Rich Energy คือแบรนด์เครื่องดื่มชูกำลังสัญชาติอังกฤษ ที่ก่อตั้งมาเพียงแค่ 5 ปี แต่ได้แผ่การตลาดใหญ่โตจนกลายเป็นเศรษฐีผู้ดีอังกฤษในเวลาอันรวดเร็ว ความน่าสนใจของพวกเขา คือ..เป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์ที่รวยสมชื่อจริง ๆ แม้จะเพิ่งก่อตั้งมาเพียงไม่กี่ปีก็ตาม แต่พวกเขา “รวยแล้ว.. จะทำอะไรก็ได้” Credit Picture: Link ~รวยแล้วจะทำอะไรก็ได้~ ในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงว่า Rich Energy จะดูถูกแบรนด์อื่น หรือว่าแบ่งชนชั้นอะไรยังไง แต่เมื่อไล่ไทม์ไลน์ ของแบรนด์เศรษฐีอังกฤษน้องใหม่นี้ พวกเขา เริ่มโปรเจ็คมาครั้งแรกตั้งแต่ปี 2552 โดย William Storey และนักวิทยาศาสตร์ชาวออสเตรียนิรนามได้ร่วมมือกันคิดค้นผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มออกมา จนกระทั่งหกปีต่อมาในปี 2558 Rich Energy ได้จดทะเบียนก่อตั้งบริษัทขึ้น ช่วงแรกภายในบริษัทมีความขัดแย้งกันอยู่บ้างเล็กน้อยระหว่าง William Storey และหุ้นส่วนคนอื่น ๆ ซึ่งนั่นเป็นเพียงแค่เรื่องภายใน และ Swivel จะไม่ขอกล่าวถึง แต่สำหรับ เรื่องภายนอกแล้ว Rich Energy คือผู้สนับสนุนหลักของทีมกีฬาหลายประเภท ทั้งฟุตบอลและกีฬามอเตอร์สปอร์ต ในขณะที่เป็นแบรนด์เกิดใหม่ แต่พวกเขาก็มีความสามารถ ที่จะพาให้เครื่องดื่มชูกำลัง มีผลกำไรอย่างมหาศาล ..ช่วงที่บริษัทดำเนินการมาไม่ถึงปี แต่ Rich Energy รวยจนถึง ขนาดที่ว่าเป็นสปอร์นเซอร์ให้กับทีมฟุตบอลหญิงเวสต์แฮม ยูไนเต็ด ตลอดจนทีมอื่น ๆ อีก ซึ่งมีรายชื่อถึง 24 ทีม ถัดมาปี 2560 ในขณะที่บริษัทก่อตั้งมาเพียงแค่ 2 ปีเท่านั้น แต่ Rich Energy ก็ใจป๋า เป็นสปอร์นเซอร์ให้กับทีมกีฬามอเตอร์สปอร์ตอย่าง “True Heroes Racing” ปีต่อมา Rich Energy อัพเลเวลความใจป๋าขึ้นอีก เมื่อพวกเขา เป็นสปอร์นเซอร์ให้กับทีม Haas F1 Team ทีมฟอร์มูลาร์วันสัญชาติอเมริกัน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย ที่แบรนด์เกิดใหม่ จะไปเป็นสปอร์นเซอร์รายใหญ่ของ F1 ได้ Credit Picture: Link อย่างไรก็ดี ความใจป๋าของเขา คือการทำตลาดในระดับโลก เนื่องจากพวกเขาใช้การตีตราแบรนด์ตัวเองผ่านรถ F1 ของทีม Haas นั่นหมายถึง แบรนด์ของเขา จะผ่านสายตาผู้คนที่รับชมอยู่ทั่วโลกราว 600 ล้านคน เริ่มแรก Rich Energy สนับสนุนกันด้วยความเป็นมิตรแท้ แต่ไม่นานพวกเขาก็แตกหักกัน ด้วยเหตุผลที่ทีม Haas ทำผลงานออกมาไม่ดีเท่าที่ควร ในขณะเดียวกัน พวกเขาจ่ายเงินสนับสนุน ทีม Haas ไปเพียงครึ่งเดียว คาดว่าน่าจะราว ๆ หลักร้อยล้านถึงพันล้านบาทไทย แต่ท้ายที่สุด เงินอีกครึ่งหนึ่ง ก็ไม่ถูกจ่ายให้กับทีม จนเกิดเป็นข้อถกเถียงอยู่พักใหญ่เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ถึงกระนั้น.. อย่างที่กล่าวกันไป “ความรวยแล้วจะทำอะไรก็ได้” ไม่ใช่การดูถูกใคร” แต่มันคือ “ความใจป๋า” ที่แบรนด์นี้มี Credit Picture: Link เงินมากกว่าร้อยล้านถึงพันล้าน ที่พวกเขาใช้จ่ายในการตลาด ผ่านการเป็นสปอร์นเซอร์ มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับแบรนด์เกิดใหม่ คำถามก็คือ พวกเขา.. ทำได้อย่างไรกัน ? ............................................................. ส่งต่อทุกแรงบันดาลใจ Share For Inspire Follow Us On “Facebook” Follow Us On “Line” Copyright By Swivel อ่านเพิ่มเติมได้ที่ Swivel *บทความนี้ได้รับลิขสิทธิ์ถูกต้องจาก Swivel On Blockdit จริง