สวัสดีจ้าทุกคน...ผู้เขียนจะมาแชร์เรื่องราวการเป็นจิตอาสาในกิจกรรมการบำรุงศิลปวัฒนธรรม เมื่อครั้งเรียนที่ผู้เขียนเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย จึงเห็นมีการแชร์กันทาง Facebook ของกลุ่มพุทธธรรมกรรมฐาน กำแพงแสน ซึ่งเป็นชมรมที่ผู้เขียนเคยอยู่ และยอมรับว่าตอนเรียนเข้าทั้งสองชมรมคือชมรม ISC ที่เกี่ยวกับต่างประเทศ และ กลุ่มพุทธธรรมกรรมฐาน กำแพงแสนนี่แหล่ะ แต่ที่นี่มีกิจกรรมอะไรให้ทำเยอะเลย ถ้าไม่เสียดายตรงที่ชมรมโดนยุบและทางกองกิจการนิสิตปล่อยให้เรื่องเงียบไป คนที่กู้ กยศ.ก็เอากิจกรรมตรงนี้ยื่นได้ โดยไม่ต้องออกไปหาข้างนอกไกล ๆ เลยโปรแกรมลุยเมื่อ 6 เมษายน 2562 โดยที่จะเดินทางไป Big Cleaning ที่วัดไผ่รื่นรมย์ พอเสร็จงานปุ๊บก็ไปฟังพระธรรมที่วัดหนองแกเล็กสุวรรณาราม จะบอกว่าสองวัดนี้อยู่ อ.กำแพงแสน จ.นครปฐมทั้งคู่เลยนะ นี่ก็เริ่มมาตั้งแต่ 07.30 น. แต่จะไปทั้งที กองทัพต้องเดินด้วยท้อง มีข้าวเหนียวไก่แล้วมันลาภปากมาก แล้วเราก็เป็นเด็กวิทย์ฯกีฬา ในดงเด็กเกียร์ (วิศวกรรมศาสตร์) แต่ก็มีคณะอื่นมาแจมอยู่บ้าง ผู้เขียนมาคนเดียวมันก็จะหงอย ๆ หน่อย แต่ไม่เป็นไร ยังมีเพื่อนที่สนิทอยู่ในสาขานี้อยู่เริ่มเดินทางตอน 08.00 น. แน่นอนว่ามันก็จะเต็มขบวน ส่วนผู้เขียนยังคง Concept เดิมตามประสาคนเมารถง่ายว่า "หลับตลอดทาง" พร้อมกับยาดม ด้วยความที่กำแพงแสนถ้าไม่นับโซนมหาวิทยาลัย นอกมหาวิทยาลัยตั้งแต่ทางเลยสนามกีฬาไป จะดูมีความภูธรสูงมาก ไปไหนมาไหนก็มีแต่ความเป็นวิถีชาวบ้าน ถ้าไกลจากเมืองคือไกลจริง ๆ ไม่ใช่แค่ไกลแบบ 10 นาทีถึง วัดแรกที่จะไปก็คือ "วัดไผ่รื่นรมย์" อยู่ห่างจากมหาวิทยาลัยตั้ง 15 กิโลเมตร แต่คนขับรถทำเวลาดีพอสมควร เลยไปถึงได้สัก 30 นาที กว่าจะสร่างเมารถได้ก็นานอยู่วัดนี้เป็นวัดราษฎร์ที่อยู่ในช่วงกำลังบูรณะอุโบสถใหม่ ทุกคนลงจากรถบัสเพื่อที่จะมาทำภารกิจของพวกเรา จะบอกอีกอย่างว่า ลูกศิษย์วัดที่นี่น่ารักมาก เตรียมอาหาร เตรียมน้ำระหว่าง Big Cleaning ครั้งใหญ่ของทีมเลย แต่ดูทรงแล้วทีมเด็กเกียร์เป็นผู้ชาย ค่อนข้างลุยงานหนักได้สบาย แล้วมาแบ่งงานกันว่าใครจะไปทำอะไร มีทั้งกวาดลานวัด ถูพื้นศาลาที่พักของญาติโยมทั้งหลายที่มาวัดบางกลุ่มกวาดลานวัด แต่กลุ่มของผู้เขียนเองไปล้างห้องน้ำ มีคนบอกว่าถ้าได้ล้างห้องน้ำให้วัด ชาติหน้าเราจะได้สวย หน้าตาดี ไม่ปฏิเสธเลยล่ะจ้ะ เพราะยังไงเสียเวลาเดินทางมา ก็ต้องนึกถึงห้องน้ำอันดับแรก ทำความสะอาดห้องน้ำให้วัด หน้าตาจะได้เบิกบาน เอาง่าย ๆ ก็คือมันจะสวยจากข้างในเองแหล่ะ 555 แต่เวลาล้างห้องน้ำ มันอิ่มใจยังไงบอกไม่ถูกนี่ก็มานั่งพักให้หายเหนื่อยกัน เพราะแดดที่นี่ร้อนแทบจะดำกันไปข้าง ด้วยอุณหภูมิที่นี่ 39 องศา ตับก็จะแตกพอสมควร ยังโชคดีที่มีข้าวเลี้ยงอีกมื้อและน้ำเย็น