รีเซต

สธ.เผยอาจต้องพิจารณาเปิดสถานบันเทิงใหม่อีกครั้ง-ขอให้ตรวจ ATK ทุก 3 วัน

สธ.เผยอาจต้องพิจารณาเปิดสถานบันเทิงใหม่อีกครั้ง-ขอให้ตรวจ ATK ทุก 3 วัน
TNN ช่อง16
4 มกราคม 2565 ( 15:29 )
46
สธ.เผยอาจต้องพิจารณาเปิดสถานบันเทิงใหม่อีกครั้ง-ขอให้ตรวจ ATK ทุก 3 วัน

วันนี้( 4 ม.ค.65) นายแพทย์ โอภาสการย์ กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุถึงสถานการณ์โควิด-19 ระบุว่า ในช่วงที่ผ่านมาพบผู้ติดเชื้อโควิดที่มาจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยข้อมูล 1-3 มกราคม ติดเชื้อสะสม 437 ราย เปิดมาตรการที่ผ่านมาคือระงับการเดินทางเข้าประเทศด้วยระบบ Test&Go และหากเข้ามาจะต้องเข้าสู่ระบบแซนด์บ็อกซ์และการกักตัว โดยสถานการณ์การติดเชื้อในวันนี้ พบว่าผู้ป่วยติดเชื้อที่รักษาในโรงพยาบาล มีภาวะปอดอักเสบและใส่ท่อช่วยหายใจลดลง

ส่วนสถานการณ์ติดเชื้อโควิดประเทศไทยใหม่หลังปีใหม่ พบ 5 จังหวัดติดเชื้อสูงสุด อันดับ1 ชลบุรี พบผู้ติดเชื้อสูงสุด โดยวันนี้มีรายงานเพิ่ม 499 คน , กรุงเทพฯ เพิ่ม 376 คน , อุบลราชธานี 328 คน , ภูเก็ต 149 คน , สมุทรปราการ 120 คน และ เชียงใหม่ 117 คน 

จากการสอบสวนโรค พบว่า ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่พบในกลุ่มที่มีการทำกิจกรรมในสถานที่แออัด สวนอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยโควิดในไทยส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปและมีโรคประจำตัวเรื้อรัง 

ทั้งนี้ เน้นย้ำ ประชาชนหลีกเลี่ยงการรวมกลุ่มอย่างสถานประกอบการร้านอาหารที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดโควิด-19 เช่นสถานที่ปิดทึบ ระบบหมุนเวียนในระบายอากาศไม่ดี นั่งติดกันไม่เว้นระยะห่างเป็นต้น 

ก่อนหน้านี้กรมควบคุมโรคได้ คาดการณ์มาตรการป้องกันควบคุมโรคไตรมาส 1 ปี 65 คือ หลังช่วงปีใหม่ หากไม่ปฏิบัติตามมาตรการใดๆเลยจะมีผู้ติดเชื้อสูงถึง 3 หมื่นคน แต่หากปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขมีการฉีดวัคซีนโควิดที่ครอบคลุมจะทำให้สถานการณ์การติดเชื้อไม่รุนแรงขึ้น และจะทำให้ชะลอการแพร่ระบาดต่างๆได้ 

อธิบดีกรมควบคุมโรค ยังระบุอีกว่า ปีนี้ถือเป็นปีที่ 3 ที่มีการระบาด โควิด-19 แนวโน้มอาจจะกลายเป็นโรคประจำถิ่น โดยเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอน ข้อมูลล่าสุด คือ แพร่เชื้อได้เร็ว ติดง่ายขึ้น แต่อาการน้อยไม่รุนแรง มาตรการที่เร่งทำคือการเร่งฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้ประชาชนให้ได้มากที่สุดเพื่อมีภูมิคุ้มกัน 

สถานการณ์โควิด-19 ขณะนี้ มีแนวโน้มพบผู้ติดเชื้อที่มีอาการหนักเสียชีวิตลดลง แต่มีสัญญาณในการพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น หลังกลับมาจากเดินทางต่างจังหวัดในช่วงปีใหม่โดยเฉพาะจังหวัดท่องเที่ยวและจังหวัดที่ผู้เดินทางกลับภูมิลำเนาจำนวนมาก เช่น ชลบุรี อุดรธานี อุบลราชธานี ภูเก็ต เชียงใหม่ และ จังหวัดเมืองรองขณะเดียวกันก็พบการระบาดเป็นกลุ่มก้อนในร้านอาหารกึ่งผับหลายแห่ง โดยพบว่า มีการรับลูกค้าเกินจำนวน มีสภาพความแออัด และไม่ปฏิบัติตามมาตรการโควิดฟรีเซทติ้ง ขาดการควบคุม กำกับของเจ้าของร้าน โดยได้กำชับให้จังหวัดบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดในกลุ่มที่ฝ่าฝืน

