"หมอธีระ”ห่วงกลุ่มเสี่ยงฉีดเข็ม 3 ยังมีจำนวนน้อยไม่พอสู้โอมิครอน

วันนี้ (6 มิ.ย. 65 )รองศาสตราจารย์นายแพทย์ ธีระ วรธนารัตน์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ระบุว่า วัคซีนเข็ม 3 ซึ่งเป็นเข็มกระตุ้นนั้น มีความสำคัญมากในการป้องกันการติดเชื้อแบบมีอาการ ป้องกันป่วยรุนแรง และลดความเสี่ยงในการเสียชีวิต ปัจจุบัน คนที่ได้รับการฉีดวัคซีนเพียงสองเข็มยังไม่เพียงพอ เพราะระดับภูมิคุ้มกันจะลดลงอย่างรวดเร็ว และไม่สามารถป้องกันโอมิครอน และสายพันธุ์ย่อย หรือสายพันธุ์ลูกหลานได้
คนไทยได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น (เข็ม 3) ร้อยละ 41.1 ของจำนวนประชากร ในขณะที่ผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ได้รับวัคซีนเข็ม 3 ไปร้อยละ 44.9 ส่วนเด็กเล็ก 5-11 ปีนั้นได้รับวัคซีน 2 เข็มไปเพียงร้อยละ 34.8 จะเห็นได้ว่าประชากรไทยมีสัดส่วนการได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นน้อยมาก ไม่ว่าจะเด็ก ผู้ใหญ่ หรือผู้สูงอายุ
รองศาสตราจารย์นายแพทย์ ธีระ บอกด้วยว่า เกราะป้องกันโดยวัคซีนในระดับบุคคลยังไม่เข้มแข็งมากพอ สภาพแวดล้อมปัจจุบัน การใช้ชีวิตประจำวันในสังคมมีความเสี่ยงสูงขึ้นมาก ธรรมชาติของไวรัสไม่เลือกที่รักมักที่ชัง โรคติดต่อนั้นจะติดเชื้อแพร่เชื้อได้แน่นอน หากมีการพบปะติดต่อกันมากขึ้น ใกล้ชิดกันนานขึ้น อยู่ในที่แออัด ระบายอากาศไม่ดี กิจกรรมเสี่ยงเพิ่มขึ้น สถานที่เสี่ยงเพิ่มขึ้น การใส่หน้ากากจึงเป็นหัวใจสำคัญยิ่ง
จากข้อมูลสถาบันแห่งชาติด้านโรคทางระบบประสาทและโรคหลอดเลือดสมอง สหรัฐอเมริกา ออกมาเน้นย้ำเรื่องการติดเชื้อโควิด-19 จะทำให้ผู้ป่วยเกิดภาวะ Long COVID หลากหลายอาการตามมาได้ในระยะยาว และเป็นปัญหาใหญ่ในหลายประเทศดังนั้นประเทศไทยก็จำเป็นต้องตระหนักถึงเรื่อง Long COVID นี้ เพราะจะส่งผลกระทบทั้งต่อสุขภาพของผู้ป่วย คุณภาพชีวิต สมรรถนะการใช้ชีวิต การทำงาน ระบบแรงงาน และเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว การป้องกันไม่ให้ติดเชื้อย่อมดีที่สุด
ข้อมูลจาก : เฟซบุ๊ก Thira Woratanarat
ภาพจาก : AFP