เตรียมตัวก่อนไปจากที่คุณคิดได้แล้วว่า คุณต้องการไปเรียนต่อที่อเมริกา เพราะอะไร แล้วตัดสินใจแน่วแน่วแล้วว่า ต้องไปเรียนให้ได้ และต้องเรียนจบกลับมาให้ได้เช่นเดียวกันดังนั้น ก็มาถึงขั้นตอนต่อไปที่จะก้าวไปตามเส้นทางความฝันของคุณ นั่นก็คือ การเตรียมตัวให้พร้อมในทุกเรื่องก่อนที่คุณจะเดินทางไปการเตรียมตัวให้พร้อมในทุกเรื่องนี้ เป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะอย่าลืมว่า หากคุณเตรียมตัวไม่พร้อม ชีวิตคุณที่โน่นคงจะอยู่ยากมากกว่าปกติหลายร้อยหลายพันเท่าเพราะเมื่อคุณไปอยู่อเมริกาแล้ว แค่กว่าจะบินไปถึง มันก็ใช้เวลาตั้ง 24 ชั่วโมงแล้ว แถมยังมีการต่อเครื่องให้วุ่นวายอีก มันไม่เหมือนอยู่ต่างจังหวัดของบ้านเรานะ ที่พอขาดเหลืออะไรก็ให้คนที่บ้านส่งให้กว่าคุณจะได้ของอะไรสักอย่างที่ต้องการโดยเฉพาะเรื่องเงินแล้ว แถมคุณยังเป็นคนเลือกและดิ้นรนที่จะไปอีก มันเสี่ยงมากๆที่จะทำไม่สำเร็จตั้งแต่เริ่มต้นทีเดียว แถมได้หูชาเป็นของแถม เมื่อต้องบอกคนใกล้ชิดให้ทำอะไรให้ เพียงเพราะว่าคุณไม่เตรียมตัวให้พร้อมจริง ๆดังนั้น ฉันจึงอยากให้ทุกคนที่ตัดสินใจจะไปเรียนต่อแล้ว ต้องเตรียมตัวให้พร้อม 100% เลยทีเดียว ถ้าให้ดี คุณควรต้องทำ check list ของตัวเองขึ้นมาเลยว่า ต้องเตรียมอะไรบ้าง และตอนนี้เตรียมแต่ละเรื่องไปถึงไหน ขาดอะไร ต้องทำอะไรต่อไป ทำนองนี้...การเตรียมตัว แบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอนใหญ่ๆ คือเตรียมพร้อมก่อนสมัครเรียนต่อเตรียมพร้อมหลังสมัครเรียนต่อไปแล้วเตรียมพร้อมก่อนเดินทางไปเรียนต่อซึ่งการเตรียมพร้อมในแต่ละขั้น มีรายละเอียดปลีกย่อยค่อนข้างมาก ซึ่งคุณจะต้องมุ่งมั่นและใส่ใจที่จะทำมันให้สำเร็จด้วยความตั้งใจ 100% เช่นเดียวกัน คุณถึงจะสำเร็จผ่านในแต่ละขั้น แล้วสุดยอดเคล็ดลับวิชาที่จะทำให้คุณผ่านในแต่ละขั้นได้เร็วขึ้น นั่นก็คือ ถาม . . . ถาม . . . แล้วก็ถาม . . . เสร็จแล้วก็ . . . ลงมือทำ . . . ลงมือทำ แล้วก็ . . . ลงมือทำ . . . ง่ายๆ แค่นี้เอง เดี๋ยวคุณก็ทำสำเร็จเอาล่ะ มาเริ่มกันเลยนะ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาขั้นแรก - เตรียมพร้อมก่อนการสมัครเรียนต่อก่อนที่จะสมัครเรียนต่อ คุณต้องหาข้อมูลก่อนตาม check list ต่อไปนี้1. สาขาวิชาที่จะไปเรียน1.1 มหาลัยที่เปิดสอน- มีที่ไหนบ้าง? รัฐอะไรบ้าง? ติดระดับ Top เท่าไหร่ของบรรดามหาลัยทั้งหมด?