และท่านก็พูดภาษาจีนได้ด้วยค่ะ เราใช้เวลากิจกรรมช่วงบ่ายไปจนถึงประมาณ 15.00 น. เด็กโชว์ผลงานตัวเอง พระอาจารย์ดอกเข็มป่า ให้เด็ก ๆ ออกมา อธิบายเกี่ยวกับภาพของตัวเอง งานนี้ได้ฝึกการพูดกันต่อเลยค่ะ คนไหนกล้าแสดงออกก็พูดเยอะหน่อย คนไหนไม่กล้า พระอาจารย์ท่านก็ถามชี้นำให้เด็กพูด ก่อนแยกย้ายกันกลับทุกคนช่วยกันจัดเก็บสถานที่อีกครั้งและถ่ายภาพหมู่ร่วมกันเป็นที่ระลึก ท่านที่ได้อ่านบทความนี้แล้ว มีความสนใจอยากจะเข้าไปฝึกวาดรูปด้วยพู่กันจีน กับพระอาจารย์ดอกเข็มป่า เข้าที่วัดได้เลยนะคะ ลองไปถามดูว่าท่านว่างมั๊ย มีกิจนิมนต์ที่ไหนรึป่าว หากมีเวลาเข้าไปสนทนาธรรมกับท่านได้เลยค่ะ ท่านจะสอดแทรกเป็นบทกวีให้ฟังเสมอ บางคนจึงเรียกท่านว่า “พระศิลปิน” ไว้บทความต่อไปผู้เขียนจะมาเขียนเกี่ยวกับ "ท่านดอกเข็มป่า" นะคะ