รีเซต

ยายหมดปัญญาตรวจDNA หวั่นตายก่อนหลานถูกทิ้งแต่แบเบาะได้บัตรประชาชน

ยายหมดปัญญาตรวจDNA หวั่นตายก่อนหลานถูกทิ้งแต่แบเบาะได้บัตรประชาชน
ข่าวสด
23 พฤศจิกายน 2563 ( 10:29 )
198
ยายหมดปัญญาตรวจDNA หวั่นตายก่อนหลานถูกทิ้งแต่แบเบาะได้บัตรประชาชน

เด็กชาย ป.4 เรียนเก่ง พ่อแม่ทิ้งให้ยายตั้งแต่อายุ 2 เดือน แล้วหายสาบสูญ ไม่มีใบเกิด ไม่มีบัตรประชาชน ยาย 69 อดมื้อกินมื้อเลี้ยงหลานลำพัง ไม่มีปัญญาจ่าย 10,000 เป็นค่าตรวจ DNA วอนผู้ใจบุญช่วย หวั่นยายตายไปก่อนเด็กจะได้บัตรประชาชน

 

วันที่ 23 พ.ย.63 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากสารวัตรกำนัน ต.ลุมปุ๊ก อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ว่ามีสองยาย-หลาน ฐานะยากจนได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก ทั้งฐานะยากจน อาศัยอยู่ที่ดินคนอื่น ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีห้องน้ำ โดยเฉพาะหลานวัย 9 ขวบไม่มีบัตรประชาชน

 

จากการตรวจสอบที่บ้านเลขที่ 69 หมู่ 10 บ้านตะแบก ต.ลุมปุ๊ก อ.เมือง เป็นบ้านที่เอาเศษไม้มาสร้างเป็นหลังเล็กๆ ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีห้องน้ำ ไม่มีห้องครัว พบนางหัด โพธิ์เงิน อายุ 69 ปี อาศัยอยู่กับ ด.ช.ธีรเดช (เบนเทน)โพธิ์เงิน หลาน อายุ 9 ขวบ นักเรียนชั้น ป.4 โรงเรียนวัดสว่างบูรพา ต.ลุมปุ๊ก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งสองชีวิต อาศัยอยู่ด้วยความลำบาก น้องเบนเทน จะต้องเดินหาปีนเอาผลกระบก” มาผ่าแคะเอาผลข้างใน แบ่งใส่ถุงขายหาเงินช่วยยายหารายได้

 

สภาพบ้านของยาย หลาน

 

นางหัด เล่าว่า ตนมีลูก 4 คน แต่ละคนออกบ้านไปแล้วไม่เคยติดต่อมา เมื่อหลายปีก่อน ตนกับสามีไปทำงานรับจ้างที่จังหวัดจันทบุรี ปี 2554 ลูกชายคนเล็กอายุตอนนั้นประมาณ 29 ปี เอาลูกสะใภ้และหลานเพิ่งคลอดมาอยู่ด้วย เนื่องจากลูกชายทำงานขับรถบรรทุก ตนไม่ว่าอะไร

 

วันเกิดเหตุตนกลับมาจากทำงานประมาณ 18.00 น.เห็นหลานนอนในเปล ลักษณะปากซีด เห็นเพียงขวดนมอยู่ข้างๆ เมื่อตามหาแม่เด็กไม่พบ จึงไปถามชาวบ้าน มาทราบว่า แม่น้องเบนเทน ได้หอบกระเป๋าหนีไปตั้งแต่ตอนเช้า จึงเลี้ยงหลานมาโดยตลอด ต่อมาสามีเสียชีวิต จึงย้ายมาอยู่บ้านเกิดที่บุรีรัมย์ เพราะหลานถึงวัยเข้าเรียน

 

แต่ลูกชายกับลูกสะใภ้ ไม่ทิ้งหลักฐานใดๆเกี่ยวกับน้องเบนเทนให้ ไม่สามารถติดต่อได้ และไม่มีใครติดต่อมา จนถึงปัจจุบัน ตนพยายามหาแนวทางช่วยเหลือหลานที่ไม่มีหลักฐานการแจ้งเกิดโดยให้ครูในโรงเรียนช่วยเหลือ แต่ไม่มีใครช่วยเหลือได้

 

 

กระทั่งมาขอความช่วยเหลือกับสารกำนัน ต.ลุมปุ๊ก ซึ่งเป็นคนของฝ่ายปกครอง เมื่อกำนันติดต่อกับทางอำเภอ กลับได้รับคำตอบว่า สิ่งเดียวที่ทำได้คือจะต้อง”ตรวจ DNA ยายกับหลานเพื่อยืนยันทางสายเลือด และต้องมีค่าใช้จ่ายคนละ 5,000 บาท รวมเป็น 10,000 บาท ยอมรับว่าไม่มีปัญญา

 

นางหัด กล่าวด้วยว่า ตอนนี้ตนอาศัยอยู่บนที่ดินของพี่สาว ได้เงินจากเบี้ยคนชราเดือนละ 600 บาท มาเลี้ยงหลาน บางวันต้องอดข้าว เพื่อให้หลานกิน เพราะสงสารหลานที่ต้องเดินไปโรงเรียน ทั้งยังไม่ได้เงินติดตัวไปโรงเรียน เสื้อผ้า ,ชุดนักเรียนมีเพียงชุดเดียว จึงอยากจะร้องขอผู้ใจบุญช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายการตรวจ DNA เพื่อให้หลานได้มีบัตรประชาชนเหมือนคนทั่วไป หากตนเองเสียชีวิตไปแล้ว ไม่รู้ว่าจะหาหลักฐานมายืนตัวตนของหลานได้อย่างไร

 

ด้านนายบุตรดี เลไธสง สารวัตรกำนัน ต.ลุมปุ๊ก อ.เมือง กล่าวว่า ครอบครัวนี้น่าสงสาร ชื่อเด็ก ผอ.โรงเรียนเป็นคนตั้งให้ เป็นเด็กเรียนดีเกรดเฉลี่ย 3.0-3.5 ก่อนหน้านี้ได้ไปวิ่งเรื่องการทำบัตรประชาชนของน้องเบนเทน แต่มาสะดุด เพราะจะต้องเสียค่าตรวจ DNA 10,000 บาท เพื่อเอามายืนยันก่อนทำบัตรประชาชน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง