ภาพปกจาก American Cinematographer หลายคนคงจะรู้จักกับ Godzilla สัตว์ประหลาดยักษ์จากในภาพยนตร์หลายเรื่อง ไม่ว่าจะ Shin Godzilla จาก Toho ประเทศญี่ปุ่น หรือภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์อย่าง Godzilla : King of the Monsters จาก Hollywood แต่ถ้าใครที่ยังไม่รู้จักก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราจะพาทุกคนย้อนอดีตกันซักเล็กน้อย ในปี ค.ศ. 1954 เกิดเหตุการณ์ Daigo Fukuryu Maru (Lucky Dragon No.5) เป็นเหตุการณ์ที่เรือประมงของชาวญี่ปุ่น ได้รับผลกระทบจากการทดลองระเบิดไฮโดรเจนของประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ Bikini Atoll ในหมู่เกาะมาร์แชลล์ ส่งผลให้ลูกเรือได้รับผลกระทบจากรังสีที่ได้รับนี้ ไม่ว่าจะผมร่วง มีตุ่มขึ้นตามตัว คลื่นไส้ อาเจียน และมีลูกเรือเสียชีวิตภายหลังจากการกลับมารักษาตัวอีก 1 ราย ซึ่งเหตุการณ์นี้เองเป็นแรงบันดาลใจให้กำเนิดภาพยนตร์ Godzilla เรื่องแรกในปีเดียวกัน เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจของความร้ายแรงจากระเบิดนิวเคลียร์และผลกระทบของสารกัมมันตรังสี และหลังจากนั้นก็ได้มีภาพยนตร์ Godzilla อีกหลายเวอร์ชันผลิตตามมากว่า 30 เรื่อง ซึ่งถึงแม้ต้นกำเนิดของ Godzilla ในแต่ละเวอร์ชัน จะมีความแตกต่างกัน แต่สิ่งที่เหมือนกันของ Godzilla เกือบทุกภาคคือเป็นสัตว์ประหลาดที่จะปล่อยรังสีออกมาจากตัว ทั้งเส้นทางที่เดินผ่านหรือลำแสงที่ปล่อยออกมา ซึ่งรังสีนี้ส่งผลร้ายต่อทั้งมนุษย์และสิ่งแวดล้อมในหลายๆแง่มุม ดังนั้นบทความนี้จะมาแสดงให้ทุกคนเห็นภาพง่ายๆว่า ถ้ามี Godzilla บุกขึ้นชายฝั่งมายังประเทศไทยจริงๆ จะเกิดอะไรขึ้นบ้างในแง่ผลกระทบจากรังสีต่อผู้คนและสิ่งแวดล้อม และต้องรับมืออย่างไร โดยจะเทียบสถานการณ์กับภาพยนตร์ Shin Godzilla (2016) เนื่องจากเป็นภาคที่มีการพูดถึงการบริหารจัดการกับภัยพิบัติมากที่สุดภาพที่ 1 จาก Daigo Fukuryu Maru Exhibition Hallภาพที่ 2 จาก IMDb เมื่อเกิดอุบัติเหตุทางรังสีขึ้นแต่ละประเทศจะมีการเตรียมแผนฉุกเฉินสำหรับรับมือเหตุการณ์นั้นไว้ก่อนเสมอ แต่คงไม่มีประเทศไหนที่มีแผนฉุกเฉินสำหรับรองรับเหตุการณ์สัตว์ประหลาดยักษ์กัมมันตรังสีบุกขึ้นมาทำลายเมือง ฉะนั้นในเหตุการณ์ต่างๆที่จะเกิดขึ้น จะขอนำกฎหมายหรือแนวทางปฏิบัติสากลที่มีอยู่ที่ใกล้เคียงกับเหตุการณ์นั้นมาใช้จัดการแทน ภาพที่ 3 จาก Scified แต่ก่อนอื่นเราต้องมารู้จักกับคำศัพท์ต่างๆที่มีความเกี่ยวข้องกับบทความนี้ก่อนครึ่งชีวิต คือ เวลาที่สารกัมมันตรังสีสลายตัวลดลงเหลือครึ่งหนึ่งปริมาณรังสีสมมูล (Equivalent Dose) คือ ผลรวมของปริมาณรังสีดูดกลืนในเนื้อเยื่อหรืออวัยวะต่าง ๆ ของมนุษย์ หลังจากการปรับเทียบการก่ออันตรายของรังสีทุกชนิดที่อวัยวะนั้นได้รับ โดยเทียบกับการก่ออันตรายของรังสีแกมมา มีหน่วยเป็น Svปริมาณรังสียังผล (Effective Dose) คือ ผลรวมปริมาณรังสีสมมูลหลังจากปรับเทียบสภาพไวต่อรังสีของแต่ละเนื้อเยื่อหรืออวัยวะทั่วร่างกาย มีหน่วยเป็น Sv เหตุการณ์แรกที่จะเกิดขึ้นหลังจาก Godzilla ได้ขึ้นมาทำลายบ้านเมืองก็คือ มีรังสีถูกปล่อยออกมาตามเส้นทางที่ Godzilla เดินผ่าน ส่งผลให้มีรังสีตกค้างในบริเวณนั้น ซึ่งเกิดคำถามต่อมาว่า แล้วรังสีเหล่านั้นมันมากแค่ไหน ในฉากหนึ่งจากภาพยนตร์มีการพูดถึงการตกค้างตามเส้นทางที่ Godzilla เดินผ่านว่า “ระดับรังสีเท่านี้ไม่ถึงขั้นต้องอพยพคน” แสดงว่ารังสีในบริเวณนั้นมีปริมาณไม่มาก จากกฎกระทรวงความปลอดภัยทางรังสี พ.ศ. ๒๕๖๑ บุคคลทั่วไปสามารถรับปริมาณรังสียังผลได้ไม่เกิน 1 mSv ต่อปี และอาจเกินกำหนดต่อปีได้ แต่ปริมาณรังสียังผลเฉลี่ยตลอดช่วง 5 ปีจะต้องไม่เกิน 1 mSv ต่อปี ดังนั้นสำหรับประชาชนทั่วไปอาจไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง เพราะถึงแม้จะไม่อพยพปริมาณรังสียังผลก็จะไม่เกิน 1 mSv ต่อปีทำให้ไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกาย แต่สำหรับบุคคลที่ได้รับรังสีจากแหล่งอื่นๆ เช่น เจ้าหน้าที่รังสีในโรงพยาบาล ที่ปกติได้รับรังสีมากกว่าคนทั่วไปอยู่แล้ว ยังได้รับรังสีที่ตกค้างนี้อีก ทำให้ต้องเฝ้าระวังหาพื้นที่ที่อยู่อาศัยชั่วคราวให้สำหรับบุคคลในกลุ่มนี้ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อร่างกาย นอกจากถ้าใครรู้จักกับ Godzilla ย่อมรู้จักกับ Atomic Breath หรือลมหายใจปรมาณู ซึ่งเป็นลำแสงที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง และยังมีระดับรังสีที่ปล่อยออกมาสูงมาก ทำให้พื้นที่ที่ Godzilla มีการใช้ Atomic Breath จะมีสารกัมมันตรังสีตกค้างอยู่ในปริมาณมาก ซึ่งสิ่งที่ต้องทำคืออพยพคนในพื้นที่ที่มีความเข้มข้นของรังสีสูงนี้ออกไปยังพื้นที่พักอาศัยชั่วคราวหรือถาวร จนกว่าระดับรังสีบริเวณนั้นจะลดลงจนอยู่ในระดับที่ปลอดภัย เพราะถ้ายังอาศัยอยู่บริเวณนั้นอาจทำให้ประชาชนทั่วไปได้รับรังสียังผลเกินปริมาณที่ควรได้รับได้ และในฉากสุดท้ายก่อนจบภาพยนตร์ มีการพูดถึงรังสีตกค้างเหล่านั้นไว้ว่า “สารที่ Godzilla ปล่อย มีครึ่งชีวิตที่ 20 วัน แค่เดือนเดียวก็ลดลงครึ่งหนึ่ง และจะหมดไปใน 2-3 ปี” จึงใช้เวลาไม่นานก็จะสามารถกลับเข้าไปอยู่อาศัยในบริเวณเดิมได้ ทำให้อาจไม่จำเป็นต้องหาที่อยู่ใหม่ในระยะยาว ต่างจากอุบัติเหตุที่เคยเกิดขึ้นในอดีต เช่น โรงไฟฟ้า Chernobyl ที่สารกัมมันตรังสีนั้นมีครึ่งชีวิตที่ยาวนาน ทำให้ต้องใช้เวลานานนับหลายร้อยจนถึงหลายพันปี ถึงจะสามารถกลับเข้าไปอยู่อาศัยอย่างปกติได้ ภาพที่ 4 จาก IMDb นอกจากผลกระทบของรังสีต่อพื้นที่ที่อยู่อาศัยของมนุษย์แล้ว ต้องอย่าลืมคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วย ไม่ว่าจะเป็นสัตว์บก สัตว์น้ำ ต้นไม้ แหล่งน้ำ ฯลฯ เพราะไม่ใช่มีเพียงแค่คนเท่านั้นที่จะได้รับผลกระทบ โดยต้องทำการประเมินเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมหลังจากเกิดเหตุการณ์ขึ้นจนไปถึงระยะยาว เนื่องจากรังสีสามารถส่งผลทั้งระยะสั้นและระยะยาวต่อสิ่งแวดล้อม ผลกระทบระยะสั้น เช่น ทำให้เกิดการตายของสิ่งมีชีวิต หรือผลกระทบระยะยาว เช่น การตกค้างของสารกัมมันตรังสีในแหล่งน้ำ รวมไปถึงการกลายพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต ทำให้ต้องมีการประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอยู่เสมอ ภาพที่ 5 จาก Ministry of the Environment, Japan จากทั้งหมดในบทความข้างต้นล้วนเป็นสิ่งที่ต้องทำโดยย่อหลังจากเหตุการณ์ที่มี Godzilla บุกขึ้นมาทำลายเมืองจริงๆ ซึ่งทั้งหมดต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของมนุษย์และสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ เพื่อลดความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้นจากรังสี ถึงแม้ในความเป็นจริงอาจจะไม่มี Godzilla บุกขึ้นมาทำลายเมืองแล้วทิ้งสารกัมมันตรังสีไว้แล้วก็จากไป แต่ยังมีสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้นั่นก็คือ อุบัติเหตุและการก่ออาชญากรรมทางนิวเคลียร์และรังสี ซึ่งมีทั้งสิ่งที่สามารถคาดการณ์ได้และไม่สามารถคาดการณ์ได้ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นแบบไหนก็ล้วนจำเป็นที่จะต้องมีการเตรียมพร้อมรับมืออยู่เสมอ และมีแผนฉุกเฉินสำหรับรองรับเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นเพื่อจำกัดความเสียหายให้ได้มากที่สุด นอกจากนี้ในอดีตเราเคยมีบทเรียนหลายๆอย่างจากอุบัติเหตุที่เคยเกิดขึ้น ไม่ว่าจะจากความประมาทของมนุษย์ ความผิดพลาดของอุปกรณ์ หรือแม้แต่ภัยธรรมชาติ แต่บทเรียนเหล่านั้นจะไม่มีความหมายอะไรเลย ถ้าเราไม่เรียนรู้จากความผิดพลาดนั้น และนำไปปฏิบัติให้ดีขึ้น ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพื่อใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นความรับผิดชอบต่อเพื่อนมนุษย์ทุกคนบนโลกไม่ให้เกิดความสูญเสียดั่งเช่นเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีตนั่นเองอัปเดตความรู้ใหม่ ๆ อีกมากมาย โหลดเลยที่ App TrueID ฟรี !