ออสเตรเลียเตรียมใช้ทหารคุม ตำรวจซิดนีย์ขอกองทัพล็อกดาวน์ หลังผู้ติดเชื้อสูงทำสถิติใหม่

Australia: ตำรวจในนครซิดนีย์ร้องขอกองทัพช่วยบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ หลังพบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 239 คน ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่พบการระบาด

มิก ฟูลเลอร์ ผู้บัญชาการตำรวจรัฐนิวเซาท์เวลส์เผยว่า ได้ขอให้เจ้าหน้าที่กองกำลังป้องกันออสเตรเลีย 300 นายเข้าประจำการในนครซิดนีย์และพื้นที่โดยรอบเพื่อเสริมกำลังการปฏิบัติหน้าที่ เพราะแม้นครซิดนีย์ซึ่งมีประชากรราว 5 ล้านคนจะเข้าสู่สัปดาห์ที่ 5 ของการล็อกดาวน์ ซึ่งจะดำเนินไปจนถึงสิ้นเดือนสิงหาคม แต่คำสั่งให้ชาวเมืองเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านยังไม่อาจลดจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ได้ 

ทั้งนี้ ยังมีประชาชนที่ฝ่าฝืนคำสั่งของรัฐนิวเซาท์เวลส์ ด้วยการออกไปนั่งจับกลุ่มดื่มกาแฟ หรือคุยกับเพื่อน ๆ ตามสวนสาธารณะและทางเดินริมชายหาด ขณะที่ตำรวจซิดนีย์ได้เพิ่มวงเงินค่าปรับสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนข้อจำกัด และจะมีการปรับบทลงโทษให้เข้มงวดรุนแรงขึ้นอีกภายในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

วานนี้ (29 กรกฎาคม) รัฐนิวเซาท์เวลส์รายงานพบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 239 คน ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่พบการระบาด ส่งผลให้ทางการเพิ่มอำนาจให้ตำรวจสั่งปิดธุรกิจที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรการล็อกดาวน์ได้ ขณะที่สั่งให้ชาวนครซิดนีย์กว่า 2 ล้านคนในพื้นที่ 8 แห่งที่พบการระบาดรุนแรง ต้องสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในที่กลางแจ้ง และออกนอกบ้านได้ไม่เกินรัศมี 5 กิโลเมตร 

ขณะนี้ นครซิดนีย์มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 2,800 คนจากการระบาดครั้งล่าสุด ซึ่งทำให้ทางการท้องถิ่นตัดสินใจขยายมาตรการล็อกดาวน์ต่อไปอีก 1 เดือน โดยจะสิ้นสุดในวันที่ 28 สิงหาคม โดยรัฐนิวเซาท์เวลส์ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ครบสองเข็มให้แก่ประชาชนอายุ 16 ปีขึ้นไปได้เพียง 17% ขณะที่ทั้งประเทศออสเตรเลียมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 33,700 คน และผู้เสียชีวิต 923 คน

ล่าสุด นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน ของออสเตรเลีย ระบุว่า การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เพียงอย่างเดียว ไม่อาจยุติการใช้มาตรการล็อกดาวน์ในนครซิดนีย์ได้ เขาหวังว่าการขยายการใช้มาตรการล็อกดาวน์และมาตรการควบคุมที่เข้มงวดขึ้นเกี่ยวกับการเดินทางในหลายพื้นที่ของนครซิดนีย์ อาจช่วยควบคุมการระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์ Delta ที่พบครั้งแรกในอินเดียและแพร่เชื้อรวดเร็วขึ้น