'ศูนย์ฯ สิริกิติ์' โฉมใหม่ คืบแล้วกว่า 80% เล็งขึ้นแท่นสุดยอดอีเวนท์แพลตฟอร์มเอเชีย พร้อมเปิดก.ย.-รับงาน APEC 22
นายธนพล ศิริธนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ FPT เปิดเผยจากการที่บริษัท ได้รับความไว้วางใจจาก บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด หรือ NCC ให้ร่วมพัฒนาคอนเซ็ปต์ และบริหารงานก่อสร้างโครงการศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์โฉมใหม่ ด้วยมาตรฐานระดับความเป็นสากล เพื่อให้เป็นอีเวนท์เดสติเนชั่นระดับเวิลด์คลาสแห่งใหม่ของเอเชีย ตามเป้าหมายเป็น The Ultimate Inspiring World Class Event Platform for All ปัจจุบันโครงการมีความคืบหน้างานก่อสร้างแล้วกว่า 80% ทำให้ FPT มีความมั่นใจว่าโครงการจะเสร็จสมบูรณ์และจะสามารถส่งมอบพื้นที่ให้กับ NCC ภายในต้นกันยายนนี้อย่างแน่นอน เตรียมต้อนรับทัพอีเวนท์จำนวนมากที่ต่อคิวจัดงานตั้งแต่เดือนเปิดให้บริการต่อเนื่องยาวข้ามปี และพร้อมสร้างความประทับใจให้ตัวแทนจากนานาประเทศที่จะเข้าร่วมงาน APEC 2022 ซึ่งศูนย์ฯ สิริกิติ์ถูกเลือกให้เป็นสถานที่จัดงานประชุมระดับโลกครั้งนี้
นายธนพล กล่าวว่า FPT ภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาศูนย์ฯสิริกิติ์โฉมใหม่ ซึ่งเปรียบเหมือนภาพลักษณ์ของประเทศไทยในการต้อนรับผู้มาเยือนจากทั่วโลก ทีมงานของ FPT ได้นำความชำนาญและประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการมาประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการ ควบคุมคุณภาพทุกขั้นตอนตั้งแต่เริ่มออกแบบจนถึงการก่อสร้าง ซึ่งทุกส่วนงานได้บรรลุตามเป้าหมายอย่างราบรื่น โดยปัจจุบันโครงสร้างอาคารได้แล้วเสร็จเป็นที่เรียบร้อย ขณะนี้อยู่ในช่วงเฟสสุดท้ายของการพัฒนาและเริ่มทยอยตกแต่งพื้นที่ตามคอนเซ็ปต์ “สืบสาน รักษา ต่อยอด” เพื่อให้สะท้อนศิลปวัฒนธรรมไทยที่เป็นเอกลักษณ์สู่สายตานานาชาติ บริษัทฯ มั่นใจว่าด้วยการบริหารงานเชิงรุก และการวางแผนอย่างรอบคอบ จะทำให้สามารถเอาชนะกับทุกความท้าทายและการแข่งขันด้านเวลาได้ด้วยดี โดยพร้อมส่งมอบโครงการตามคุณภาพมาตรฐานระดับสากล ทันกับกำหนดการเปิดให้บริการในต้นเดือนกันยายน 2565 อย่างแน่นอน
นายธนพลกล่าวว่า เพื่อให้ QSNCC โฉมใหม่ ก้าวสู่การเป็น The Ultimate Inspiring World Class Event Platform for All ที่จะเป็นอีเวนท์เดสติเนชั่นระดับเวิลด์คลาสแห่งใหม่ในเอเชีย นอกจากดีไซน์ของโครงการที่ถูกปรับให้มีความทันสมัย สง่างาม สะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นไทยไว้อย่างลงตัว ภายในโครงการยังได้ออกแบบเพื่อรองรับการจัดงานประชุมและอีเวนท์ทุกรูปแบบ พร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลากหลาย และเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย ตลอดจนเพิ่มขีดความสามารถในการตอบสนองความต้องการของผู้จัดงานและผู้เข้าใช้บริการได้อย่างครอบคลุมศูนย์ฯ สิริกิติ์โฉมใหม่มีพื้นที่ใช้สอยรวม 300,000 ตารางเมตร คิดเป็นสัดส่วนพื้นที่จัดงานอีเวนท์มากถึง 78,500 ตารางเมตร โดยตัวอาคารมีจุดเด่นด้านวิศวกรรมและการก่อสร้างที่ทันสมัย ด้วยการใช้เทคโนโลยี Sliding Super Truss ในการติดตั้งโครงสร้างเหล็กที่สามารถรับน้ำหนักได้มาก ทำให้พื้นที่จัดงานของศูนย์