- มหาลัยใดบ้างที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการศึกษา (AACSB Accredited)?1.2 ช่วงเวลาที่เปิดรับสมัครเข้าเรียนต่อโท- เปิดให้สมัครได้เดือนไหน?1.3 หลักสูตรที่ต้องเรียน- เป็นอย่างไรบ้าง? ต้องทำวิทยานิพนธ์หรือ Thesis เพื่อจบหรือเปล่า?- สามารถทำแค่ Seminar Paper (ซึ่งก็เหมือนการทำรายงานวิจัยสัมมนาที่บ้านเรานะแหละ) ได้หรือไม่?- แนะนำว่า ควรเลือกมหาลัยที่เปิดโอกาสให้ทำแค่ Seminar Paper เพื่อจบ จะดีกว่า เพราะคุณมีโอกาสที่จะจบสูงกว่าแบบที่ ต้องทำวิทยานิพนธ์ หรือ Thesis2.เกณฑ์ในการรับเข้าศึกษาต่อ2.1 ต้องผ่านเกณฑ์อะไรบ้าง?- ต้องมีเกรดเฉลี่ยตอนจบปริญญาตรี เท่าไหร่?- ต้องสอบ TOEFL และ GMAT/GRE ผ่านด้วยคะแนนประมาณเท่าไหร่?2.2 ต้องเรียนวิชาอะไรบ้าง และวิชาพื้นฐานใดบ้างที่สามารถเก็บหน่วยกิตที่เมืองไทยได้ก่อน?2.3 เอกสารหลักฐานทั่วไปที่ต้องเตรียม- มีอะไรบ้าง? ต้องจัดเตรียมอย่างไรบ้าง?- ค่าสมัครเท่าไหร่ และต้องจ่ายค่าสมัครอย่างไร?3. งบประมาณในการเรียน เท่าไหร่? (ค่าเรียน, ค่าหนังสือ, ค่าที่พัก, ค่าประกันสุขภาพ, ค่าครองชีพ, ฯลฯ)4. ทุนการศึกษา (อันนี้สำคัญมาก)4.1 โอกาสขอทุนเรียนฟรี มีหรือไม่?4.2 หลักเกณฑ์ในการพิจารณาขอทุน มีหลักเกณฑ์อะไรบ้าง? ต้องมีเกรดเฉลี่ยตอนจบปริญญาตรี เท่าไหร่?4.3 คุณต้องหาข้อมูลทั้งของราชการในเมืองไทย คือ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (สำนักงาน ก.พ.) และมหาลัยที่อเมริกาที่มีให้ทุนการศึกษา ประเภท Graduate Assistantship หรือ Teacher Assistantship หรือ Financial Support ต่างๆ ด้วย5. งานเสริม5.1 ในมหาลัย มีงานให้นักเรียนต่างชาติทำบ้างมั้ย? ชั่วโมงละเท่าไหร่?5.2 โอกาสหางานทำนอกมหาลัย มีมั้ย? ชั่วโมงละเท่าไหร่?6. จบแล้วมีโอกาสหางานทำ 6.1 งานที่อเมริกาหรือในเมืองไทย ง่ายมั้ย? (กรณีที่อยากกลับมาทำงานประจำ)7. สภาพแวดล้อมที่ต้องไปอยู่7.1 คนไทยอยู่เยอะมั้ย? ไม่ค่อยแนะนำให้เลือกที่คนไทยอยู่เยอะๆ เพราะจะทำให้คุณอาจไม่ค่อยได้ฝึกทักษะด้านภาษา8. สภาพอากาศเป็นอย่างไร? 8.1 ถ้าหนาวจัด ก็จะลำบากมากและอาจมีอาการซึมเศร้าในช่วงอากาศหนาวจัดนั้น ซึ่งเป็นธรรมดาของคนที่อยู่ในแถบนั้น ไม่ใช่เฉพาะคนไทยที่ไปที่นั่นเท่านั้น ฝรั่งก็เป็นเหมือนกัน คือ มันเป็นผลที่เกิดขึ้นจากสภาพอากาศแล้วก่อให้เกิดผลทางด้านจิตใจ อันนี้ก็เป็นเรื่องที่ต้องเอามาพิจารณาเหมือนกัน9. เมืองที่ตั้งของมหาลัย9.1 เป็นเมืองแบบไหน? ซื้อของใช้ง่ายมั้ย? มีรถสาธารณะอะไรบ้าง?9.2 