ประชาชนที่กลับจากต่างจังหวัดให้เฝ้าสังเกตอาการ 14 วันและทำงานที่บ้านในสัปดาห์แรกพร้อมตรวจ Antigen test kit (แอนติเจน เทสต์ คิท) อย่างน้อย 2 ครั้งห่างกัน 3 วัน ก่อนกลับเข้าทำงาน ผู้ประกอบการ ควรมีมาตรการทำงานที่บ้านเพื่อเฝ้าระวังอาการป่วย ตรวจคัดกรองเชื้อพนักงานทุกคนก่อนกลับเข้าทำงาน โดยไม่ได้มีการประกาศให้ปิดบริษัทหรือปิดโรงงานแต่อย่างใด โดยเน้นมาตรการคัดกรองพนักงานหากพบติดเชื้อให้แยกออกมาเพื่อทำการรักษา 

ขณะที่ การพิจารณาเปิด สถานบันเทิงผับบาร์ อาจจะต้องมีการพิจารณาใหม่อีกครั้ง โดยจะดูสถานการณ์ต่ออีก 1 เดือน ซึ่ง2 สัปดาห์แรกจะดูสถานการณ์ผู้ติดเชื้อก่อน และ 2 สัปดาห์ที่หลังจะดูอัตราการเสียชีวิต

อย่างไรก็ตามกรมควบคุมโรคพยายามที่จะชะลอการระบาดโควิด ของสายพันธุ์ โอมิครอน ให้ได้มากที่สุด จึงขอความร่วมมือประชาชนหลีกเลี่ยงไปยังสถานที่เสี่ยง และการรวมกลุ่มของคนหมู่มาก แม้อาการของโอมิครอน จะไม่รุนแรงเท่ากับสายพันธุ์เดลตา แต่กระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมพร้อมทั้งการรักษาโดนกลุ่มที่ไม่มีอาการ หรืออาการน้อยจะเป็นการรักษาที่บ้านและเตียง เวชภัณฑ์ยาที่พร้อมไว้แล้ว

สำหรับประชาชน ที่รับวัคซีนโควิด ครบ 2 เข็ม ก่อนวันที่ 1 พฤศจิกายนขอให้รับวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 ได้ที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน หรือสาธารณสุขจังหวัด หรือสำนักอนามัยกรุงเทพมหานคร ส่วนบุคลากรในการแพทย์ เจ้าหน้าที่ด้านหน้าและประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่ฉีดวัคซีนโควิดเข็ม 3 ไปแล้วเกิน 3 เดือนให้ไปรับวัคซีนเข็มที่ 4 ได้

ส่วนตอนนี้การเข้ามาระบบแซนด์บ็อกซ์ อนุญาตได้ที่เดียว คือ เข้าจังหวัดภูเก็ต แต่หากจังหวัดใดอยากขอปรับให้เป็นพื้นที่การเข้าประเทศแบบ แซนด์บ็อกซ์ จะต้องมีการเตรียมความพร้อมมาตรการต่างๆประชาชนในพื้นที่และโรงแรม โดยตอนนี้มีการชะลอเข้าประเทศด้วยระบบ Test&Go ทาง ศบค.ไม่อนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาด้วยระบบ Test&Go ตั้งแต่เดือนที่แล้วซึ่งหากสถานการณ์การระบาดจากทั่วโลกยังไม่ดีขึ้นและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ก็ยังคงต้องชะลอและระงับไปก่อน 

กรณีรายงานจากประเทศอิสราเอล ที่พบการติดเชื้อโควิดพร้อมกับไข้หวัดใหญ่ นายแพทย์โอภาส ระบุว่า เป็นผู้หญิงตั้งครรภ์ตามข่าวอาการไม่รุนแรงและอาการหายเป็นปกติ แต่ทางการแพทย์ การติดเชื้อ 2 ชนิดในคนคนเดียวกันสามารถเป็นไปได้ โดยย้ำไม่ต้องวิตกกังวลป้องกันได้คือการใส่หน้ากากอนามัยเว้นระยะห่างล้างมือบ่อยๆ และทั้งสองโลกนี้ก็มีวัคซีนในการป้องกันแล้ว โดยทั้ง 2โรค เป็นเชื้อไวรัสเหมือนกันแต่คนละสายพันธุ์ แต่ไม่รวมตัวกันจนเกิดเป็นสายพันธุ์ใหม่ที่น่ากลัว 

โดยอาการของไข้หวัดใหญ่ที่พบ เช่น เป็นไข้ปวดหัว ไอ มีอาการปอดบวม ส่วนโควิดจะมีอาการไข้ไอเจ็บคอปอดบวม ทำให้เสียชีวิตได้ ซึ่งจะมีอาการแรงกว่าไข้หวัดใหญ่





ภาพจาก AFP

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง