รีเซต

หุ้นเทคฉุด Nasdaq -1.21% จับตา NVDA แจ้งผลประกอบการ

หุ้นเทคฉุด Nasdaq -1.21% จับตา NVDA แจ้งผลประกอบการ
ทันหุ้น
25 กุมภาพันธ์ 2568 ( 13:48 )
10

 

#หุ้นต่างประเทศ #ทันหุ้น – บทวิเคราะห์ โดย บล.เอเซียพลัส

 

ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวผสมผสาน (S&P500 -0.50%, Dow Jones +0.08% และ Nasdaq - 1.21%) โดยตลาดได้รับแรงกดดันจากการปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีนำโดย Palantir -10.53%, Broadcom -4.91% และ Nvidia -3.09% หลังนักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ ในอนาคตของชิป AI ราคาสูงจาก Nvidia จากการที่ DeepSeek มีการเปิดตัวโมเดล AI ด้วยต้นทุนที่ต่ำ

ทั้งนี้ ตลาดจับตาผลประกอบการของ Nvidia ที่จะมีการรายงานในวันพุธนี้หลังตลาดปิด โดยตลาดคาดรายได้จะอยู่ที่ $3.82 หมื่นล้าน +73% YoY และ EPS อยู่ที่ $0.84 +63% YoY

Microsoft (MSFT US) -1.03% หลังบริษัทได้ยกเลิกสัญญาเช่าศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่หลายแห่งในสหรัฐฯ ซึ่งทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการลงทุนด้าน AI Infrastructure ที่อาจไม่สูงอย่างที่คาดการณ์ไว้ โดยรายงานจาก TD Cowen ระบุว่า Microsoft ได้ยกเลิกข้อตกลงศูนย์ข้อมูลหลายร้อยเมกะวัตต์ ซึ่งเทียบเท่ากับศูนย์ข้อมูลประมาณสองแห่ง และยังระงับการเปลี่ยนแปลงจากข้อตกลงเบื้องต้นไปเป็นสัญญาเช่าเต็มรูปแบบ แม้ว่า Microsoft ยังคงตั้งเป้าหมายการใช้จ่าย $8 หมื่นล้าน สำหรับศูนย์ข้อมูล AI ในปีงบประมาณนี้ แต่ก็มีข้อสังเกตว่า Open AI ซึ่งเป็นพันธมิตรหลักของ Microsoft กำลังย้ายเวิร์คโหลดบางส่วนไปยัง Oracle ซึ่งอาจส่งผลให้ Microsoft ไม่จำเป็นต้องขยายศูนย์ข้อมูลในระดับเดิม นอกจากนี้ นักวิเคราะห์มองว่า Microsoft อาจเผชิญกับปัญหา Oversupply หรือศูนย์ข้อมูลมีความจุมากเกินไป เมื่อเทียบกับอุปสงค์ที่แท้จริง

 

ฝ่ายกลยุทธ์ฯ มองการยกเลิกสัญญาเช่าศูนย์ข้อมูลของ Microsoft อาจเป็นสัญญาณที่น่ากังวลต่อแนวโน้มการเติบโตของ AI Infrastructure แต่เมื่อพิจารณาถึงบริบทที่กว้างขึ้น นี่อาจเป็นเพียงการปรับโครงสร้างมากกว่าการสะท้อนถึงอุปสงค์ที่ลดลงจริง เนื่องจาก Microsoft เคยระบุแผนใช้จ่าย $8 หมื่นล้าน สำหรับ AI Infrastructure ในปีงบประมาณนี้ ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในระยะยาว แม้ว่าการยกเลิกสัญญาเช่าศูนย์ข้อมูลจะสร้างความกังวล แต่ก็อาจเป็นเพียงการปรับกลยุทธ์ เช่น การเปลี่ยนไปสร้างศูนย์ข้อมูลของตัวเองเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพมากกว่าการเช่าจากผู้ให้บริการภายนอกในระยะยาว นอกจากนี้ ปัญหาด้านพลังงานและซัพพลายเชนที่บริษัทอ้างถึงยังเป็นประเด็นที่กระทบอุตสาหกรรมโดยรวม ไม่ใช่เพียง Microsoft เท่านั้น

 

Tesla (TSLA US) -2.15% เตรียมอัปเดตซอฟต์แวร์ FSD ในจีน ขยายฟีเจอร์ขับขี่อัตโนมัติบนถนนในเมืองโดยบริษัทกำลังเตรียมเปิดตัวอัปเดตซอฟต์แวร์ใหม่ในประเทศจีน เพื่อขยายฟีเจอร์ขับขี่อัตโนมัติ (Driver-Assist) บนถนนในเมือง คล้ายกับระบบ Full Self-Driving (FSD) ที่ ให้บริการในสหรัฐฯ โดย Bloomberg รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวที่ใกล้ชิด ว่าฟีเจอร์นี้จะเปิดให้ใช้งานเฉพาะลูกค้าที่จ่ายเงิน 64,000 หยวน ($8,800) สำหรับแพ็กเกจ FSD ซึ่ง Tesla วางแผนแจ้งให้ลูกค้าทราบว่าระบบนี้สามารถนำทางไปยังจุดเลี้ยวและทางออก ตรวจจับสัญญาณไฟจราจร และปรับความเร็วอัตโนมัติ รวมถึงเปลี่ยนเลนอัตโนมัติเมื่อต้องการไปยังเส้นทางที่กำหนด โดยมีแผนจะเปิดตัวอัปเดตนี้ภายในไม่กี่วันข้างหน้า ซึ่งจะเริ่มใช้งานได้กับรถบางรุ่นก่อนจะขยายไปยังรุ่นอื่นๆ ในภายหลัง

- ฝ่ายกลยุทธ์ มองการที่ Tesla กำลังผลักดัน Full Self-Driving (FSD) ในจีน อาจช่วยเพิ่มรายได้จากซอฟต์แวร์และขยายฐานลูกค้าในอนาคต หากได้รับอนุมัติจากรัฐบาล บริษัทจะสามารถเข้าถึงข้อมูลขับขี่จริงเพื่อต่อยอด AI Model และอาจสร้างความได้เปรียบเชิงเทคโนโลยีเหนือคู่แข่งซึ่ง FSD เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ เปลี่ยน Tesla ไปสู่โมเดลธุรกิจซอฟต์แวร์ โดยการสร้างรายได้จาก Subscription แทนการพึ่งพาการขายรถ หากเปิดตัวสำเร็จ อาจช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับ Ecosystem ของ Tesla และทำให้ FSD เป็นมาตรฐานใหม่ในจีน

 

- Nike (NKE US) +4.94% หลัง Jefferies ปรับเพิ่มคำแนะนำหุ้น คาดกำไรฟื้นตัวแรง มองเป้าหมาย $115 โดย Jefferies ปรับคำแนะนำหุ้น Nike (NKE) เป็น "ซื้อ" จาก "ถือ" โดยนักวิเคราะห์ Randal Konik เชื่อว่ากำไรของ Nike กำลังเข้าสู่จุดต่ำสุดและจะฟื้นตัวแบบ V-Shaped หลังจากบริษัทมุ่งเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์และฟื้นความสัมพันธ์กับช่องทางค้าส่ง นอกจากนี้ มองว่าการบริหารของ CEO Elliott Hill ซึ่งเข้ารับตำแหน่งในเดือนตุลาคมจะช่วยให้ Nike กลับมาเติบโตได้อีกครั้ง โดยเฉพาะการเพิ่มนวัตกรรมสินค้าและปรับกลยุทธ์ช่องทางจำหน่าย หลังจากช่วงที่ผ่านมามีข้อผิดพลาดจากการลดความสำคัญของผลิตภัณฑ์และมุ่งไปที่ Nike Digital มากเกินไป

 

- ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลงนำโดย ดัชนี Hang Seng Index (HSI) -0.58%, Hang Seng China Enterprises (HSCEI) -0.55% และ Hang Seng TECH (HSTECH) -1.19%โดยได้รับแรงกดดันจากการปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังรัฐบาลทรัมป์เพิ่มแรงกดดันต่อจีนด้วยมาตรการด้านการลงทุนและการค้า โดยออกคำสั่งให้คณะกรรมการ CFIUS (The Committee on Foreign Investment in the United States) จำกัดการลงทุนของจีนในเทคโนโลยีและทรัพยากรสำคัญของสหรัฐฯ พร้อมเรียกร้องให้เม็กซิโกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนเพื่อลดการใช้ประเทศที่สามเป็นช่องทางเลี่ยงภาษี

นอกจากนี้ สหรัฐฯ เสนอเก็บค่าธรรมเนียมการใช้เรือพาณิชย์ที่ผลิตในจีนเพื่อลดอิทธิพลของจีนในอุตสาหกรรมเดินเรือ โดยสหรัฐฯ ยังพิจารณาทบทวนข้อตกลงด้านภาษีและกลไกการลงทุนที่เอื้อต่อบริษัทจีนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ขณะที่ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสองประเทศยังคงเพิ่มขึ้น ท่ามกลางแรงกดดันจากมาตรการภาษีและข้อจำกัดทางการค้าใหม่ที่อาจส่งผลต่อเศรษฐกิจโลก

 

- รายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ วานนี้ DallasFed Manf. Activityในเดือน ก.พ. ออกมาต่ำกว่าคาดที่ระดับ -8.3 จุด (ตลาดคาดที่ระดับ +6.4 จุด vs. เดือนก่อนที่ระดับ +14.1 จุด)และ Chicago Fed National Activity ในเดือน ม.ค. ออกมาอยู่ที่ระดับ -0.03 จุด (ตลาดคาดที่ -0.05 จุด vs. เดือนก่อนที่ระดับ +0.15 จุด)

- รายงานตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญในวันนี้: สหรัฐฯ CB Consumer Confidence เดือน ก.พ. (ตลาดคาดที่ระดับ 102.7จุด vs. เดือนก่อนที่ระดับ 104.1จุด) House Price Index เดือน ธ.ค. (ตลาดคาด +0.2% MoM vs. เดือนก่อน +0.3%)

- ติดตามรายงานผลประกอบการฯ วันนี้: Home Depot (ตลาดคาดรายได้และ EPS +12.5% และ +7.5% YoY ตามลำดับ) Intuit (ตลาดคาดรายได้และ EPS +15.8% และ +16.3% YoY ตามลำดับ)

ข่าวที่เกี่ยวข้อง