สวัสดีครับบบบ !! ทุกคน พอดีบทความนี้อยากจะเล่าปนบ่นเกี่ยวกับอาชีพแรกที่ผมได้ทำกันซะหน่อย หลังเรียนจบมหาลัย ทั้งเรื่องหน้าที่ในตำแหน่งงาน การสัมภาษณ์ อุปสรรคที่เจอ คุณสมบัติ และโอกาสก้าวหน้า จะเป็นอย่างไรไปดูกันเลยครับ เดิมทีผมไม่ได้คิดหรอกว่า ตัวเองจะได้มาทำงานเกี่ยวกับสายการบิน แต่หลัก ๆ แล้วถ้าคุณสมบัติพร้อม ใจพร้อม มันก็เป็นไปได้ทุกอย่างแหล่ะ 55 ตำแหน่งหลัก ๆ ของผมก็จะเป็นการทำงานในส่วนของภาคพื้น ทั้ง 2 แบบ ระหว่าง Airside กับ Landside ประจำอยู่ที่ สนามบินสุวรรณภูมิ ตำแหน่งนี้มีชื่อเรียกหลายอย่างขึ้นอยู่กับสายการบินที่ไปสมัคร ทั้ง Passenger Service Agent / Ground Staff / Ground Attendant และอื่น ๆ แต่โดยรวมแล้ว ลักษณะหน้าที่คล้ายกัน คือ การบริการ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสายการบิน และคอยดูเรื่องความปลอดภัยของผู้โดยสาร ให้เป็นไปตามกฎระเบียบของสำนักงานการบินพลเรือน และสายการบิน ผมทำมาได้ 8 เดือน ช่วงปี 2563 - 2564 ก็จะบอกเล่าให้รู้กันผ่านบทความนี้ครับ Airside: บริเวณเขตการบิน ลานจอดเครื่องบิน หรือ Gate ที่ให้ผู้โดยสารรอขึ้นเครื่องบิน หลังตม. Landside: บริเวณลานจอดรถ อาคารผู้โดยสาร (Main Terminal) โซนเช็คอิน และห้องตั๋ว หน้าที่ ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น เราจะแบ่งการทำงานไว้ 2 ส่วน ระหว่าง Airside กับ Landside ครับ ซึ่งปกติจะมีการแบ่งตัวพนักงานให้ทำหน้าที่ประจำในส่วนนั้นโดยเฉพาะ แต่บางสายการบินก็มีนโยบายที่ต้องการจะให้พนักงานทำได้ทั้ง 2 ส่วน เรียกว่าแบบ multi ซึ่งเผอิญผมได้อยู่กับสายการบินที่มีนโยบายนั้น จึงทำให้ผมได้รับประสบการณ์ทั้ง 2 แบบ ที่จะนำมาแชร์ให้อ่านกันครับ 1. การทำงาน Landside ในโซนนี้ผมจะได้ทำงานในส่วนของเคาเตอร์เช็คอิน จำหน่ายตั๋วหรือ Boarding Pass ให้ผู้โดยสาร โดยนั่งตรวจสอบเอกสารของผู้โดยสารที่จองเที่ยวบินเข้ามา เบื้องต้นจะเป็นจำพวก Passport/ Visa/ Booking/ Ticket Number รวมถึงสัมภาระที่ผู้โดยสารถือขึ้นเครื่องบิน และโหลดสายพานเข้าใต้ท้องเครื่องบิน ซึ่งทั่วไปเราก็จะถามตัวผู้โดยสารว่ามีแบตเตอรรี่ ไฟแช๊กในกระเป๋าโหลดไหม หรือถ้าเป็นกล่องก็จะถามว่าด้านในเป็นอะไร เหมาะสำหรับโหลดเข้าเครื่องไหม เป็นต้น อาจจะฟังดูง่ายใช่ไหมครับ รอผู้โดยสารเข้ามาเช็คอิน แล้วก็ดูเอกสารแข่งกับเวลาปล่อยผู้โดยสารผ่านตม. ขาออกนอกประเทศ ไปที่ Gate รอเวลาขึ้นเครื่องบิน ใช่ครับ มันก็ง่ายแหล่ะ "ถ้า" ผู้โดยสารทุกคนเตรียมตัวมาดี จองตั๋วเรียบร้อย โหลดของปกติไม่มีสิ่งแปลกปลอม