แม้เดียงต้นเล็กที่ไร้ความงาม ต้องต่อสู้อดทนตามสภาพเปลี่ยนผัน เบ่งบานเติบโตได้ในแต่ละวัน เพราะความสุขความฝันของคนดูแล ความสุขของคนเราไม่เท่ากัน และไม่เหมือนกัน บางคนแค่ได้เดินก็มีความสุข บางคนได้มองก็สุข อยากทำในสิ่งที่ตนเองคิดหวังแม้ว่า เรื่องสมหวังนั้นจะเป็นเรื่องยากก็ตาม เพียงแต่ขอให้เขาได้ลองลงมือทำ เพียงพอแล้ว การลองทำสิ่งเล็กๆใกล้ตัวเพื่อตักตวงความสุข ทำให้ตนเองมีกิจกรรมทำในยามว่าง ที่จะเลือกนำมาเล่าในครั้งนี้ นั่นคือการปลูกผักตามฤดูกาลปลอดภัยไม่ใช้สารเคมี ผักสวนครัวข้างบ้าน ความไม่ซื่อสัตย์ต่อผู้บริโภคคือการ ใส่สารเคมีในผักสดสีเขียวให้สวยน่ารับประทาน การเร่งใบเร่งดอกผล ปัจจุบันนี้มีวางขายในท้องตลาด เมื่อเห็นเช่นนั้นจึงทำให้มีการปลูกผักสวนครัวกินเอง แม้ว่าจะไม่สวยเท่าที่เราซื้อ แต่ก็ทำให้เรามีความสุขเวลาที่เราได้ทานผักที่เราปลูกเองกับมือ ทานแบบตัดจากต้นล้างทานสดๆได้เลย ไม่ต้องกลัวเพราะเราปลูกเอง รดน้ำดูแลทุกขั้นตอนเองปลอดภัย โรคภัยไข้เจ็บ ปัจจุบันโลกของเรานั้นไม่เหมือนแต่ก่อน แต่ก่อนเน้นทานผักริมรั้วไม่ค่อยมีอาหารจานด่วน อาหารที่ใส่สารกันบูด ซึ่งถามว่าอันตรายกับคนที่บริโภคไหม ตอบว่าไม่ค่อยอันตรายในระยะสั้นแต่ในระยะยาวนั้นไม่แน่ เพราะการสะสมไปเรื่อยสิ่งที่จะตามมา คือภูมิต้านทานของคนเราเมื่ออายุมากขึ้นอาจจะหายไปบ้าง สุขภาพเริ่มไม่แข็งแรง ซึ่งถ้าเรามอไปถึงปู่ย่าตายายที่เกิดก่อน อายุ 80-90 ไม่ค่อยป่วย และมีโรคประจำตัวเหมือนสมัยนี้ เด็กบางคนเกิดมาก็เป็นเบาหวานในเด็ก แต่ถ้าหากทานอาหารปลอดภัยผักริมรั้วปลูกเองเราจะอายุยืนกันขนาดไหน เริ่มต้นชีวิตยอดแรกของการปลูก ได้มาจากตลาดต้นละ 10 บาท ซื้อมาก็จะนำมาตั้งไว้เพื่อเตรียมที่สำหรับปลูก ซึ่งจะต้องมีการโรยปูนขาว ต่อด้วยการคลุกฝุ่นกับดินไปมา รดน้ำให้ดินชุ่มและปักเจ้าต้นกะหล่ำปลีลงดินรดน้ำตามไม่น้อยไม่มากเกินไป เพราะถ้าหากเยอะเกินก็อาจจะทำให้รากเปื่อยได้ การปลูกนั้นจะต้องเว้นระยะห่างพอสมควร เพราะเราจะต้องเตรียมเพื่ออนาคตของการเติบโต การดูแลก็จะรดน้ำในทุกเช้า หรือวันเว้นวัน รดน้ำทุกวันจะดีเพราะจะทำให้ต้นกะหล่ำปลีนั้นชุ่มน้ำและกรอบเวลาเรานำไปรับประทาน ระยะเวลาในการปลูกจนรวมถึงห่อเป็นกะหล่ำจะใช้ระยะเวลาประมาณสามเดือน ความสุขที่หาได้ในทุกเช้า และก่อนเข้านอน เวลาที่คนเรานั้นปลูกผักสิ่งที่หวังนั้นคือให้ผักเราสวยงาม น่าชม ได้อุ่นใจเวลาที่ไม่ได้ไปตลาดหรือคิดเมนูไม่ออก