ประชุมกว้างขวางและยืดหยุ่นสูงเพราะไม่มีเสาค้ำยัน จึงสะดวกต่อการจัดการระบบโลจิสติกส์และขนย้ายสินค้าจัดแสดงทุกประเภทเข้าในพื้นที่ สามารถรองรับการจัดประชุมและนิทรรศการหลากหลายรูปแบบได้พร้อมๆกัน โดยภายในแบ่งเป็นพื้นที่ฮอลล์ขนาดใหญ่รวม 50,000 ตารางเมตร ห้องสำหรับจัดประชุมสัมมนาขนาดใหญ่ 2 ห้อง รวมขนาดพื้นที่ประมาณ 10,000 ตารางเมตร และห้องประชุมย่อยหลายขนาดอีก 50 ห้อง นอกจากนี้ ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกและสาธารณูปโภคที่ครบครันเหมาะสำหรับการประชุมและอีเวนท์ทุกประเภท และจัดเต็มด้วยเทคโนโลยีการเชื่อมต่อแห่งอนาคต (5G) เพื่อรองรับการใช้งานในยุคเว็บ 3.0 ให้สมบูรณ์แบบและไร้รอยต่อมากยิ่งขึ้น เพื่อยกระดับคุณภาพและมาตรฐานศูนย์ประชุมของประเทศไทย ศูนย์ฯ สิริกิติ์ ให้ความสำคัญต่อความปลอดภัย คุณภาพชีวิต และสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐานสากล จึงได้ประยุกต์ใช้ระบบอัจฉริยะเพื่อควบคุมการเข้าถึงพื้นที่ต่างๆและการบริหารจัดการสาธารณูปโภคภายในอาคาร โดยมุ่งเน้นประสิทธิภาพในการรักษาความปลอดภัยและการประหยัดพลังงานควบคู่กัน นอกจากนี้ ศูนย์ฯสิริกิติ์ ยังมีเป้าหมายที่จะผ่านการรับรองมาตรฐานอาคารเขียว LEED ระดับ Silver
สำหรับด้านที่ตั้งของศูนย์ฯสิริกิติ์ ที่อยู่ใจกลางเมืองจึงสะดวกต่อการเดินทาง สามารถเข้าถึงโครงการได้จากหลากหลายเส้นทาง ทำให้ศูนย์ฯ สิริกิติ์ได้รับเลือกให้เป็นสถานที่รับรองงานประชุมสำคัญเสมอมา และเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้จัดงานและผู้ใช้บริการมากยิ่งขึ้น จึงได้เพิ่มจำนวนที่จอดรถกว่า 5 เท่า หรือ สามารถจอดรถได้สูงสุดถึง 3,000 คัน นอกจากนี้ ยังได้ทำทางเชื่อมต่อตรงกับรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT เข้าสู่ภายในอาคารได้โดยสะดวก
“FPT เชื่อมั่นว่าการกลับมาครั้งใหม่อย่างยิ่งใหญ่ของศูนย์ฯสิริกิติ์ครั้งนี้ จะนิยามบทใหม่ของธุรกิจอุตสาหกรรมบริการ ด้วยศักยภาพของ QSNCC ที่ครบครันด้วยเทคโนโลยีและสาธารณูปโภคด้านการประชุมที่ดีที่สุดตามมาตรฐานระดับสากล ภายในโครงการยังมีพื้นที่รีเทลภายใต้คอนเซ็ปต์ Bangkok Active Lifestyle Mall หรือ “BALM” ที่จะกลายเป็นเดสติเนชั่นแห่งใหม่ของคนเมือง สามารถรองรับทั้งกลุ่มผู้ใช้บริการศูนย์ประชุม และตอบโจทย์ดีมานด์ของชุมชนโดยรอบรวมถึงคนทำงานในเมืองได้เป็นอย่างดี โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าใช้บริการใน BALM จำนวนมากถึง 13 ล้านคนต่อปี ในการร่วมสร้างประวัติศาสตร์ทางธุรกิจที่สำคัญนี้ FPT ได้นำประสบการณ์และความรู้ที่สั่งสมในธุรกิจอสังหาฯครบวงจรทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศมาใช้ เพื่อสนับสนุนการยกระดับการให้บริการแพลตฟอร์มอีเวนท์ทุกรูปแบบของประเทศไทย และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า QSNCC จะเป็นตัวแทนของประเทศไทยในการส่งมอบประสบการณ์ระดับเวิลด์คลาสให้แก่ผู้จัดงานและผู้ใช้บริการทุกราย” นายธนพล กล่าว