กลับประเทศตัวเอง เช่น เป็นคนจีนกลับจีน ไม่อยู่เกินวันที่ ตม. เข้าไทย ปั้มตราไว้ใน Passport หรือ ถ้ามี Visa เข้าประเทศ แล้วยังใช้งานได้ไม่หมดอายุ ทำตามเงื่อนไขก็ไม่มีปัญหา ซึ่งแน่นอนว่าไม่เป็นแบบนั้นทุกครั้ง เพราะการเช็คอินให้ผู้โดยสารนับร้อยกว่าคน (หรือมากกว่านั้น??) เชื่อเหลือเกินว่าจะ ต้องมีหลุดมาสักคนให้คุณได้ปวดหัว เป็นเคสแน่นอน เช่น ผู้โดยสารที่อารมณ์เสีย หงุดหงิดบางอย่างแล้วมาระบายอารมณ์ลงกับคุณหน้าเคาเตอร์ ทั้งที่คุณก็ไม่เกี่ยวอะไร / ผู้โดยสารจองตั๋วมาผิดวัน แต่จะให้คุณเปลี่ยนไฟล์ทให้หน้าเคาเตอร์ ขอให้เรียกเครื่องบินกลับมาให้ที ?? หรือไม่ก็จะเอาเงินคืน (สามารถเจอได้กับเที่ยวบินที่ออกหลังเที่ยงคืน) / จองตั๋วมาเอกสารครบถ้วน แต่อยู่เกินวันที่ตราปั้มเข้าประเทศไทยกำหนด ไม่มีเงินจ่ายให้ตม. เป็นต้น แล้วในการนั่งเคาเตอร์เช็คอินเหล่านี้ จะนั่งค่อนข้างนานพอสมควร ขั้นต่ำก็ราว ๆ 2 ชั่วโมงครึ่งขึ้นไป การเข้าห้องน้ำสามารถทำได้ แต่ได้แค่ครั้ง 2 ครั้ง หากเป็นไฟล์ทใหญ่ที่ผู้โดยสาร 200 - 300 คน ขึ้นไปก็จะต้องนั่งทำไปจนกว่าจะซาลงเหลือ 5-10 คน ถึงจะไปได้ ซึ่งถ้าคุณข้าศึกบุก หรือท้องเสีย ในตอนนั้นพอดี ก็คงจะลำบากทีเดียว เกล็ดเล็ก ๆ : Ticket Number กับ Booking Number จะต่างกันที่ว่าเริ่มแรก คุณจองตั๋วมาก็จะได้ Booking Number มาอย่างแรก แต่คุณจะต้องจ่ายเงินให้ได้ Ticket Number มาด้วยถึงจะบินได้ หากได้ Booking Number มาอย่างเดียว แล้วไม่จ่ายเงิน การจองจะถือเป็นโมฆะ และลบข้อมูลออกจากระบบ ถือเป็นการหมดเวลาชำระเงิน ไม่ได้บินในเที่ยวนั้น บางทีผู้โดยสารก็เนียน ทำทีจองตั๋วมา แต่ไม่จ่ายเงินก็มีให้เห็นอยู่บ่อย ๆ สำหรับสายการบินจีน สามารถนำน้องหมา หรือแมวขึ้นบินได้นะครับ แต่ใส่กรงอยู่ใต้เครื่อง บางกรณีก็สามารถนั่งที่แบบเดียวกับผู้โดยสารคนอื่น ๆ ได้ สำหรับหมาที่คอยช่วยเหลือผู้พิการทางสายตา แต่เอกสารก็ค่อนข้างที่จะยุ่งยาก และปวดหัวพอสมควรสำหรับตัวผู้โดยสารที่จะพาสัตว์เลี้ยงบิน รวมถึงตัวพนักงานที่ทำการตรวจสอบเอกสารให้ ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 7 - 8 ฉบับ กรณีพาออกนอกประเทศ ซึ่งหมาแบบในภาพที่อยู่ในกรงแบบนี้ ก็ใช่ว่าจะบินได้ทุกพันธุ์ แนะนำว่าควรเป็นพันธุ์ที่จมูกโด่งหายใจง่ายจะดีที่สุด 2. การทำงาน Airside ส่วนโซนนี้ ก็จะต้องมีวิทยุสื่อสารพกติดตัว (ทางสายการบินมีให้) อุปกรณ์จัดเต็ม ค่อนข้างกระฉับกระเฉงมาก ในเรื่องการตรวจสอบความปลอดภัย ความเรียบร้อยทั่วไปก่อนพาผู้โดยสารขึ้นเครื่อง และประสานงานกับลูกเรือในเรื่องข้อมูลจำนวนผู้โดยสาร