แค่เดินเข้าสวนผักนำผักสดมาต้มกับน้ำพริกหอม อร่อยจนลืมโลกไปเลย อย่างไรหรือที่ว่า สุขในทุกเช้า และก่อนเข้านอน ในตอนเช้าที่เราตื่นมานั้นเราก็จะตรงไปที่สวนผักของเรา นั่งมองหาแมลงที่จะมาทำร้ายผักของเรา จากนั้นก็จะจับต้นนั้นต้นนี้เพื่อส่องดูความสวยงาม การเจริญเติบโต ก่อนนอน ก่อนที่จะหลับตาเราก็จะนึกถึง วันพรุ่งนี้ผักจะต้องโตขึ้นกว่าเดิมแน่นอน ยิ่งตอนที่มีแขกมาชมสวนของเรา แล้วตัดให้เป็นของฝากยิ่งภูมิใจและยิ้มกว้างกว่าเดิม เฝ้ารอคอยมอง การเจริญเติบโตของเจ้า หนึ่งเดือนผ่านไป ตอนนี้ต้นกะหล่ำดอกเริ่มจะอายุได้หนึ่งเดือนกว่าๆ ใบขยายออกเตรียมพร้อม เจ้าของจะปลูกต้นหอมร่วมด้วย เป็นการใช้พื้นที่ให้คุ้มดีกว่าปล่อยให้เป็นพื้นที่ว่างโดยเปล่าประโยชน์ กว่ากะหล่ำปลีจะโต เราก็ทานต้นหอมหมดแล้ว ก่อนที่ใบของกะหล่ำก็จะขยายเต็มทั่วพื้นที่ กะหล่ำสวยก็จริงแต่หลังจากที่เราตัดหัวของมันไปทาน คือจบหมดไปเลย ถ้าจะว่าไปแล้ว ชีวิตของกะหล่ำปลีก็เหมือนกันกับชีวิตของมนุษย์เรา เติบโตมามีเพื่อน มีคนให้ชีวิต คอยดูแลหล่อเลี้ยงเราตั้งแต่ยังเล็กด้วยนม ด้วยอาหาร คอยฟูมฟักยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม ดูแลไม่เคยห่างคอยห่วงใยในทุกวัน แต่สิ่งที่แตกต่างคือ การใช้ชีวิตถ้าเป็นมนุษย์จะสามารถพูดได้เดินวิ่งไปไหนมาไหนได้ตามความต้องการ ในช่วงสุดท้ายของชีวิต เมื่อเติบโตเต็มที่แล้วคนที่คอยดูแลเราเฝ้าฟูมฟักจะเป็นคนที่ตัดไปประกอบอาหาร ซึ่งก็ทำให้ชีวิตของกะหล่ำปลีหมดสิ้นลงตั้งแต่บัดนั้น แต่สำหรับคนเรานั้นมีชีวิตที่ยาวกว่านั้น ยังมีเวลาได้สร้างสมความดีจนกว่าชีวิตจะสิ้นสุดลง ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าตนเองจะจากโลกนี้ไปเมื่อไหร่ แท้ที่สุดแล้วชีวิตของคนเราทุกคนก็ต้องจากไปอย่างโดดเดี่ยวเหมือนกันกับต้นกะหล่ำที่ถูกตัดไปเมื่อถึงเวลาที่เจ้าของต้องการนำไปใช้ประโยชน์ ตอนนี้ผักอายุได้สองเดือนครึ่ง กำลังเจริญเติบโตเพื่อสร้างให้ใบใหญ่ และหลังจากนั้นยอดของผักก็จะเริ่มห่อ ในการให้ปุ๋ยและอาหารของต้นกะหล่ำปลีเราจะใส่เพียงครั้งเดียว ไม่มีอะไรสวยตั้งแต่เราปลูกในครั้งแรก ผักหรือต้นไม้ทุกต้นต่างก็เคยเป็นเพียงรากไม้ต้นเล็กๆ ต่อสู้เพื่อสังเคราะห์แสงและมีชีวิตรอด ต้องการความเอาใจใส่ดูแลและให้ความรัก แม้แต่น้ำที่เหมือนกันแต่น้ำกลุ่มหนึ่งทดลองโดยการร้องเพลงให้ฟังพูดไพเราะ อีกกลุ่มนั่งด่าทุกวัน เมื่อเราส่องกล้องดูเรายังเห็นความแตกต่างของน้ำที่กลุ่มที่ร้องเพลงให้ฟังพูดไพเราะด้วย