เชื่อว่าหลาย ๆ คนหากมีกำหนดเดินทางไปต่างประเทศครั้งใด ก็จะต้องเตรียมตัวกันพอสมควรทั้งในเรื่องของเอกสารการเดินทาง ตั๋วเครื่องบิน ที่พักต่าง ๆ รวมไปถึงการแลกเงินไทยเป็นสกุลเงินของประเทศจุดหมายปลายทางที่จะไปเยือน ซึ่งก็มีวิธีการและช่องทางการดำเนินการที่หลากหลายทั้งการแลกที่ธนาคาร หรือแลกที่สนามบินซึ่งก็มีอัตราแลกเปลี่ยนแตกต่างกันไปตามความพอใจและสะดวกของแต่ละคน แต่หนึ่งในวิธีการที่ได้รับความนิยมไม่น้อย และหลายคนใช้บริการเป็นประจำ ซึ่งก็คือการไปแลกเงินที่ร้าน Superrich หากได้ยินคำว่า Superrich เรามักคุ้นหูเกี่ยวกับการเป็นร้านที่ให้บริการแลกเปลี่ยนสกุลเงิน ทั้งจากเงินบาทเป็นสกุลเงินต่างประเทศ รวมทั้งจากสกุลเงินต่างประเทศเป็นเงินบาท นับเป็นร้านที่หลายคนยอมรับว่าให้อัตราการแลกเปลี่ยนที่ดีที่สุด คุ้มค่าที่สุด และครอบคลุมทุกสกุลเงินมากที่สุดแห่งหนึ่ง เมื่อเทียบกับบรรดาร้านแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเจ้าอื่น ๆ เราจึงมักเห็นแต่ละสาขาของ Superrich เนืองแน่นไปด้วยกลุ่มลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศในแทบทุกสาขาของร้าน ปัจจุบัน Superrich ปรากฏอยู่ในชื่อของ 3 ร้าน ได้แก่ Superrich 1965 หรือ Superrich สีส้ม Superrich Thailand หรือ Superrich สีเขียว และ Grand Superrich หรือ Superrich สีฟ้า แม้ว่าทั้ง 3 ร้านจะมีความเกี่ยวข้องกับคำว่า Superrich เนื่องจากเจ้าของเป็นเครือญาติกัน แต่วิธีการบริหารมีความแตกต่างเป็นเอกเทศจากกันโดยสิ้นเชิง อีกทั้งอัตราการแลกเปลี่ยนเงินสกุลต่าง ๆ ในบางครั้งก็อาจมีความแตกต่างกันด้วยเช่นกัน จากสถานการณ์ระบาดของไวรัส COVID-19 ที่แพร่ระบาดไปทั่วโลก ซึ่งนอกจากทำให้ผู้คนต้องวิตกไปกับวิกฤติของโรคร้ายแล้ว ภายใต้ความกังวลนี้ยังสั่นคลอนระบบเศรษฐกิจของทั่วโลก กระทั่งกล่าวได้ว่าวันนี้ ไม่มีที่ใด ไม่มีใคร หรือธุรกิจใดที่ไม่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคร้ายดังกล่าวแตกต่างกันเพียงว่าได้รับผลกระทบมากหรือน้อย ร้านรับแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศอย่าง Superrich ก็ไม่อาจหลีกหนีได้พ้น ซึ่งเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ได้รับผลกระทบโดยตรงอย่างหนัก ส่วนหนึ่งเกิดจากการยอดนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยลดลง โดยเฉพาะชาวจีน ตั้งแต่ช่วงที่ประเทศไทยมีมาตรการปิดประเทศ ปิดน่านฟ้า งดรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ รวมถึงห้ามคนในประเทศเดินทางออกนอกประเทศ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงอย่างต่อเนื่อง และคนในประเทศก็ไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ จึงทำให้อัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศลดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อรายได้ของร้านรับแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศอย่าง Superrich รวมถึงธุรกิจร้านแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศร้านอื่น ๆ ที่มีรายได้ลดลงเกินกว่าร้อยละ 20 - 90 ของรายได้ปกติหรือเมื่อเทียบกับในช่วงก่อนหน้าที่ยังไม่มีการเกิดโรคระบาด โดยสิ่งที่ทาง Superrich 1965 ดำเนินการเป็นประการแรกคือการตั้งโจทย์กับคำว่า "การลดต้นทุน" โดยได้ดำเนินมาตรการต่าง ๆ ในระยะเร่งด่วน เช่น การลดเงินเดือนผู้บริหาร การลดเวลาเปิดปิดของแต่ละสาขา หรือการปิดร้านในบางสาขา เป็นต้น ทั้งนี้ Superrich กำลังมีการวางแผนเพื่อปรับทิศทางของธุรกิจในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนรูปแบบการแลกเปลี่ยนเงินตราไปเป็นระบบดิจิตอลมากขึ้น หรือแม้แต่การเปลี่ยนไปทำธุรกิจใหม่เพื่อรองรับ New Normal ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หรือในส่วนของ Superrich Thailand ที่เน้นการสร้างภาพลักษณ์องค์กรเพื่อแสดงความจริงใจและความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ใช้บริการ เช่น กรณีที่มีผู้ติดเชื้อโควิด - 19 เข้ามาใช้บริการที่สาขาแห่งหนึ่งในช่วงแรก ๆ ที่เริ่มมีการแพร่ระบาดในประเทศไทย ทำให้ Superrich Thailand ติดสินใจปิดทุกสาขา ทันที เพื่อทำความสะอาดฆ่าเชื้อ และให้พนักงานทุกคนกักตัวเป็นเวลา 14 วัน เพื่อเฝ้าดูอาการ ซึ่งการปิดร้านดังกล่าวส่งผลกระทบอย่างหนักต่อรายได้ที่ลดลง แต่เป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดี เนื่องจากเป็นอีกวิธีหนึ่งที่สร้างผลในระยะยาวต่อองค์กร ทั้งนี้ Superrich Thailand ก็อยู่ระหว่างการปรับแผนการดำเนินงานเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง ซึ่งอาจมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือการให้บริการในรูปแบบใหม่ เช่นกัน ดังนั้นการดำเนินธุรกิจหรือใครที่ได้รับผลกระทบไม่ว่าจะในสถานการณ์ใดก็ตาม หากรู้จักการปรับตัว แม้ว่าจะต้องอยู่ในภาวะที่ยากลำบากที่สุดในช่วงของการปรับตัวนี้ แต่ไม่ว่าสถานการณ์จะยากเย็นเพียงใด แต่เชื่อว่ายังมีอีกหลายทางออกรออยู่ หากไม่ยอมลุกขึ้นมาปรับตัวต่อสู้ด้วยวิธีการใด วิธีการหนึ่ง ด้วยการพลิกมุมคิด หรือเปลี่ยนวิธีดำเนินการเพื่อให้สอดรับกับยุคสมัย ก็จะยิ่งทำให้ธุรกิจรวมถึงการดำรงชีวิตของเราย่ำแย่และกลายเป็นผู้แพ้ในท้ายที่สุด อ้างอิงแหล่งข้อมูลจาก NationThailand ภาพประกอบจาก SuperrichThailand ภาพหน้าปก, ภาพที่ 1, ภาพที่ 2, ภาพที่ 4, Superrich1965 ภาพที่ 3