มาครบรึไม่ ติดขัดส่วนไหน ติดต่อใครให้มาแก้ไข รวมถึงช่วยแก้ปัญหาให้ผู้โดยสารด้วย เช่น ลืมของไว้ที่ตม. บ้าง พาผู้โดยสารวิ่งไปหาไฟล์ทตัวเองให้ทันก่อนตกเครื่อง (บางทีต่อเครื่องจะมาไฟล์ทนี้ แล้วไฟล์ทก่อนหน้าที่นั่งมาดีเลย์ ไม่เผื่อเวลาไว้ ส่วนมากเป็นแบบนี้กัน คิดว่าลงมาปุ๊บ ก็ไปไฟล์ทนั้นแบบตรงเวลาเป๊ะ ๆ ) ตกเครื่องแล้วมาไม่ทันก็ต้องพาฮีหรือชีออกไปรับกระเป๋า ต้องทำหน้าที่และรับอารมณ์เขาไปในตัว ช่วงแรกจะมีคนคอยช่วยเหลือ แต่พอทำ ๆ ไป ก็ต้องพึ่งตัวเองด้วยในเรื่องพาผู้โดยสารไปทำธุระ แก้ปัญหาให้เขา คนที่ทำงานโซนนี้ส่วนมากมักจะดุ จากเท่าที่เจอกับตัว แต่ทำไปเรื่อย ๆ ก็คงจะชินเอง (มั้ง??) แต่ดี ๆ ก็มีครับ เพียงแค่เป็นส่วนน้อย ส่วนเรื่องสุขภาพก็จะเป็นแบบดีและไม่ดีในเวลาเดียวกัน เนื่องจากพบเจอคนมากหน้าหลายตา เดินสลับโซนกันระหว่างอากาศภายนอกร้อน ๆ กับห้องแอร์อยู่บ่อยครั้ง ไหนจะมลพิษทางเสียงจากเครื่องบิน และอากาศที่ย่ำแย่จากควัน ฝุ่น แต่อย่างน้อยก็เดินเกิน 1000 ก้าวต่อวันแน่ ไม่ต้องห่วง ด้านบนเป็นบรรยากาศที่ผู้โดยสารรอรถไฟที่อาคาร SAT-1 ไปอาคารผู้โดยสารหลัก Main Terminal เพื่อรับกระเป๋า และผ่านตม.ไทย เข้าประเทศหลังลงจากเครื่องบินของแต่ละไฟล์ท คุณสมบัติของงานนี้ เรื่องนี้ก็ขึ้นอยู่กับสายการบิน ว่าจะเอาเข้มงวดแค่ไหน แต่เบื้องต้นก็จะไม่พ้นเรื่องของ... - ใจรักงานบริการแค่ไหน ความใจเย็น การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า การเจรจา เป็นสิ่งที่ควรมี ซึ่งสามารถฝึกหน้างาน และเรียนรู้จากผู้มากประสบการณ์ในนั้นได้ จริง ๆ จะ Introvert หรือ Extrovert ก็ไม่เป็นไร ถ้าไม่มีรอยสักนอกร่มผ้า วางตัวเหมาะสม มีบุคลิกดี และส่วนสูงผ่านเกณฑ์ก็ถือว่าผ่าน เพราะอาชีพนี้เป็นงานที่ผู้โดยสารจะได้เจอเราเป็นคนแรก - ภาษาสื่อสารได้ไหม ซึ่งบางสายการบินก็จะกำหนดชัดเจนเลยว่า เอา Toeic คะแนนเท่าไหร่ เคยมีประสบการณ์ได้ใช้ภาษาจริง ๆ ไหม หรือถ้าได้ภาษาที่ 3 ก็จะถูกเป็นที่ให้ความสนใจพอสมควร เช่น จีน เกาหลี ญี่ปุ่น เป็นต้น - ไม่จำกัดเพศการทำงาน แต่ส่วนใหญ่ในบรรยากาศทำงาน ก็จะเจอผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่ ตีเป็น ผู้ชาย 1 ส่วน ต่อ ผู้หญิง 3 ส่วนเป็นต้น (ผู้ชาย 1 ส่วนในนี้รวม LGBT+ ด้วย หาแบบชายทั้งแท่งยากหน่อย) ถ้าเป็นผู้ชายแล้วได้ทำในอาชีพที่มีผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่แบบนี้ ก็อาจได้เปิดโลกไปอีกแบบ (เช่น ผมแล้วคนหนึ่ง 55) - ไม่ค่อยจำกัดคณะที่จบมา ถือเป็นข้อดีสำหรับหลายคน