SNNP เปิดงบ Q1/65 กำไรสุทธิ 105 ล้าน โตเฉียด 90% ส่งซิกไตรมาสหน้าลุ้นนิวไฮ ยอดขายกระฉูดอีก
นายวิโรจน์ วชิรเดชกุล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานธุรกิจในประเทศ บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) (SNNP) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯในไตรมาส 1/65 มีรายได้รวม 1,133 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 111 ล้านบาท หรือ 10.9% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนที่ปรับปรุงแล้วมีรายได้รวม 1,022 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ 105 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิจากธุรกิจหลัก 113 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53 ล้านบาท หรือ 89.3% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิจากธุรกิจหลัก ซึ่งไม่รวมกำไรพิเศษ 60 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยหนุนจากยอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง หลังบริษัทฯส่งสินค้าใหม่บุกตลาด และควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“รายได้และกำไรในไตรมาส 1/65 เติบโตโดยได้รับปัจจัยหนุนจากยอดขายในประเทศที่โตต่อเนื่องติดต่อกันจากช่วงไตรมาส 4 ปี 2564 โดยฟื้นตัวมากๆ ในช่องทางของโมเดิร์นเทรด และสินค้าใหม่ที่ออกมา ได้แก่ เจเล่ชิววี่ น้ำกัญชาสกัดเมจิกฟาร์ม ขนมรูปน่องไก่โลตัส ผสมใบกัญชา และขนมรูปน่องไก่โลตัส ผสมเมล็ดกัญชง รวมถึงโลตัสหนังไก่ถอด ช่วยให้ยอดขายในประเทศเติบโต ทำให้ตลาดขนมคบเคี้ยวมีความคึกคัก ได้การตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มผู้บริโภค แม้จะเผชิญสถานการณ์ราคาวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลังของปี 2564 ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้น Q1/65 ปรับตัวดีขึ้นที่ 27.4% จากปีก่อนหน้า 26.3% จากการควบคุมประสิทธิภาพในการผลิตที่ดี และการเน้นในการออกสินค้าใหม่ที่ให้คุณค่าแก่ผู้บริโภคที่สูงขึ้น และมีอัตรากำไรที่ดีขึ้นเช่นกัน ส่วนตลาดต่างประเทศก็ฟื้นตัวดีทุกประเทศ โดยยอดขายในต่างประเทศเติบโต 26.6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ในภาพรวมของยอดขายของบริษัทฯเติบโต 10.9% เมื่อเทียบกับยอดขายที่ปรับปรุงแล้วในปีก่อนหน้า” นายวิโรจน์ กล่าว
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2565 บริษัทฯตั้งเป้าหมายรายได้แตะที่ระดับ 5,000 ล้านบาท และลุ้นผลงานเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งโดยปกติในช่วงไตรมาสที่ 2 และช่วงปลายปีเป็นช่วงไฮซีซันในการขายสินค้าของบริษัทฯ ซึ่งน่าจะเติบโตได้ดีทำให้มั่นว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส2 ของปีนี้มีโอกาสที่ผลดำเนินงานจะทำสถิติสูงสุดใหม่ โดยเฉพาะช่องทาง โมเดิร์นเทรด ที่ซบเซามานานในช่วง COVID-19 ประกอบกับบริษัทฯมีแผนปรับโฉมสินค้าแบรนด์หลักของบริษัทฯ เพื่อเป็นการสร้างกระแสให้กับกลุ่มผู้บริโภคครั้งใหญ่ในช่วงไตรมาส 3 ที่จะถึงนี้ รวมถึงตลาดต่างประเทศที่บริษัทฯขยายช่องทาง และลงทุนสร้างฐานธุรกิจไว้ล่วงหน้า ไม่ว่าจะเวียดนาม กัมพูชา หรือ ประเทศส่งออกอื่นๆ ก็น่าจะเติบโตได้ดีขึ้นเรื่อยๆทุกไตรมาส ทั้งนี้บริษัทฯเตรียมจัดตั้งโรงงานแห่งใหม่ในอินโดนีเซีย เพื่อผลิตสินค้าเพื่อขายในประเทศอินโดนีเซีย คาดว่าจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้อย่างเร็วภายในปลายปีนี้ หรือไม่เกินช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 ผลักดันรายได้และกำไรเติบโตอย่างต่อเนื่อง