เตาดินเผาในปัจจุบันเริ่มพบการใช้น้อยลง เพราะยุคสมัยเปลี่ยนแปลง ผู้คนเปลี่ยนมาใช้เตาแก๊ส เตาไฟฟ้าเป็นจำนวนมาก ซึ่งทำให้หลาย ๆ คนในปัจจุบันไม่เห็นความสำคัญของเตาดินเผา แต่สำหรับชุมชนบ้านเทอดไทย เตาดินเผาเป็นสิ่งที่สำคัญ เนื่องจากเตาดินเผานั้นเป็นสินค้าที่สร้างรายได้ให้กับชาวบ้านเกือบครึ่งหมู่บ้านที่ยังคงปั่นเตาดินเผาเป็นอาชีพหลัก สถานที่ บ้านเทอดไทย ตำบลเทอดไทย อำเภอทุ่งเขาหลวง จังหวัดร้อยเอ็ด หมู่บ้านเทอดไทยเกือบ 10 หลังคาเรือนมีอาชีพปั้นเตาขาย ซึ่งชุมชนนี้การปั้นเตาดินเผามาตั้งแตบรรพบุรุษสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น โดยในสมัยก่อนปั้นหม้อดินเผาเพื่อใช้ประโยชน์มากมายในชีวิตประจำวัน แต่ปัจจุบันหม้อดินเผากลับไม่เป็นที่นิยมแล้วเนื่องจากมีวัตถุดิบอื่นที่เป็นที่นิยมกว่ามาทดแทน ชาวบ้านจึงได้เปลี่ยนมาปั้นเตาเนื้อย่าง เตาประหลาด เตาประหยัดชานใหญ่ และเตาประหยัดชานเล็ก แทนการปั้นภาชนะแบบเดิม จากการสัมภาษณ์คุณตาบุญหนา คำมาตย์ หัวหน้ากลุ่มปั้นเตาได้ข้อมูลมาว่า บ้านคุณตาเป็นหนึ่งในกลุ่มปั้นเตา โดยคุณตาจ้างลูกจ้างมาทำเป็นหน้าที่หลัก ๆ ได้แก่ ปั้นเตา ผสมดิน เจาะลิ้นเตา ส่วนคุณตาเป็นคนนำเตาไปเผาในเตาเผาใหญ่ ซึ่งใช้เวลาเกือบทั้งวันทั้งคืนกว่าเตาจะแห้งสมบูรณ์ คุณตาจะซื้อดินเหนียวจากหนองของหมู่บ้านมากองไว้หลังบ้านหลายสิบกอง และซื้อแกลบปีละครั้ง โดยแกลบจะต้องใช้ใบมะพร้าวคลุมไว้ ไม่ให้ปลิว ส่วนลูกจ้างก็เป็นคนในหมู่บ้านหรือญาติพี่น้องกัน ได้ค่าจ้างโดยนับจากงานที่ทำ เช่น ปั้นเตาได้กี่วันละ 30 ลูก ทำลิ้นเตาได้100 อัน ก็จะได้ค่าจ้างถึงวันละ 300 บาทวิธีการปั้นเตา 1. นำดินเหนียวมาหมักให้ดินละลาย 2. นำเข้าเครื่องผสมดินกับแกลบดำ แล้วนวดให้ดินเนียนละเอียด 3. เมื่อดินที่ผสมได้ที่แล้วนำมาใส่เครื่องขึ้นรูปเตา โดยพักทิ้งไว้ 4. นำมาติดเส้า การติดเส้าจะต้องยกให้สูงจากปากเตาเล็กน้อย พร้อมตกแต่งปากเตาให้เรียบร้อยสวยงาม 5. เจาะปากเตาหรือช่องลม 6. ใช้ดินเหนียวอัดกับบล็อก แล้วนำมาเจาะรู(ลิ้น) เพื่อให้ถ่านไม่หล่นลงด้านล่าง 7. ทิ้งให้แห้ง แล้วนำไปเข้าเตาเผาเตาปั้นดินเผา ถือเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เริ่มพบเห็นได้ยากในปัจจุบัน เนื่องจากปัจจุบันมีเครื่องใช้ประเภทอื่นเข้ามาแทนที่เป็นจำนวนมาก แต่การปั้นเตานั้นถือได้ว่าเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ควรอนุรักษ์ไว้ และควรได้รับการสนับสนุนเนื่องจากเป็นการนำทรัพยากรที่มีอยู่ในธรรมชาติมาสร้างรายได้ให้กับครอบครัว และชุมชนของตนเองถ่ายภาพโดยผู้เขียน : นันทนัช ดิษดำ