ที่อยากจะมาหาประสบการณ์ เปลี่ยนบรรยากาศการทำงาน หรือจบมาแล้วรู้สึกไม่ชอบสิ่งที่ตัวเองเรียนมาก็สามารถมาสมัครทำในส่วนนี้ได้ - ทำงานเป็นกะ โอเคไหม ขึ้นชื่อว่างานในสนามบิน น้อยตำแหน่งมากที่จะได้หยุดเสาร์อาทิตย์ และพักผ่อนตามเทศกาลเหมือนคนอื่น ซึ่งตำแหน่งนี้หมดสิทธิ์กับตารางเวลาแบบนั้นแน่นอน แต่ข้อดีก็มีที่ว่าเราได้ทำ 4 วัน แล้วหยุดอีก 2 วัน ไม่ได้หยุดตามเทศกาล วันขึ้นปีใหม่ก็ยังต้องมาทำงาน แต่ก็จะได้เงินพิเศษเพิ่ม ขึ้นอยู่กับทางสายการบินว่าจะได้มากน้อยแค่ไหน สำหรับใครที่มีแฟนแล้วทำงานหยุดเสาร์ - อาทิตย์ ก็จะลำบากพอสมควรในเรื่องของวันหยุด กับเวลาที่ไม่ตรงกัน เวลาทำงานไม่แน่นอน บางทีอาจจะเข้า 2 ทุ่ม / 5 โมงเย็น / ตี 5 ครึ่ง หรือแย่ที่สุด คือ ตี 3 แล้วคนจัดงานพึ่งบอกเวลาทำงานตอน 3 ทุ่ม ก็ขอให้มั่นใจได้เลยว่า คืนนั้นจะไม่ได้นอนก่อนไปทำงานนะครับ ข้อดีก็คงได้กลับบ้านเร็วประมาณบ่าย 1 - 2 แต่ไม่สะดวกจริง ๆ ก็ลองคุยกับทางคนจัดงานได้ครับ ให้เข้าเวลาอื่นแทน ซึ่งใน 4 วันนี้ ตารางบางวันก็อาจจะได้ทำ 12 ชั่วโมง หรือมากกว่านั้น ตามเวลา / จำนวนไฟล์ทที่ได้ทำ แต่ก็จะไม่ละเมิดตามกฎแรงงานที่ว่า ให้ทำงานไม่เกิน 48 ชั่วโมง/สัปดาห์ ถ้าหากเกินเวลามากกว่านั้น ในแต่ละวันก็จะคิดเป็นชั่วโมง OT ไป - จำเป็นต้องมีรถส่วนตัวไหม จะมี ไม่มีก็ได้ แต่ถ้ามีจะได้เปรียบกว่า ในเรื่องเวลาทำงานที่ไม่แน่นอน แล้วรถสาธารณะหมดช่วงดึก ๆ หรือหาหอพักใกล้สนามบิน แล้วอาศัย Shuttle ฺBus ฟรี ก็เป็นอีกหนทางที่น่าสนใจ - สามารถเลือกได้ไหมว่า จะทำส่วนไหน Airside หรือ Landside ในช่วงแรกส่วนมากมักจะเลือกไม่ได้ หรือทำมันทั้ง 2 เลย แต่ทั้งนี้ทำไปเรื่อย ๆ เราก็อาจจะขอเลือกทำตรงจุดใด จุดหนึ่งไปตลอดได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายสายการบินนั้น ๆ - สัมภาษณ์ยากไหม สัมภาษณ์เหมือนการเข้าบริษัททั่วไป เกี่ยวกับตำแหน่งบริการ ก็ต้องทำให้การแต่งตัวดูดีไว้ก่อน เพื่อเสริมความมั่นใจ และประทับใจอีกฝ่ายไม่ให้ เขาตัดสินแบบหวยล็อกว่าไม่ผ่าน อาจมีการถามที่แตกต่างไป ตามบุคคล แต่หลัก ๆ ก็จะถามถึงทักษะการแก้ไขสถานการณ์ต่าง ๆ ต่อ ผู้โดยสาร ทัศนคติต่อตำแหน่งงาน ทดสอบภาษาว่าพูดได้ไหม เป็นต้น Shuttle Bus: รถโดยสารที่ทางสนามบินจัดไห้บริการทั้งผู้โดยสาร และคนทำงานในสนามบินได้นั่งฟรี มักจะวิ่งในระยะทางใกล้ ๆ ส่วนใหญ่มีให้ขึ้นทั้งคืน โอกาสความก้าวหน้า พอทำตำแหน่งนี้ได้สักพัก หากยังไม่รู้สึกอิ่มตัว ก็สามารถเลื่อนหรือชิงตำแหน่ง หัวหน้างาน Supervisor ได้ ทั้งนี้แต่ละสายการบินก็จะดูคุณสมบัติที่ต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเรื่อง อายุงาน หรืออายุตัวผู้ทำงานเองว่าเป็นผู้ใหญ่พอ รับผิดชอบได้ และดูเหมาะสมไหม หรือถ้ารู้สึกไม่ชอบสายการบินที่ตัวเองทำ ก็สามารถย้ายไปทำบริษัท ให้ผลตอบแทนดีกว่า ไม่ว่าจะตำแหน่งลูกเรือบนเครื่องบิน นักบิน หรือตำแหน่งงานอื่น ที่เป็นทาง Customer Service ก็ได้ ทักษะที่ได้จากงานนี้ ที่ได้แน่ ๆ ของคนที่มาทำงานสายนี้ คงจะเป็นเป็นเรื่องความรับผิดชอบ และบริหารเวลาอย่างแน่นอน เพราะตำแหน่งนี้จะไม่ได้อยู่กับที่ตลอด ต้องเดินทางไปตรงจุดนู่นนี้ ของสนามบินอยู่บ่อย ๆ การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เรื่องนี้อาจจะเรียนรู้ได้จากคนที่ทำงานมาก่อน หรือเจอกับตัวเอง ไม่ว่าจะรูปแบบไหนคุณจะได้ประสบการณ์แน่นอน ทั้งดีและแย่ แต่เมื่อชินแล้วจะมีภูมิคุ้มกัน รู้กระบวนการ และหาทางเอาตัวรอดได้อย่างแน่นอน รองลงมาคงจะเป็น ความรู้ในการทำงานตามสายการบิน เดินทางด้วยเครื่องบิน ก็รู้เลยว่าควรจะจัดการตัวเองยังไง หรือใช้เป็นหัวข้อพูดคุยกับเพื่อนก็ได้ มองรูปแบบคนออก ขาดไม่ได้กับเรื่องนี้ คุณจะได้เห็นลักษณะของคนที่หลากหลายตั้งแต่ ผู้โดยสาร เจ้าหน้าที่ในสนามบิน รวมไปถึงเพื่อนร่วมงานของคุณเอง จะดีจะแย่ยังไงก็ต้องทำให้เกิดความร่วมมือ รู้จักวางตัว ผ่านไฟล์ทนั้นไปให้ได้ ภาษาและความแสดงออก หากคุณเรียนภาษามาแล้วยังหาเวทีที่จะใช้ไม่ได้ นี่ถือเป็นโอกาสเหมาะที่คุณจะได้ใช้ในสถานการณ์จริง และเพิ่มความมั่นใจมากขึ้นเวลาพูดกับชาวต่างชาติ บางทีคุณอาจจะได้เรียนภาษาใหม่หน้างานก็ได้นะ ฝึกความอดทนกับผู้โดยสาร และเพื่อนร่วมงาน ไม่ว่าจะเรื่องที่ผู้โดยสารที่วีนกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง ถามแบบจริงจังหรือกวนบ้างก็ดี หรือเพื่อนร่วมงานที่แอบนินทาก็เจอได้อยู่บ่อยครั้ง ตำแหน่งนี้จะหล่อหลอมให้คุณไม่เป็นคนชักสีหน้า หรืออาจไม่ช่วยก็ได้นะ หงุดหงิดกว่าเดิม สุดท้ายนี้ คงจะเป็นประโยชน์ในการพิจารณาพอสมควรสำหรับผู้ที่จบใหม่ มองหาที่ฝึกงาน หรือเปลี่ยนสายงาน ก็อยากจะบอกว่าบางที สิ่งที่ผมเล่าไปทั้งหมดข้างต้น มันอาจจะไม่ได้แย่ไปซะทุกอย่างก็ได้ ขึ้นอยู่กับบริษัท และปัจจัยหลาย ๆ ส่วน ให้คิดเสียว่าทุกอาชีพมันก็มีดีแย่ แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าเราจะรับมือ และไหวกับมันแค่ไหนเสียมากกว่านะครับ สำหรับใครที่อยากได้คำตอบเพิ่มเติม หรือมีใครเคยทำงานนี้ แล้วเจอแบบไหนมาก็บอกเล่ากันได้นะครับ ภาพปก และภาพประกอบ : Tamao เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !