(คาดว่า)บทสรุปและแล้วก็มาถึง(คาดว่า) บทสรุปของงานวิจัยคณะเรื่องนำมาตรการภาษีปราบปามการทุจริต ที่ผมกับฟาได้ทั้งแรงกายและสมองช่วยกันวิเคราะห์อย่างถึงพริกถึงขิง ก่อนจะมาสู่ข้อเสนอแนะจากงานวิจัย ขออนุญาตทบทวนสักเล็กน้อยว่าทุจริตการทุจริต คงไม่มีใครมองว่าเป็นสิ่งสวยงาม (เหมือนความรัก)การทุจริตนั้น เรามองว่ามันน่าจะเกิดจากแรงกดดันภายนอกและภายในผู้กระทำผิด เช่น ค่านิยมด้านวัตถุนิยม ยกตัวอย่าง ความร่ำรวย การได้รับความนิยมต้นทุนการทุจริต มักถูกมองว่าเป็นทางลัดสู่ความสำเร็จทางสังคมง่ายกว่าความพยายาม (ทำงานหนัก)ไม่จริงว่าการทุจริตจะต้องเกิดจากภาครัฐเสมอไป แต่เอกชนอาจมีเอี่ยวหรือส่วนแบ่งได้ เช่น การประมูลโครงการรัฐ เป็นต้นการทุจริตที่ยังที่เราเห็นเป็นเพียงภูเขาน้ำแข็งที่ลอยพ้นพื้นน้ำมหาสมุทร แต่ส่วนที่อยู่ใต้กลับยังไม่ได้รับแก้ไขอย่างจริงจัง ทำให้การทุจริตยังอยู่กับเรามานานจากข้อ 5 กฎหมายที่มุ่งหวังจะปราบปรามการทุจริต ยังแก้ไขไม่ถึงต้นเหตุการณ์ทุจริตที่แท้จริงส่วนใหญ่ภาครัฐจะตกเป็นเป้าและถูกกล่าวหาว่าทุจริต เพราะถืออำนาจที่สามารถให้คุณให้โทษตามกฎหมายได้ ดังนั้น ผู้อยู่ใต้อำนาจจึงต้องหาผลประโยชน์มาเป็นเครื่องตอบแทนการอนุมัติ/อนุญาต โดยที่เจ้าหน้าที่รัฐก็ดี เอกชนก็ดี หรือ องค์กรอื่น ๆ อาจลืมไปว่า เจ้าหน้ารัฐมีผลประโยชน์ที่ตอบแทนการปฏิบัติหน้าที่ คือ เงินเดือนผลประโยชน์ที่นอกเหนือจากข้อ 7. จึงไม่สามารถหาเหตุผลโดยชอบว่า เจ้าหน้าควรได้รับเพราะอะไร?ตามกฎหมายแพ่ง-พาณิชย์มองว่าผลประโยชน์ในข้อ 8 ถือเป็นลาภมิควรได้ ที่ลงโทษผู้ให้ลาภไม่สามารถเรียกคืนได้เพราะเป็นการชำระหนี้ที่ฝ่าฝืนกฎหมายแต่ในขณะเดียวกันผู้รับลาภตามข้อ 9 นั้นจะได้ประโยชน์จากกฎหมาย (เพราะไม่มีหน้าที่คืนลาภ) เพียงเท่านี้ทางคณะผู้วิจัยมองว่ากฎหมายไม่สมควรสนับสนุนผู้ที่กระทำผิดกฎหมายหรือไม่มาตรการที่คณะผู้วิจัยอยากเสนอ คือ การนำภาษีมาประเมินลาภตามข้อ 9 เพื่อเป็นการลดต้นทุน (สาเหตุ) ของการทุจริตลง แม้ว่าปัจจุบัน โทษทางอาญาในการขู่ผู้ทุจริตไม่ให้กระทำ แต่ในทางปฏิบัติกับไม่ได้ทำให้ผู้กระทำความผิดกลัวแต่อย่างใด มิฉะนั้นอัตราการทุจริต ในประเทศควรต้องลดลง เมื่อโทษทางอาญาแก้ไขให้ผู้กระทำความผิดต้องรับโทษหนักขึ้นภาษี 12. แม้จะปรากฏบทสรุปงานวิจัยทั้งในและต่างประเทศเพื่อลดอัตราการทุจริตมากมาย แต่การทุจริตยังคงเห็นได้ตามสื่อต่าง ๆ สอดคล้องกับทฤษฎีสามเหลี่ยมทุจริต สื่อว่า แรงกดดัน เช่น หนี้สิน รายรับที่น้อยลง ทำผลงานให้เข้าตานาย ฯ โอกาส เช่น มีอำนาจในการพิจารณาให้คุณให้โทษได้ และ เหตุผล ได้แก่ จำเป็นต้องทุจริต หรือ ใคร ๆ เขาก็ทำกัน ยิ่งไปกว่านั้น สังคมกลับยอมรับว่า “แม้จะทุจริต ขอให้ทำประโยชน์แก่สังคมก็พอ - แท้จริง เราควรมีจุดยืนว่า 1)ต้องทำประโยชน์แก่สังคมตามหน้าที่ และ 2) ถูกกฎหมายและไม่แสวงประโยชน์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ที่สมควรจะได้รับ เมื่อการยอมรับเป็นเรื่องอัตวิสัย ภาษีย่อมเข้ามาทำให้การทุจริตเป็นเรื่องที่ไม่สมควรได้รับการยอมรับ (ภาววิสัย) สืบเนื่องจากการประเมินภาษีมองว่า ตราบใดที่เรามีเงินได้ไม่ว่าจะขาวหรือดำ คุณต้องเสียภาษี เมื่อเงินหรือรายได้สีดำ (ทุจริต) ถือเป็นเงินได้พึงประเมินตาม มาตรา 40 (8) ทำไม จึงไม่ถูกประเมินภาษี?เอ๊ะ อย่าเพิ่งดีใจไป เหลือวิจัยโครงใหญ่อีก 1ท้ายนี้ขอบคุณ1.ฟา2. อ.คริส โปตระนันทน์3. ภาพ3.1 ปก โดย Bermix Studio จาก unsplash3.2 ที่ 1 โดย stories จาก freepik3.3 ที่ 2 โดย freepik จาก freepik3.4 ที่ 3 โดย 8photo จาก freepik3.5 ที่ 4 โดย wayhomestudio จาก freepikขอบคุณคณะวิจัยคุณภาพนะครับ ... xiexie