ช็อก! จนท.รพ.ทำตัวเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โทรไถเงินญาติคนตาย นักข่าวอยู่ด้วยเลยโดนจับโป๊ะ
![ช็อก! จนท.รพ.ทำตัวเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โทรไถเงินญาติคนตาย นักข่าวอยู่ด้วยเลยโดนจับโป๊ะ](https://cms.dmpcdn.com/contentowner/2020/03/25/42cd3c40-6e5a-11ea-b8a2-09037777d4af_original.png)
คิดว่าแก๊งมิจฉาชีพ ตำรวจส่งศพชันสูตร โทรมาขอค่าชันสูตร 2 รอบ รวม 8,000 ไม่หนำใจโทรซ้ำต้องจ่ายค่ารับศพอีก 1 หมื่น ญาติไม่มีเงิน โชคดีนักข่าวอยู่ด้วยโทรซัก สุดท้ายยอมรับ เป็น จนท.โรงพยาบาลเอง ขอร้องไม่ให้เอาเรื่องกลัวตกงานจะโอนคืนให้ ยังหาตัวไม่เจอ โรงพยาบาลเตรียมประชุมด่วนพรุ่งนี้ คาดไม่ใช่ครั้งแรก
วันที่ 29 มิ.ย.65 กรณีนายเขมา โสเพียร อายุ 75 ปี ชาว ต.ไพศาล อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ถูกนายชัชวาล หรือปู โสเพียร อาย 28 ปี ลูกชายแท้ๆของตัวเอง ใช้มีดแทงและฟัน จนเสียชีวิต แล้วนำศพใส่รถเข็นพ่วงรถจักรยานยนต์ไปทิ้งข้างทาง บนถนนสาย 24 โชคชัย-เดชอุดม เมื่อเวลาประมาณ 02.14 น.วันที่ 29 มิ.ย. จนกระทั่งเจ้าหน้าที่จับกุมได้ที่บ้านพักที่เกิดเหตุ
เหตุดังกล่าวสร้างความเศร้าสลดให้กับญาติผู้ตายและชาวบ้านในหมู่บ้านเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะนางศิริกัญญา แจ่มใส อายุ 48 ปี ลูกสาวของผู้เสียชีวิต ยังทำใจไม่ได้ เพราะผู้ก่อเหตุเป็นน้องชายและเป็นลูกชายแท้ๆของพ่อ
บรรยากาศทั่วไปชาวบ้านกำลังช่วยกันเตรียมสถานที่เพื่อรอรับศพของนายเขมา ซึ่งได้ส่งไปชันสูตรต่อที่โรงพยาบาลบุรีรัมย์ หลังจากก่อนหน้านี้โรงพยาบาลประโคนชัยได้ชันสูตรไปแล้วเบื้องต้น
แต่เกิดปัญหาเนื่องจากญาติยังหาเงินอีกจำนวน 10,000 บาท ที่จะต้องจ่ายให้เป็นค่ารับศพออกจากโรงพยาบาลบุรีรัมย์ ไม่ได้ จึงได้จับกลุ่มหาแนวทางที่จะโอนเงินจำนวนดังกล่าวให้โรงพยาบาลบุรีรัมย์
จากนั้นผู้สื่อข่าวซึ่งยังอยู่บริเวณบ้านที่เกิดเหตุ เพื่อรอเก็บภาพระหว่างศพเดินทางมาถึง เห็นความวุ่นวายของญาติผู้เสียชีวิต จึงเข้าไปสอบถามถึงที่มาที่ไป จนมาทราบจากนางศิริกัญญา ลูกสาวผู้เสียชีวิตว่า
ก่อนหน้านี้ได้มีผู้หญิงโทรศัพท์เข้ามาบอกว่า จะต้องจ่ายค่าชันสูตรศพให้กับโรงพยาบาลประโคนชัยจำนวน 3,500 บาท จึงโอนไปทันที ไม่กี่นาที ผู้หญิงคนเดิมโทรศัพท์มาอีกว่า ต้องจ่ายค่าชันสูตรศพให้กับโรงพยาบาลบุรีรัมย์อีก 4,500 บาท ตนก็โอนไปอีก ทั้งสองครั้งโอนเข้าบัญชีชื่อ น.ส.นิรุบล เกศประทุม
อีกไม่ถึง 10 นาที หญิงคนเดิม โทรมาอีกครั้ง คราวนี้จะต้องจ่ายค่าเอาศพออกจากโรงพยาบาลอีก 10,000 บาท ถึงตอนนี้ตนไม่มีเงิน จึงมาปรึกษากับครอบครัวว่าจะหาเงินจากไหน จนกระทั่งนักข่าวทราบ
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์ติดต่อหญิงสาวคนดังกล่าว ถามถึงที่มาที่ไป ว่าเงินที่โอนไป 2 ครั้งรวมเป็นเงิน 8,000 บาท โรงพยาบาลเป็นคนเรียกรับเงินหรือไม่ ตอนแรกพูดคุยบ่ายเบี่ยงประเด็น และจะไม่พยายามคุยด้วย
สุดท้ายยอมรับว่าเป็นคนเรียกเงินเอง และขอร้องไม่ให้เอาเรื่องนี้ไปแจ้งโรงพยาบาล เพราะกลัวจะตกงาน โดยจะโอนเงินทั้งหมดคืนให้ทันที ก่อนจะติดต่อไม่ได้อีก เบื้องต้นทราบว่าหญิงสาวคนดังกล่าว ทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลประโคนชัย แผนกเวชกิจฉุกเฉิน ได้รับรายงานว่าวันพรุ่งนี้ โรงพยาบาลจะมีการประชุมด่วนเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น เพราะคาดว่าไม่ใช่เป็นครั้งแรก