ๆ ที่แช่ในถังแช่เตรียมไว้ เลยรู้สึกโล่งใจขึ้น อย่างน้อยคลายร้อนด้วยอะไรเย็น ๆ มันก็ชื่นใจ เมื่องานนอกจบ งานในก็ต้องมาด้วยงานในวัดก็หนักไม่น้อยกว่ากัน นอกจากเก็บพวกข้าวสารเรียงแล้ว ผู้เขียนทำหน้าที่เก็บกวาดเหมือนกัน แต่เก็บดกวาดของที่ถวายสังฆทาน ด้วยความที่สังฆทานเป็นยา นอกจากจะพบยาที่หมดอายุค่อนข้างเยอะ แต่กลิ่นสาบกลิ่นฉี่ก็เยอะเช่นกัน แม้ว่าในวัดถึงจะเย็น แต่หนูเพียบ! (หนูหางยาว ๆ ตัวเป็น ๆ จริง ๆ) ทุกคนร้องแบบตกใจสุดขีด ไม่เคยเจอตัวเท่าลูกหมามาก่อนในชีวิต นี่ก็เก็บกวาดตรงนี้นานเพราะมันใกล้ยาด้วย แล้วต้องแยกยาคนทานกับยาใช้ภายนอก เช็ดยาบางตัวให้กลับมาใช้ได้อย่างทั่วถึง จะได้โละของหมดอายุ เวลาจำเป็น ทางพระที่อาพาธจากอาการไข้ จะได้ไม่เผลอฉันของหมดอายุ พอเก็บกวาดภายในเรียบร้อยแล้วก็ถวายสังฆทานให้กับทางวัดเพื่อประโยชน์ในการใช้สอยเวลา 13.00 น. พอเสร็จภารกิจ เลยขึ้นรถบัสเพื่อไปสถานที่ต่อไป นั่นก็คือ "วัดหนองแกเล็กสุวรรณาราม" ซึ่งห่างจากที่นี่ประมาณ 9.5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางสัก 15-18 นาทีถึง วัดที่สองไม่ได้ Big Cleaning นะ แต่มาฟังธรรมเพื่อเพิ่มพลังในชีวิต พอมาถึงที่วัดเท่านั้นแหล่ะ ลมโชยเย็น ๆ พัดมาชื่นใจมาก ซึ่งวัดอยู่กับแดดจ้ามาก แต่ผู้เขียนกลับไม่รู้สึกร้อนหรือแมลงวันกวนเลย นั่งในวัดแล้วลมถ่ายเทสะดวก ไม่รู้สึกร้อน หรืออบอ้าวจนเกินไปหลวงพ่อเอกชัย ที่เป็นเจ้าอาวาสวัดหนองแกเล็กสุวรรณาราม ท่านเป็นคนอารมณ์ดีมาก นึกถึงพระมหาสมปองเลย เวลาเทศนาธรรม ท่านจะเอาเรื่องขำขันมาสอนคน คนจะได้ไม่ฟังธรรมแล้วน่าเบื่อ หรือเซ็งจนง่วงหงาวหาวนอนไป เมื่อฟังธรรมจากหลวงพ่อเอกชัย ท่านสอนเรื่องความหมายของทาน สมาธิ และเจริญปัญญาได้ลึกซึ้งมาก สอนให้รู้จักทานแต่ละอย่าง และความหมายของมันคืออะไร อีกทั้งยังสอนเรื่องการใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยตามหลักอริยสัจ 4 และอิทธิบาท 4 เข้ามา ทำให้พวกเราได้คิดตามว่า เออ...มันจริงนี่หว่าพอถึงเวลา 16.00 น. พวกเราก็ได้ลาหลวงพ่อ แล้วเดินทางกลับมหาวิทยาลัยกัน ยอมรับเลยว่า พลังงานน้อยแต่อิ่มใจมากที่สุด เพราะภาพความเรียบง่าย ภาพความเป็นทุ่งได้ประจักษ์แก่สายตาชัดเจน ผู้เขียนขอแชร์เรื่องราวจากประสบการณ์ที่ได้มาสัมผัสด้วยตนเอง จึงมีความท้าทายพอสมควรที่ได้มาในวัดที่ห่างไกลความเจริญ และวัดที่รู้สึกสบายเวลาไปนั่งที่วัด แม้ว่า Feeling จะต่างกันแต่เป็นงานที่สนุกมากกว่าที่คิด ถ้าได้ลองงานจิตอาสาแล้วเปิดใจเห็นสิ่งนั้น มันจะเป็นประสบการณ์ที่ดีกว่าเก็บชั่วโมงไปวัน ๆ เสียอีกหมายเหตุรูปทุกรูปรีวิวเอง ถ่ายเองทั้งหมด ใช้เพื่อเป็นสื่อในการเสนอบทความนี้เท่านั้น ใครจะก็อปภาพกรุณาขออนุญาตผู้เขียนก่อนนะจ๊ะ...พลีสสส