การลงทุนในหุ้นก็เหมือนกับการรบ ต้องมีการวางแผน มีกลยุทธ์ ที่สำคัญคือการรับรู้ความเป็นไปของสังคม และจิตวิทยาของคนในตลาดหุ้น เปรียบได้กับรู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง แต่สำหรับตลาดหุ้น มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่จะลงทุนชนะไปได้ทุกครั้ง แต่ผู้มีประสบการณ์แนะนำว่า เล่นหุ้น 100 ครั้ง ชนะ 70 ครั้ง ก็สามารถทำให้ผลตอบแทนเป็นที่น่าพอใจได้แล้ว ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ได้นำประสบการณ์การลงทุนในหุ้นไทยช่วงระหว่างปี พ.ศ.2556-2557 (2013-2014) มาถ่ายทอดเป็นบทเรียนการลงทุนในหุ้นไทยช่วงที่ประเทศไทยอยู่ในวิกฤติทางการเมืองอย่างรุนแรงครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ เพื่อให้นักลงทุนรุ่นหลังได้เรียนรู้และปรับประยุกต์ใช้ตามความเหมาะสม เนื้อหาภายในเล่มธรรมะกับการลงทุน4 พลังการเมืองกับหุ้นไทยVI กับฟองสบู่VI กับชีวจิตคุณค่า(ทางจิตใจ) vs ราคาEconomies of ScaleFund FlowPE3หุ้นถูก-หุ้นแพงหุ้นที่(จะ)ใหญ่ที่สุดในตลาดหุ้นน่ากลัวหุ้นผู้บริโภคหุ้นโรงงานหุ้นล่าฝันตลาดหุ้น AECตลาดหุ้นเวียดตามInter Brandลงทุนระยะยาว-ยากบิดาแห่งตลาดหุ้นที่มีประสิทธิภาพแววเซียนหลักที่คนไม่ทำตามStocks Maniaเลือดนองตลาดสื่อสายฟ้าแลบกับการลงทุนหลีกเลี่ยงหายนะจากวิกฤติตลาดหุ้นกองทุนรวม สิ่งที่เจ้าของไม่มีสิทธิ์ควบคุมรู้เขา-รู้เรา เล่นหุ้น 100 ครั้ง ชนะ 70 ครั้งการทำใจยามหุ้นตกการค้นหาหุ้นเมกาเทรนด์จะขายหุ้นเมื่อไรจับคู่วิเคราะห์หุ้นทำงานไปลงทุนไปผลตอบแทนระยะสั้น-ยาว ของหุ้นฮอร์โมนกับการลงทุนก้าวเล็กๆในตลาดหุ้น - ก้าวที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตThe New Middle ClassAppreciate Thailandหาผู้ชนะบทเรียนจากกรุงปรากภาษาเปลี่ยนโลกแรงปรารถนาโรงเรียนสอนเปียโนโชว์ห่วยชีวิตที่เรียบง่ายเทคโนทำลายล้างธุรกิจโจร Sunset Industryนักลงทุนสายตาสั้น ความประทับใจที่ได้เรียนรู้ในมุมมองของครีเอเตอร์ ได้เรียนรู้การประเมินมูลค่าหุ้นด้วย PE คือ ราคาหุ้นต่อกำไรต่อหุ้นต่อปีของบริษัท มันสามารถบอกให้รู้ว่าถ้าเราลงทุนในหุ้นตัวนั้นจะใช้เวลาเท่าไรจึงจะคืนทุน เช่น ถ้าหุ้นมีค่า PE 15 เท่า ก็แปลว่า ถ้าลงทุนในหุ้นดังกล่าวจะใช้เวลา 15ปีจึงจะคืนทุน หากว่าบริษัทยังคงได้กำไรเท่าเดิมทุกปี ซึ่งนั่นเป็นจริงในทางทฤษฎี เพราะความจริงหุ้นมักปันผลต่ำกว่านั้น สมมติถ้าบริษัทกำไรไนหุ้นละ 1 บาทต่อปี จากหุ้นราคา 15 บาทต่อหุ้น ทำให้มีค่า PE 15 เท่า บริษัทต้องจ่ายปันผลปีละ 1 บาท เราถึงจะคืนทุนใน 15 ปี แต่ส่วนใหญ่บริษัทมักจ่ายปันผล 50% ของกำไร ดังนั้น ถ้าบริษัทจ่ายแค่ 0.50 บาท หุ้นที่ PE 15 เท่า ก็ต้องใช้เวลาคืนทุนถึง 30 ปี ได้เรียนรู้ว่าสาเหตุที่เราต้องใช้ค่า PE ในการประเมินมูลค่าหุ้น เพราะมันมีเหตุผลอยู่1.กำไรของบริษัทไม่มีทางเท่าเดิมทุกปี อีกทั้งมีความพยายามจะทำให้กำไรเพิ่มขึ้นทุกปี2.แม้บริษัทจะไม่ได้จ่ายปันผลจากกำไร 100% แต่กำไรส่วนที่เหลือบริษัทก็เอาลงทุนขยายกิจการเพิ่ม ก็ทำให้กำไรในอนาคตสูงขึ้น สรุปคือ ค่า PE จึงยังพอใช้ได้ในการบอกว่าหุ้นถูกหรือแพง ได้เรียนรู้ว่า ดร.นิเวศน์ ให้หลักการ PE3 คือดูว่าค่า PE ใน 3 ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไร สิ่งที่จะดูคือ ยอดขายของบรษัทจะเป็นเท่าไร แล้วคูณด้วย Profit Margin (กำไรต่อยอดขายที่ควรจะเป็นในอุตสาหกรรมนั้น) ถ้าผลออกมาว่าค่า PE3 ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น แปลว่าหุ้นตัวนั้นถูก ซึ่งอาจจะตัดสินใจซื้อ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับหุ้นน่ากลัวที่ผู้บริหารมักทำงานไม่โปร่งใส มักจะเป็นหุ้นกลุ่มเหล่านี้ เช่น1.หุ้นของบริษัทที่รับงานหน่วยงานของรัฐ เช่น งานรับเหมาก่อสร้างโครงการต่างๆเพราะมีรายจ่ายพิเศษที่คาดการณ์ไม่ได้ เพื่อให้งานส่งมอบได้ไม่ติดขัด2.หุ้นบริษัทที่ขายสินค้าโภคภัณฑ์ผ่านดีลเลอร์รายใหญ่ๆหรือตัวแทนที่ผู้บริหารเป็นเจ้าของ มันมียอดขายสูง แต่กำไรต่อยอดขายต่ำ หากผู้บริหารต้องการทำกำไรตัวเองให้สูงที่สุด ก็สามารถลดราคาขายให้ดีลเลอร์ที่เป็นบริษัทส่วนตัว อาจเป็นเปอร์เซ็นต์เล็กน้อย แต่ได้เงินมาก ถึงบริษัทเสียหายก็ช่างปะไร3.หุ้นบริษัทที่ซื้อกิจการหรือทรัพย์สินขนาดใหญ่จากบริษัท หรือคนที่ตรวจสอบไม่ได้ ไม่น่าเชื่อถือ4.หุ้นของบริษัทที่มีหนี้มากเมื่อเทียบกับยอดขาย หรือขนาดทรัพย์สิน หรือขนาดเงินทุนของบริษัท5.หุ้นกลุ่มให้ผลตอบแทนระยะยสั้นสูงมาก มันเป็นผลดีกับการเก็งกำไร แต่อันตรายในการลงทุนระยะยาว6.หุ้นบริษัทที่มีการเปลี่ยนแปลงธุรกิจใหม่บ่อยขึ้นเรื่อยๆ ความน่ากลัวคือธุรกิจใหม่ที่เข้าไปทำ อาจจะทำได้ไม่ดี ไม่มีความชำนาญเฉพาะด้าน ผลประกอบการก็ไม่ดีตามไปด้วย ข้อนี้รวมไปถึงหุ้นที่มีการใช้เครื่องทางการเงินอย่างการแตกพาร์เพื่อเพิ่มสภาพคล่องหุ้นก็เป็นสิ่งที่น่ากลัว7.หุ้นกลุ่มสินเชื่อที่มีการปล่อยกู้ให้กับกิจการต่างๆทั้งหมดนี้ไม่ใช่ว่าจะลงทุนไม่ได้ เพียงแต่หุ้นต้องมีราคาต่ำพอสำหรับการลงทุน สิ่งที่ครีเอเตอร์ปรับใช้กับการลงทุนหุ้นของตัวเองได้ ก็คงขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น ทั้งในปัจจุบันและที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ต้องยอมรับว่าเรื่องของเศรษฐกิจ การเมือง นโยบายรัฐ จิตวิทยาหมู่ของผู้คน การตลาด แผนการลงทุนของบริษัท ล้วนมีผลกระทบต่อนักลงทุนหุ้นรายย่อยอย่างเราแทบทั้งสิ้น ความรู้เหล่านี้แม้จะถูกเขียนมานานแล้ว แต่ถ้าเราหยิบยกบางแนวคิดไปใช้ให้เหมาะในสถานการณ์ลงทุนของเราก็ย่อมเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย เครดิตภาพภาพปก โดย freepik จาก freepik.comภาพที่ 1 และ 2 โดยผู้เขียนภาพที่ 3 โดย freepik จาก freepik.comภาพที่ 4 โดย jcomp จาก freepik.com บทความอื่นๆที่เกี่ยวข้องรีวิวหนังสือ Super Stock ในตลาดหุ้นเวียดนามรีวิวหนังสือ ลงทุนหุ้นท่ามกลางวิกฤติ โดย ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากรรีวิวหนังสือ ลงทุนแบบเฮดจ์ฟันด์ โดย ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากรรีวิวหนังสือ การลงทุนที่ดีที่สุดสำหรับมนุษย์เงินเดือนรีวิวหนังสือ ฝ่าวิกฤติหุ้นด้วย VI พันธุ์แท้ โดย ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร7-11 Community ห้องลับเมาท์มอยของกินของใช้ในเซเว่น อะไรดีอะไรใหม่ ต้องรู้ ต้องคุย ต้องแชร์