แนะนำให้เลือกเมืองที่ค่อนข้างเป็นเมืองมหาลัย หรือเป็นเมืองมหาลัยและมีสิ่งอำนวยความสะดวกนิดหนึ่ง เพราะค่อนข้างจะปลอดภัยและสงบ แต่อาจซื้อของไม่สะดวกเหมือนเมืองใหญ่ แต่ถ้าชอบพวกแสง สี และความสะดวกในการซื้อของ ก็แนะนำให้ไปเมืองใหญ่ แต่ต้องทำใจนิดนึงเรื่องความปลอดภัยนะ10. สำเนียงการพูดของพวกเค้า เป็นอย่างไร?10.1 อย่าลืมว่า การที่คุณเลือกไปเรียนโทต่ออเมริกานั้น ส่วนหนึ่งคือ คุณอยากได้ทักษะด้านภาษาอังกฤษกลับมา เพราะฉะนั้นการเลือกต้นแบบและสำเนียงที่ดี เป็นเรื่องสำคัญมาก เปรียบเสมือนเด็กหัดพูด ถ้าได้ต้นแบบที่ดี สำเนียงก็จะดีตามไปด้วย10.2 ดังนั้นถ้าเลี่ยงได้ ฉันขอแนะนำให้เลือกมหาลัยที่อยู่ในโซนแถบใต้ จำพวก Texas, Louisiana, Alabama เป็นตัวเลือกสุดท้ายนะ เพราะสำเนียงคนแถบใต้ จะเหน่อและสำเนียงแบนๆมาก คล้ายกับสำเนียงหนุ่มสุพรรณและหนุ่มใต้ของเรานั่นแหละ อยากรู้ว่า พวกเค้าสำเนียงแบบไหนกัน ก็หาหนังฝรั่งมาดู แล้วจะรู้ว่า คุณรับได้หรือไม่ได้11. ที่พักเป็นอย่างไร?11.1 มีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ต่อเดือน? สภาพเป็นอย่างไรบ้าง?11.2 มีกี่แบบ? 1 ห้องนอน, 2 ห้องนอน, Studio แต่ละแบบราคาเท่าไหร่?11.3 มีหอพักหรือห้องพักของมหาลัยให้มั้ย?11.4 ราคาเช่าแบบ Full Utilities เท่าไหร่? ซึ่งการเช่าแบบ Full Utilites นี้เป็นราคาค่าเช่าที่รวมค่าน้ำค่าไฟทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว จะเปิดใช้อะไรกระหน่ำแค่ไหนก็จ่ายราคาเดียว11.5 แนะนำให้เช่าห้องพักที่ให้บริการแบบนี้ เพราะคุณจะสามารถ คุมค่าใช้จ่ายเรื่องที่พักของคุณได้ และควรเลือกพักที่พักของมหาลัยจะดีที่สุด เพราะส่วนใหญ่ราคาจะถูกและมีการดูแลค่อนข้างดี ปลอดภัย11.6 อีกอย่างที่ฉันอยากแนะนำเพิ่มเติม คือ ไม่แนะนำให้พักร่วมกับคนไทย ไม่ได้เขียนเพื่อให้แอนตี้คนไทยนะ แต่จากประสบการณ์ที่ไปเจอนั้น เรื่องจะเยอะมาก ดีก็เสมอตัว ไม่ดี คุณก็โดนนินทา มากเรื่องเข้าไปอีก ทางที่ดี ตัดปัญหา อยู่กับคนไทยให้น้อยที่สุดและเลือกคบแต่คนที่ดีๆ ถึงมีจำนวนน้อยแต่ก็ดีกว่าคบเยอะแล้วเรื่องเยอะ และอีกอย่างคือ ถ้ามีโอกาสอยู่กับคนต่างชาติ ก็จะเป็นการบังคับตัวเองให้ฝึกทักษะด้านการพูดและฟังของคุณไปในตัวด้วย12. เรื่องอื่นๆ ที่ควรรู้ มีอีกหรือเปล่า?ปัจจุบันนี้ การมีเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ต ทำให้การหาข้อมูลเกี่ยวกับการศึกษาต่อโท และชีวิตการเป็นอยู่ในอเมริกา ค่อนข้างง่ายกว่าสมัยที่ฉันไปมากมายนักในขั้นตอนนี้ สิ่งที่คุณควรทำคือ เข้าไปใน Google เพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับการศึกษาต่ออเมริกาและชีวิตความเป็นอยู่ที่โน่นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และเว็บไซต์ที่ฉันแนะนำให้เข้าไปอ่านอย่างมาก คือ เว็บไซต์ของสถานทูตอเมริกา แนะนำให้เข้าไปอ่านข้อมูลทุกเมนู โดยเฉพาะในเมนู “การศึกษา วัฒนธรรม” เพราะจะมีเรื่องทุนการศึกษาที่น่าสนใจ หรือแม้กระทั่งข้อมูลเกี่ยวกับการเรียนต่อที่อเมริกาเขียนไว้ให้ศึกษาด้วยสำหรับการไปเรียนต่อในแบบพวกเรานั้น ฉันขอแนะนำให้เลือกมหาลัยของรัฐ ที่ชื่อมหาลัยมีคำว่า “State” อยู่ด้วย เพราะค่าเรียนจะถูกกว่าเอกชนค่อนข้างมาก และเชื่อถือได้ไหนๆจะเสียเวลาในชีวิตช่วงหนึ่งของคุณไปเรียนต่อทั้งที เพื่อเดินไปตามความฝันของคุณ คุณคงไม่อยากแค่ได้ชื่อว่าไปเรียนอเมริกา แต่จบออกมาด้วยมหาลัยห้องแถว จริงมั้ยที่บอกแบบนี้ เพราะมหาลัยในอเมริกามีหลายเกรดหลายแบบแล้วแต่จุดประสงค์ของคนที่จะไปว่า ต้องการไปแบบไหน ไปเพื่อหาเงิน ก็สามารถลงชื่อสมัครไว้ในมหาลัยห้องแถวเพื่อที่จะได้ขอวีซ่าไปได้แต่การไปเรียนแบบที่ฉันทำสำเร็จและแนะนำนี้ ฉันขอแนะนำว่า จะไปทั้งที กลับมาต้องให้สามารถพูดบอกใครได้ด้วยความภาคภูมิใจว่า คุณเรียนจบจากมหาลัยของรัฐที่เชื่อถือได้และมีชื่อเสียงพอสมควรด้วยลำแข้งของตัวคุณเองและที่สำคัญคุณควรเลือกสมัครมหาลัยที่คุณสามารถขอรับทุนการศึกษาได้ เพราะมันจะช่วยให้คุณประหยัดเงินที่จะต้องเป็นค่าเรียนและค่ากินอยู่ได้มากทีเดียว ทำให้คุณสามารถเรียนจบจากอเมริกาได้อย่างสบายๆ ไม่ต้องหืดหรือลำบากมากนักกว่าจะเรียนจบเพราะเมื่อได้ทุนการศึกษาจากมหาลัยแล้ว สิ่งที่คุณต้องโฟกัสมีแค่เรื่องเดียว คือ เรียนอย่างไรให้ผ่านได้เกรดตามเงื่อนไขที่ทุนการศึกษาระบุไว้เท่านั้นพอ และนอกจากนั้น มันยังเป็นแต้มบวกให้กับ resume ของคุณ เมื่อคุณเรียนจบแล้วอยากจะสมัครทำงานประจำต่อไป และอีกอย่างที่จะได้แน่ๆและเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ความภูมิใจในตัวเองและความมั่นใจในตัวเองที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งหากคุณต้องการไปแบบได้คุณภาพกลับมาก็ต้องลำบากกันนิดส์นึง . . .ส่วนรายละเอียดในการเตรียมตัวขั้นตอนต่อไป ขอยกไปเล่าต่อในตอนหน้านะคะ เพราะเกรงจะทำให้บทความนี้ยาวเกินไปสู้ๆ นะคะ ^_^(โปรดติดตามอ่านตอนต่อไปค่ะ ^_^)ภาพประกอบโดยผู้เขียน