ลวดลายสวยงาม ตรงกันข้ามที่นั่งด่าทุกวันโดยสิ้นเชิง นั่นแสดงว่าแม้จะไม่มีชีวิตก็ต้องการสิ่งดีๆเช่นกัน เริ่มเตรียมพร้อมในการห่อ อายุประมาณสองเดือน แต่แรกเริ่มอาจจะห่อเพียงเล็กน้อย ซึ่งถ้าหากต้นเริ่มทำการห่อเราดูใบเลี้ยงจะเบ่งบานมาก ในทุกวันใบไม้จะห่อเข้าที่ละใบ ใบที่ห่อเข้านั้นคือยอดที่เกิดใหม่ซึ่งจะค่อยๆห่อเข้าจนแน่น ในช่วงเวลานี้คือช่วงที่นั่งมองแล้วมีความสุข เราจะมองต้นนั้นต้นนี้ใบนั้นใบนี้สลับกันไปมา การรดน้ำในช่วงนี้จะต้องรดน้ำทุกวัน ตอนที่ต้นกำลังเจริญเติบโตเราอาจจะรดน้ำวันเว้นวัน แต่ถ้าหากครบสองเดือนเราจะต้องรดน้ำเป็นประจำ พยายามไม่ให้ดินแห้งเพราะถ้าดินแห้งจะทำให้ผักขาดน้ำได้ ซึ่งลักษณะของการขาดน้ำ ถ้าขาดน้ำน้อยเราจะไม่เห็นผักเหี่ยว แต่อาจจะเห็นใบเหี่ยวในช่วงเวลาเที่ยง หรือบางชนิดอาจจะเหี่ยวทั้งวัน จนกว่าจะได้รับการรดน้ำ ซึ่งการขาดน้ำส่งผลหลายอย่างกับพืชไม่ว่าจะเป็นการเจริญเติบโต การผสมเกสร การสร้างดอกและผลของพืช และยังเกี่ยวข้องกับการ สังเคราะห์แสงที่มีการใช้น้ำตาลและแป้ง การปลูกผักเราจะต้องมีเวลาดูแล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการใส่ปุ๋ย การถอนหญ้า การรดน้ำ ถ้าหากว่าเราปลูกแล้วไม่มีเวลาดูแลผักของเรานั้นก็จะไม่สวย ไม่กรอบอร่อยเหมือนผักของคนที่ใส่ใจ ศัตรูของกะหล่ำดอก มีอยู่หลานยอย่างแล้วแต่สภาพอากาศและพื้นที่ เช่นถ้าหากบางที่อากาศร้อน อาจจะต้องเจอกับหนอนและแมลงจำนวนมาก ซึ่งกะหล่ำปลีนั้นชอบอากาศหนาว ยิ่งถ้าอากาศหนาวหน่อยจะใบกลมใหญ่และเจริญเติบโตเต็มที่ แต่สำหรับบางต้นนั้นโชคร้ายหน่อยที่อาจจะยังไม่มีโอกาสได้เติบโตสวยงามมากนัก โดนหนอนหรือแมลงตัวน้อยเข้าไปยึดและแสดงความเป็นเจ้าของ ซึ่งถ้าเป็นพ่อค้าแม่ค้าที่ต้องการผลผลิตจะนำยาฆ่าแมลงมาฉีดไล่แมลง เพียงไม่กี่นาทีแมลงก็หายไปทันควัน แต่สำหรับชาวบ้านที่ปลูกผักทานเองไม่ใช้สิ่งเหล่านี้ จะคอยหยิบหรือจับหนอนออกจากต้น ซึ่งถ้าหากว่าหนอนกินหนึ่งต้นจะไม่ค่อยเข้าอีกต้น เจ้าของต้องคอยมองส่องที่ใบอยู่ตลอด กะหล่ำปลีพร้อมสำหรับการรับประทานแล้ว จะอายุประมาณสามเดือน หรืออาจจะน้อยกว่านั้น อยู่ที่การดูแลและความชอบของเจ้าของ เพราะบางคนจะไม่ชอบหัวแน่น ก็จะตัดมารับประทานเลย การดูว่ารับประทานได้หรือยังเราจะใช้มือกดลงไป ถ้าอ่อนให้รออีกนิด แต่ถ้าแข็งจัดการตัดโคนต้นเลย หรือจะรอให้ครบสามเดือนกว่าๆ กะหล่ำปลีจะห่อเวลาที่เราเอามือไปจับจะแน่นมาก ซึ่งนั่นหมายความว่าสามารถที่จะนำมารับประทานได้แล้ว สุขภาพ การทานอาหารแบบคลีน สะอาดปลอดภัยปลูกเอง นอกจากการปลูกผักทานเองยังช่วยเพิ่มอากาศบริสุทธิ์ ยังทำให้คนที่ปลูกสุขภาพดีเพราะทานผักปลอดสาร ซึ่งปัจจุบันมีการรณรงค์ให้ปลูกผักทานเอง เพื่อหลีกเลี่ยงการทานผักที่ขึ้นห้างไม่รู้ว่าใครเป็นคนปลูก วิธีตัดกะหล่ำปลี วิธีการตัดหัวกะหล่ำปลีมีหลายแบบแล้วแต่คนถนัด ซึ่งบางคนที่ต้องการใช้ประโยชน์จากใบต่อในการนำไปให้สัตว์เลี้ยงก็จะตัดทั้งหมด ต้องงัดลำตันขึ้นมาให้หมด สำหรับบางคน จะตัดเอาตรงใบเลี้ยงด้านบน ให้ห่อหัวกะหล่ำปลีเล็กน้อย สำหรับใบเลี้ยงนั้นถามว่าทานได้ไหม คำตอบคือได้ แต่ไม่อร่อยโดยส่วนมากจะนำไปทำปุ๋ยหรือเป็นอาหารสัตว์ หลังจากที่ตัดเสร็จแล้ว จะนำมาแกะใบเลี้ยงด้านนอกออกให้หมด นำไปให้หมู ทำเป็นอาหารสัตว์ได้เลย จะนำหัวกะหล่ำปลีมาทำอาหาร ซึ่งสามารถที่จะทำได้ทั้งหมด ตั้งแต่ต้ม ผัด แกง ทอด แล้วแต่ผู้ทานจะดัดแปลง การปลูกผักแบบใช้ปุ๋ยอินทร์ เราจะต้องทำใจในเรื่องแมลงและนก ที่จะมาขอแทะขอเจาะใบของต้นกะหล่ำชิม แต่หลังจากที่ตัดแล้ว ก็จะนำมาแกะใบเลี้ยงออกจนเหลือแต่หัวกะหล่ำปลี ด้านในอาจจะไม่คอยเสียหายมากนักเพราะหัวกะหล่ำมีความหนา ถือเสียว่าแบ่งปันกันกิน การตรวจสอบความพร้อมของกะหล่ำปลีว่าด้านในนั้นเนื้อแน่นและกรอบขนาดไหน ในภาพเมื่อเรานำมาผ่าครึ่งจะรู้สึกว่ายังไม่ค่อยแน่นสักเท่าไหร่ หลังจากนั้นแล้วแต่เลยว่าชอบทานแบบไหน หรือจะนำมาคั้นเป็นส้มได้ทั้งหมด หรือจะทานสดๆ ก็ได้เช่นกัน ประโยชน์ของการปลูกผักทานเอง อย่างแรกคือเราประหยัดรายจ่าย อย่างต่อมาคือได้ทานอาหารที่ปลอดภัยจากสารเคมี ทานได้อย่างสบายใจ เมื่อเรานำมารับประทาน สิ่งที่ได้มากกว่านั้นคือความภูมิใจที่เห็นการเจริญเติบโตของผัก สิ่งนี้คือความภูมิใจในความสำเร็จของตนเอง ความภูมิใจของเราเกิดขึ้นได้ด้วยตนเอง สิ่งเหล่านี้คือกำลังใจ ในการใช้ชีวิต ลงทุนเพียงต้นละสิบบาทและลงแรงในการรดน้ำให้ชุ่มชื่นในทุกเช้า สุขที่เราและยังส่งต่อความสุขไปให้กับคนอื่นได้ด้วย เพราะเพื่อนบ้านที่ขับรถผ่านไปผ่านมาเห็นก็จะลงมาชมผักในสวนด้วย นอกจากนั้นเรายังแบ่งปันให้เพื่อนบ้านนำกลับไปทานที่บ้านได้ มั่นใจว่าปลอดภัยอย่างแน่นอน จงมีความสุขให้เต็มที่กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเราภาพถ่ายทั้งหมดโดยผู้เขียน (อุ้งเท้าแมว)เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !