ฟองน้ำล้างจาน เปลี่ยนตอนไหนดี ถึงถูกสุขลักษณะ มาดูกัน! | บทความโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล หากผู้เขียนจะพูดว่า ฟองน้ำที่ใช้งานมานานๆ ย่อมเสื่อมสภาพลง ทั้งในด้านความสามารถในการซับน้ำ การขัดคราบ และที่สำคัญคือเรื่องของสุขอนามัย คุณผู้อ่านพอจะมองภาพออกไหมคะ? และที่เป็นแบบนั้นได้ก็เพราะว่า ฟองน้ำล้างจานอันเก่าๆ ของเราสามารถกลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคและแบคทีเรียที่เรามองไม่เห็นได้ค่ะ ซึ่งหลายคนน่าจะได้สังเกตสิ่งต่างๆ เช่น กลิ่นเหม็น เนื้อฟองน้ำยุ่ย หรือประสิทธิภาพในการทำความสะอาดที่ลดลง ในฟองน้ำล้างจานของตัวเองมาบ้างแล้ว แต่เราอาจจะไปโฟกัสผิดจุดและที่สงสัยว่า ทำไมเป็นแบบนั้นไปได้? คือแทนที่เราจะสงสัยต่อไป ผู้เขียนขอแนะนำว่า ให้เปลี่ยนฟองน้ำล้างจานอันใหม่ค่ะ เพราะการเลิกใช้งานฟองน้ำอันเก่าและเปลี่ยนอันใหม่นั้น ทำไปก็เพื่อสุขอนามัยที่ดีในการล้างจานของเรา อ่านแล้วงงใช่ไหมคะ? ถ้างงต้องอ่านต่อยาว เลยค่ะ เพราะนี่คือเนื้อหาสำคัญ ที่ผู้เขียนจะมาบอกว่า ทำไมเราถึงต้องเปลี่ยนฟองน้ำล้างจานอันใหม่ ที่บางคนก็อาจสงสัยมาตลอดว่า แล้วฟองน้ำล้างจานอันเก่าเราต้องทิ้งตอนไหน และบทความนี้มีคำตอบมาเป็นแนวทางแล้วค่ะ งั้นเรามารู้กันเลยดีกว่า กับข้อมูลดังต่อไปนี้ 1. เมื่อมีกลิ่นเหม็นอับ หลายคนยังไม่รู้ว่า ฟองน้ำล้างจานพอใช้ไปสักพักมักจะมีกลิ่นเหม็นอับ และนั่นเป็นสัญญาณบอกชัดเจนเลยว่า ถึงเวลาที่เราต้องเปลี่ยนฟองน้ำอันใหม่แล้วค่ะ เพราะความชื้นและเศษอาหารที่ตกค้างอยู่ในฟองน้ำ มักเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา ซึ่งไม่ดีต่อสุขอนามัยของเราเลย การปล่อยให้ฟองน้ำมีกลิ่นเหม็นไม่เพียงแต่จะทำให้การล้างจานไม่สะอาดเท่าที่ควร แต่ยังอาจนำมาซึ่งเชื้อโรคต่างๆ ที่อาจปนเปื้อนภาชนะของเราได้ ดังนั้นเพื่อสุขอนามัยที่ดีของทุกคนในบ้าน เราควรสังเกตกลิ่นของฟองน้ำล้างจานอยู่เสมอ และเมื่อไหร่ที่เริ่มมีกลิ่นเหม็นอับ ก็อย่าลังเลที่จะเปลี่ยนใหม่ทันทีเลยนะคะ 2. เมื่อเนื้อฟองน้ำเริ่มยุ่ยหรือฉีกขาด ฟองน้ำล้างจานที่เริ่มยุ่ยหรือฉีกขาด เป็นอีกหนึ่งสัญญาณเตือนชัดเจนว่าประสิทธิภาพในการทำความสะอาดลดลงไปเยอะแล้ว ซึ่งนอกจากจะไม่สามารถขัดคราบสกปรกออกได้ดีเหมือนเดิมแล้ว เศษฟองน้ำที่หลุดลอกออกมายังอาจไปติดอยู่บนจานชามที่เราล้างอีกด้วย ซึ่งแบบนี้ไม่ถูกสุขลักษณะเอามากๆ นะคะ แถมฟองน้ำที่เสียหายก็เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคได้ง่ายกว่าเดิมอีกด้วย เพราะมีร่อง มีรู ที่แบคทีเรียเข้าไปอาศัยอยู่ได้มากขึ้น ดังนั้นเมื่อไหร่ที่เราเห็นว่าฟองน้ำล้างจานของเราเริ่มไม่เป็นรูปทรงเดิม เริ่มมีรอยขาด หรือเนื้อเริ่มเปื่อยยุ่ย ก็ถึงเวลาที่เราจะต้องเปลี่ยนฟองน้ำอันใหม่นะคะ เพื่อความสะอาดของภาชนะและสุขอนามัยที่ดีของเรา การเปลี่ยนฟองน้ำใหม่เมื่อมันเสื่อมสภาพจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามเลยค่ะ 3. เมื่อมีคราบสกปรกฝังแน่น ฟองน้ำล้างจานที่เริ่มมีคราบสกปรกฝังแน่น ต่อให้เราพยายามล้างยังไงก็ออกยากแล้ว นั่นแสดงว่าฟองน้ำได้สะสมทั้งเศษอาหารและไขมันไว้ข้างในเป็นจำนวนมากนะคะ ซึ่งเป็นแหล่งอาหารชั้นดีของเชื้อแบคทีเรียเลยค่ะ ยิ่งปล่อยไว้นาน คราบสกปรกเหล่านี้ก็จะยิ่งหมักหมม ทำให้ฟองน้ำไม่สะอาดและอาจเป็นพาหะนำเชื้อโรคมาสู่ภาชนะที่เราใช้รับประทานอาหารได้ ซึ่งการพยายามใช้ฟองน้ำที่มีคราบฝังแน่น นอกจากจะไม่สามารถทำความสะอาดจานชามได้อย่างหมดจดแล้ว ยังอาจทำให้เราต้องออกแรงขัดมากขึ้นโดยใช่เหตุ สู้เราเปลี่ยนฟองน้ำอันใหม่ที่สะอาดเอี่ยมไปเลยดีกว่า รับรองว่าล้างจานได้ง่ายขึ้น สะอาดกว่าเดิม และยังมั่นใจได้ถึงสุขอนามัยที่ดีด้วยค่ะ 4. หลังการใช้งานหนัก หลังจากการใช้งานหนักหน่วง อย่างเช่นการล้างหม้อกระทะที่มีคราบไหม้ฝังแน่น หรือการล้างจานชามจำนวนมากๆ ในงานเลี้ยงสังสรรค์ ฟองน้ำล้างจานของเราก็บอบช้ำไม่น้อยเลยค่ะ เนื้อฟองน้ำอาจจะเริ่มยุ่ย ยู่ เสียรูปทรง หรืออาจจะมีเศษอาหาร คราบไขมันฝังลึกเข้าไปมากกว่าปกติ การฝืนใช้ฟองน้ำที่ผ่านการใช้งานหนักมาแล้ว ทำให้ประสิทธิภาพในการทำความสะอาดลดลงอย่างเห็นได้ชัด แถมยังเสี่ยงต่อการสะสมของเชื้อโรคมากขึ้นด้วย เพราะเนื้อฟองน้ำที่เสียหายจะกักเก็บความชื้นและสิ่งสกปรกได้ดีกว่าเดิม ดังนั้นหลังจากการใช้งานหนัก เราควรพิจารณาเปลี่ยนฟองน้ำอันใหม่เพื่อสุขอนามัยที่ดีและความสะอาดของภาชนะในระยะยาว ที่ถือเป็นการลงทุนเล็กน้อยเพื่อความมั่นใจในความสะอาดค่ะ 5. ตามระยะเวลาการใช้งาน แม้ว่าฟองน้ำล้างจานของเราจะดูเหมือนยังสะอาดดี ไม่มีกลิ่นเหม็น ไม่ยุ่ย หรือไม่มีคราบฝังแน่นชัดเจน แต่การใช้งานไปสักระยะหนึ่งก็ทำให้ประสิทธิภาพในการทำความสะอาดลดลงได้ค่ะ เพราะรูพรุนของฟองน้ำอาจจะเริ่มอุดตันด้วยคราบไขมันและเศษอาหารขนาดเล็กที่เรามองไม่เห็น ซึ่งเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคเงียบๆ ที่เราคาดไม่ถึง การเปลี่ยนฟองน้ำตามระยะเวลาที่เหมาะสม เช่น ทุกสัปดาห์ หรืออย่างน้อยทุกสองสัปดาห์ จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการรักษาความสะอาดของเครื่องครัวและสุขอนามัยของทุกคนในบ้านค่ะ และการกำหนดระยะเวลาเปลี่ยนที่แน่นอน จะช่วยให้เราไม่ต้องคอยกังวลหรือสังเกตอาการผิดปกติของฟองน้ำบ่อยๆ และมั่นใจได้ว่าเรากำลังใช้เครื่องมือทำความสะอาดที่สะอาดอยู่เสมอนะคะ 6. เมื่อรู้สึกว่าล้างจานไม่สะอาดเหมือนเดิม ความรู้สึกว่าล้างจานไม่สะอาดเหมือนเดิม เป็นสัญญาณสำคัญอีกอย่างที่เราไม่ควรมองข้ามค่ะ เพราะว่าปกติเมื่อฟองน้ำล้างจานที่ผ่านการใช้งานมาสักระยะ ต่อให้เราดูแลดีแค่ไหน ประสิทธิภาพในการขจัดคราบสกปรกก็จะค่อยๆ ลดลงไปตามธรรมชาติค่ะ อาจเป็นเพราะเนื้อฟองน้ำเริ่มเสื่อมสภาพ ความสามารถในการอุ้มน้ำยาและสร้างฟองลดลง หรืออาจมีคราบไขมันและเศษอาหารเล็กๆ ไปอุดตันรูพรุน ทำให้ไม่สามารถขัดสิ่งสกปรกออกได้อย่างหมดจดเหมือนเคย โดยเมื่อเรารู้สึกว่าต้องออกแรงขัดมากขึ้นกว่าเดิม หรือจานชามยังมีคราบหลงเหลืออยู่หลังล้าง นั่นเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าถึงเวลาที่เราควรเปลี่ยนฟองน้ำอันใหม่ได้แล้ว ซึ่งการฝืนใช้ฟองน้ำที่ไม่สะอาดหรือไม่สามารถทำความสะอาดได้ดีพอ สามารถทำให้เราเสียเวลาและเปลืองแรงโดยใช่เหตุ แถมยังไม่มั่นใจในความสะอาดของภาชนะที่เราใช้งานอีกด้วยค่ะ 7. หลังสัมผัสอาหารดิบ เรื่องสุขอนามัยเป็นสิ่งสำคัญมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกี่ยวข้องกับอาหาร การใช้ฟองน้ำล้างจานที่เคยสัมผัสกับอาหารดิบ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัตว์ ไข่ หรืออาหารทะเล แล้วนำกลับมาใช้ล้างภาชนะอื่นๆ เป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง เพราะอาหารดิบมักทำให้มีสิ่งปนเปื้อนที่เป็นอันตรายติดอยู่บนฟองน้ำได้ หากเรานำฟองน้ำนั้นไปล้างจานชามอื่น ก็เท่ากับเป็นการปนเปื้อนข้ามไปยังภาชนะเหล่านั้นโดยที่เราไม่รู้ตัว ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยและสุขอนามัยที่ดี เราจึงควรแยกฟองน้ำสำหรับล้างภาชนะที่สัมผัสอาหารดิบโดยเฉพาะ หรือถ้าไม่สะดวกแยก ก็ควรล้างฟองน้ำนั้นด้วยน้ำร้อนและน้ำยาฆ่าเชื้อทันทีหลังใช้งานกับอาหารดิบ และเปลี่ยนใหม่โดยเร็วที่สุดค่ะ ซึ่งการใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ จะช่วยป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคและทำให้เรามั่นใจในความสะอาดของอาหารที่เราบริโภคมากขึ้นนะคะ 8. เมื่อมีเชื้อราหรือจุดดำขึ้น ไม่ต้องสงสัยเลยค่ะ! ถ้าเราเริ่มเห็นเชื้อราเป็นจุดดำๆ หรือคราบเขียวๆ ขึ้นบนฟองน้ำล้างจาน นั่นเป็นสัญญาณอันตรายที่บ่งบอกว่าฟองน้ำของเราได้กลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของเชื้อราอย่างเต็มตัวแล้ว การปล่อยทิ้งไว้และยังนำมาใช้งานต่อเป็นสิ่งที่เสี่ยงต่อตัวเรามากๆ เพราะสปอร์ของเชื้อราสามารถแพร่กระจายไปปนเปื้อนกับภาชนะที่เราล้างได้ ยิ่งไปกว่านั้นฟองน้ำที่มีเชื้อราก็ไม่สามารถทำความสะอาดจานชามได้อย่างมีประสิทธิภาพนะคะ แถมสิ่งสกปรกต่างๆ ก็จะยิ่งสะสมมากขึ้น ดังนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่เราสังเกตเห็นเชื้อราหรือจุดดำบนฟองน้ำล้างจาน สิ่งที่เราควรทำโดยไม่ต้องลังเลเลยก็คือ ทิ้งฟองน้ำอันนั้นทันที และเปลี่ยนเป็นอันใหม่ที่สะอาด เพื่อสุขอนามัยที่ดีของตัวเราเองและคนในครอบครัวค่ะ 9. เมื่อเปลี่ยนน้ำยาล้างจาน (บางกรณี) ในบางกรณีการเปลี่ยนน้ำยาล้างจานก็อาจเป็นเหตุผลหนึ่ง ที่เราควรพิจารณาเปลี่ยนฟองน้ำล้างจานด้วยเช่นกันค่ะ ถึงแม้จะไม่ใช่เรื่องที่จำเป็นเสมอไป แต่ถ้าเราเปลี่ยนไปใช้น้ำยาล้างจานที่มีส่วนผสมหรือคุณสมบัติที่แตกต่างจากเดิมมาก เช่น เปลี่ยนจากสูตรอ่อนโยนเป็นสูตรขจัดคราบหนัก หรือเปลี่ยนยี่ห้อที่มีสารเคมีเข้มข้นกว่าเดิม ฟองน้ำอันเก่าที่เคยชินกับน้ำยาแบบเดิม อาจจะไม่สามารถทำงานร่วมกับน้ำยาใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่าที่ควร หรืออาจเกิดปฏิกิริยาบางอย่างที่ไม่พึงประสงค์ได้ นอกจากนี้กลิ่นของน้ำยาล้างจานใหม่ก็อาจจะติดค้างอยู่ในฟองน้ำอันเก่า ทำให้กลิ่นไม่พึงประสงค์ผสมปนเปกันได้ เพื่อให้มั่นใจว่าน้ำยาล้างจานใหม่จะสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่และให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด การเปลี่ยนฟองน้ำใหม่ไปพร้อมกันก็ถือเป็นทางเลือกที่ช่วยให้เรามั่นใจในความสะอาดและสุขอนามัยมากยิ่งขึ้นค่ะ จากทั้ง 9 ข้อที่ผู้เขียนได้พูดถึงนั้น เห็นไหมคะว่า ฟองน้ำล้างจานที่เราคิดว่าเปลี่ยนไหนก็ได้ คงไม่ใช่ความคิดที่ถูกเสมอไป เพราะการไม่เปลี่ยนหองน้ำหากมีคราบสกปรกฝังแน่น แบบนี้ก็ไม่ถูกสุขลักษณะ แถมยังทำให้เกิดการปนเปื้อนได้ง่ายค่ะ โดยหองน้ำล้างจานเป็นสิ่งที่ผู้เขียนซื้ออันใหม่มา จะว่าซื้อใช้บ่อยกว่าแป้งพัฟก็ได้ค่ะ เพราะด้วยวิธีการสังเกตฟองน้ำล้างจานว่าต้องเปลี่ยนตอนไหนในบทความนี้ ทำให้ผู้เขียนไม่สามารถนิ่งนอนใจได้ค่ะ โดยถ้าพบว่ามีเพียงแค่ข้อใดข้อหนึ่งเกิดขึ้น ผู้เขียนก็จะเปลี่ยนอันใหม่ทันที และคงไม่ต้องรอถึงขนาดที่ว่าต้องนำฟองน้ำล้างจานไปส่องด้วยกล้องจุลทรรศน์ก่อนถึงจะเปลี่ยนนะคะ เปลี่ยนเถอะค่ะถ้าต้องเปลี่ยน และอ่านมาถึงตรงนี้แล้ว คุณผู้อ่านน่าจะพอมองภาพออกบ้างแล้วนะคะว่า ทำไมเย็นนี้ต้องไปซื้อฟองน้ำล้างจานอันใหม่ และผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านไม่มากก็น้อย หากสนใจเนื้อหาเช่นนี้อีก อย่าลืมกดติดตามหรือบุ๊กมาร์กโปรไฟล์ไว้ เพื่อรับข้อมูลใหม่ๆ ในบทความต่อไปค่ะ เครดิตรูปภาพประกอบบทความ รูปภาพทำหน้าปก โดย Towfiqu barbhuiya จาก Pexels และออกแบบหน้าปกโดยผู้เขียน ใน Canva รูปภาพประกอบเนื้อหาโดยผู้เขียน เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา: พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ: สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การบำบัดน้ำเสียและกำจัดสิ่งปฏิกูล บทความอื่นที่น่าสนใจโดยผู้เขียน 9 วิธีเลือกฟองน้ำล้างจาน ดูแบบไหนดี มีคุณภาพ น่าซื้อมาใช้ 10 ทริครักษาความสะอาดครัว ลดการปนเปื้อนข้ามในอาหาร น้ำยาล้างจาน แบบไหนดี มีคุณภาพ และน่าซื้อมาใช้ เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !