ในช่วงสองสามอาทิตย์ที่ผ่านมา เรามักจะเห็นภาพที่วัดและพระสงฆ์ออกมาตั้งโรงทานแจกจ่ายอาหารแก่พี่น้องประชาชนที่ประสบปัญหาในการดำรงชีพเพราะสถานการณ์ไวรัสโควิด19 ผ่านทางสื่อมวลชนต่างๆมากมาย บางวัดทำอาหารแบบเดลิเวอรีส่งถึงประตูบ้าน บางวัดจัดเป็นชุดข้าวสารอาหารแห้ง บางวัดเป็นอาหารสำเร็จรูป แต่ในอีกมุมหนึ่ง ปรากฏว่ามีหลายวัดหลายจังหวัดด้วยกันที่พระภิกษุสามเณรประสบกับปัญหาขาดแคลนภัตตาหารและน้ำดื่ม สาเหตุหนึ่งมาจากออกบิณฑบาตไม่ได้ เพราะพื้นที่ที่วัดตั้งอยู่มีภาวะเสี่ยงสูง ส่วนหนึ่ง ญาติโยมเข้าวัดนำภัตตาหารมาถวายน้อยกว่าสถานการณ์ปกติ ทำไม่เพียงพอต่อการขบฉัน จากปัญหาดังกล่าว มหาเถรสมาคมและสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มีความห่วงใยในภาวการณ์ที่เกิดขึ้น จึงให้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดร่วมกับคณะสงฆ์จังหวัดสำรวจวัดที่ประสบปัญหาขาดแคลนภัตตาหารและน้ำดื่ม เพื่อช่วยเหลือเป็นการเร่งด่วน จังหวัดนครปฐม มีวัดจำนวน 229 วัด จากการสำรวจ มีเพียง 5 วัด ที่ขอรับการสนับสนุน เพราะแจ้งว่า พื้นที่ที่วัดตั้งอยู่ มีความเสี่ยง จึงไม่อยากให้พระภิกษุสามเณรออกไปบิณฑบาต โดยส่วนใหญ่ให้ทางโรงครัววัดทำภัตตาหารถวายทั้งเช้าและเพล เมื่อคณะสงฆ์และส่วนราชการในจังหวัดนครปฐม ได้รับการรายงานข้อมูลจากสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม จึงได้ร่วมกันเข้าไปช่วยเหลือเป็นการเร่งด่วน โดยในส่วนคณะสงฆ์จังหวัดนครปฐม ได้มอบหมายให้พระครูศรีสุตากร เจ้าอาวาสวัดกลางบางพระ หรือวัดหลวงพ่อสมหวัง เป็นตัวแทนนำข้าวสารอาหารแห้งและน้ำดื่มไปถวาย ส่วนภาครัฐ ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม นายชาญนะ เอี่ยมแสง ได้มอบหมายให้หัวหน้าส่วนราชการและคณะกรรมการเยียวยา เข้าไปช่วยเหลือเช่นเดียวกัน จนถึงขณะนี้ วัดทั้ง 5 วัด ได้รับการช่วยเหลือด้วยเครื่องอุปโภคบริโภคครบทุกวัด เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ภาพการช่วยเหลือกันและกัน ระหว่างวัด บ้าน ราชการ ที่ปรากฏออกมา แสดงให้เห็นถึงความเข้มแข็งของภาวะผู้นำ ทั้งด้านศาสนจักร และด้านอาณาจักร ของจังหวัดนครปฐม ทุกภาคส่วนไม่รีรอ ไม่ต้องมีพิธีรีตอง ซึ่งการช่วยเหลือเกื้อกูลกันและกัน ของวัด บ้าน และราชการ ของสังคมไทย ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้น แต่เกิดขึ้นมานานแล้ว ผู้เขียนไม่เคยเห็นบ้านเมืองอื่น ที่เกื้อกูลกันเหมือนบ้านเมืองเรา จงภูมิใจเถิดที่เกิดเป็นคนไทย บ้านเมืองเราน่าอยู่ เพราะมีคุณลักษณะพิเศษ คือความมีน้ำใจต่อกัน