โจ๋วิวาทเคืองเมนต์อิโมจิ อ้าง 'หัวโจก' หลอกไปกินข้าว ไม่คิดก่อเหตุ เล่าเมียรู้เจอด่าหนัก

คืบหน้า 3 ใน 4 วัยรุ่นจอดรถกลางสะพานก่อเหตุทำร้ายร่างกายคู่กรณีมอบตัว ยังเหลือหัวโจก 1 ในผู้ก่อเหตุเผยห่อผ้าที่ชักออกมาไม่ใช่ปืน แต่เป็นห่อเงินและโทรศัพท์ เมียเห็นคลิปโมโห โดนเมียถีบ สัญญาจะไม่เชื่อใครอีกแล้ว จากกรณีภาพจากกล้อง
จากกรณีภาพจากวงจรปิดเผยภาพรถกระบะสีขาว ขับเข้ามาจอดที่กลางสะพาน ถนนริมคลองสมถวิล ต.ตลาด อ.เมือง จ.มหาสารคาม มีหญิงสาวใส่เสื้อสีขาวอยู่บนรถ ก่อนที่จะมีชาย 4 คนลงมาจากรถ พร้อมอาวุธครบมือ ปรี่ทำร้ายกลุ่มวัยรุ่นชาย 3 คน ที่กำลังนั่งขายใบกระท่อมอยู่บริเวณคอสะพาน ต่างคนก็ต่างวิ่งไหนไปคนละทิศละทาง โดยชายเสื้อสีดำคนหนึ่งได้ชักอาวุธลักษณะคล้ายปืนที่ห่อด้วยผ้าสีขาวออกมา ก่อนจะจ่อไปที่วัยรุ่นเสื้อสีขาว ซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็นปืนหรือไม่ ก่อนที่วัยรุ่นเสื้อสีขาวจะวิ่งหลบหนีเข้าไปอยู่ในร้านจิ้มจุ่ม ใช้เวลาสักพักกลุ่มขับรถกระบะจึงขึ้นรถขับหลบหนีไป โดยเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อกลางดึกของคืนวันที่ 4 มิถุนายนที่ผ่านมา เบื้องต้นผู้สายหาย คือ นายเค้ก อายุ 23 ปี และ นายดิว อายุ 23 ปี ได้เข้าแจ้งความไว้แล้วที่ สภ.เมืองมหาสารคาม
ซึ่งมูลเหตุของเรื่องนี้ นายเค้ก เล่าให้ฟังว่า เกิดจาก ก่อนหน้านี้ตนได้มีการคอมเม้นท์ในเฟสบุ๊คของคู่กรณี เกี่ยวกับเรื่องไก่ชน ซึ่งไก่ชนของผู้ก่อเหตุตีแพ้ ตนจึงใส่อีโมจิ ที่เป็นรูปยิ้มแล้วก็ร้องไห้ไป ทำให้ผู้ก่อเหตุไม่พอใจ พิมพ์กลับมาว่า “มึงตลกเหรอ กูกลับไปมึงโดนตีนกู” ซึ่งก็รู้จักกันแต่ไม่สนิท ไม่คิดว่าเหตุการณ์จะรุนแรงแบบนี้ พอตกเย็นผู้ก่อเหตุก็มาหาตนที่บ้าน ก่อนที่จะชกเข้าที่ปาก จนฟันหน้าหัก 2 ซี่ ตนจึงไปแจ้งความ และไปที่บ้านผู้เสียหายเพื่อขอเคลียร์ แต่ผู้ก่อเหตุไม่อยู่ พอผู้ก่อเหตุรู้ว่าตนไปแจ้งความ ก็ไม่พอใจ ตามมาเอาเรื่องอีกจนปรากฏเป็นคลิปดังกล่าว ซึ่งจากนี้ก็รอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามตัวผู้ก่อเหตุและพวกมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งตนก็จะเอาเรื่อง เชื่อว่ายังไงเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องติดตามตัวมาได้แน่นอน ผมขอฟันหน่อยครับ (หมายถึง ขอค่าทำฟันคืน) เพราะหากจะไปทำเองต้องเสียเงินหลายหมื่นบาทแน่นอน
ซึ่งภายหลังจากที่ข่าวเผยแพร่ออกไป ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัว 3 ใน 4 ผู้ร่วมก่อเหตุมาสอบสวนที่ ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม ทั้ง 3 คน ประกอบด้วย นายเรวัติ พินิจดี หรือนายเจ อายุ 28 ปี เป็นคนใส่เสื้อสีดำ ที่ชักห่อผ้าสีขาวลักษณะคล้ายปืนออกมาจ่อไปที่ผู้เสียหาย นายอี้ อายุ 31 ปี เป็นคนใส่เสื้อสีแดง วิ่งเข้าไล่คู่กรณี และนายเป็ปซี่ อายุ 21 ปี คนใส่เสื้อสีดำยืนใกล้รถกระบะ ส่วนผู้หญิงที่ปรากฎภาพว่าอยู่บนหลังรถกระบะนั้น เป็นภรรยาของนายอี้ ซึ่งสติไม่สมประกอบ
และผู้ก่อเหตุอีกคนที่เป็นหัวโจก คือนายบอลฑูร อายุ 33 ปี ขณะนี้ตำรวจสามารถติดต่อได้แล้วและได้แจ้งให้เข้ามามอบตัวโดยเร็วที่สุด หากไม่มาก็จะได้ออกหมายจับต่อไป
โดย นายเจ คนที่ชักห่อผ้าสีขาวลักษณะคล้ายปืนออกมา เล่าว่า ในคืนเกิดเหตุ เวลาประมาณ 4 ทุ่มของคืนวันที่ 4 มิถุนายน นายบอลฑูร โทรมาบอกว่าจะพาไปกินข้าว ตนจึงขึ้นรถกระบะมาด้วย ไม่คิดว่าจะมาก่อเหตุทะเลาะวิวาท ก่อนจะมีภาพปรากฏตามในคลิป แต่ห่อสีขาวที่ตนชักออกมามานั้น เป็นห่อเงินและโทรศัพท์ อยู่ในถุงพลาสติกสีขาว ทางคู่กรณีเข้าในผิดคิดว่าตนชักปืนออกมา ก็เลยวิ่งหนีไป ไม่งั้นตนก็อาจจะตาย เพราะคู่กรณีมีมีดปอกผลไม้ในมือ อาจถูกแทงตายก็ได้ พอข่าวออกไปเมียรู้ เมียโมโห ถูกเมียถีบ ต่อไปนี้ก็จะไม่เชื่อใครอีกแล้ว
ซึ่งทั้ง 3 คน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหา พยายามทำร้ายร่างกาย ส่วนนายไพรฑูรย์ หัวโจกที่ยังไม่มามอบตัว นอกจากจะถูกดำเนินคดีในข้อหาพยายามทำร้ายร่างกายแล้ว ยังโดนข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นทำให้ได้รับอันตรายสาหัสด้วย