สำหรับมือใหม่หัดเลี้ยงแคคตัส เวลาเลือกซื้อแคคตัสส่วนใหญ่ก็จะตัดสินใจจากรูปร่างหน้าตาของลำต้นและลักษณะหนามของเค้าเป็นหลัก ต้นไหนที่มีรูปร่างหน้าตาน่ารักหรือมีลวดลายของหนามที่แปลกตาก็มักจะถูกเลือกซื้อไป ทำให้แคคตัสที่หน้าตาธรรมดา ๆ ไร้ซึ่งจุดเด่นอย่างโลบิเวีย (Lobivia) นั้นมักจะถูกมองข้ามไปอยู่เสมอภาพถ่ายจาก ผู้เขียนโลบิเวียหน้าตาเป็นอย่างไร ?ลักษณะโดยทั่วไปของแคคตัสสายพันธุ์โลบิเวียจะมีลำต้นเป็นสีเขียวเข้ม แต่บางสายพันธุ์อาจมีผิวเข้มออกสีดำได้ มีสันพูเกือบยี่สิบพูยกนูนรอบลำต้นและมีหนามแหลมสั้นยื่นออกมาตามแนวสันพู เนื่องจากปลายหนามนั้นไม่ค่อยคมเท่าไรนัก จึงทำให้เราสามารถหยิบจับลำต้นโลบิเวียด้วยมือเปล่าได้โดยไม่รู้สึกเจ็บสักเท่าไรโดยทั่วไปรูปทรงของโลบิเวียควรจะเป็นแคคตัสหัวกลมแต่หากได้รับแสงแดดน้อยหรือเลี้ยงในที่ร่มก็จะทำให้ลำต้นของเค้าค่อย ๆ ยืดยาวขึ้นเพื่อหาแสง ดังนั้นหากต้องการเลี้ยงให้มีหัวกลมสวยไม่เสียทรงควรจะวางกระถางโลบิเวียไว้ในจุดที่ได้รับแสงแดดอย่างน้อยครึ่งวันช่วงเช้า ส่วนการรดน้ำก็ไม่แตกต่างจากแคคตัสสายพันธุ์อื่นคือให้รดน้ำเมื่อดินแห้ง ระวังเรื่องความชื้นสะสมเพราะอาจทำให้ต้นเน่าได้ภาพถ่ายจาก ผู้เขียนการขยายพันธุ์โลบิเวียโลบิเวียเป็นแคคตัสที่สามารถขยายพันธุ์ได้ง่ายมากโดยการชำหน่อ คือการเด็ดหน่อจากต้นแม่ ทิ้งไว้ให้แผลรอยเด็ดแห้งก่อนแล้วจึงนำลงปลูกในดินปลูกแคคตัส รดน้ำเพื่อให้ความชื้นอย่างสม่ำเสมอ เพียงไม่นานหน่อโลบิเวียที่เราเด็ดมาชำก็จะเริ่มงอกรากออกมาแล้ว สามารถสังเกตได้โดยการลองขยับหน่อที่ชำเบา ๆ หากขยับเขยื้อนได้ยากก็แปลว่าหน่อนี้มีรากงอกยาวพอสมควรแล้วและอีกวิธีหนึ่งในการขยายพันธุ์โลบิเวียก็คือการเพาะเมล็ด ซึ่งเมล็ดนั้นจะได้จากการผสมเกสรข้ามต้นกันระหว่างเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมีย หากสามารถผสมเกสรได้สำเร็จก็จะได้เป็นเมล็ดพันธุ์ออกมาเพื่อนำไปปลูกต่อไป การขยายพันธุ์ด้วยวิธีนี้ข้อดีคือทำให้ได้โลบิเวียที่มีลักษณะดอกแตกต่างไปจากเดิม เนื่องจากมีพันธุกรรมของทั้งต้นพ่อและต้นแม่ผสมอยู่ และอาจทำให้เมล็ดแต่ละเมล็ดที่เพาะได้มีลักษณะดอกที่ไม่เหมือนกันได้อีกด้วย ต่างจากการชำหน่อที่เมื่อออกดอกจะพบว่ามีลักษณะทุกประการเช่นเดียวกับต้นแม่เสมอภาพถ่ายจาก ผู้เขียนต้นไม่สวย แต่ดอกสวยมากจุดเด่นอย่างเดียวที่แคคตัสสายพันธุ์โลบิเวียมีก็คือลักษณะดอกที่มีความสวยงามหลากหลาย ถึงแม้ส่วนลำต้นของโลบิเวียแต่ละสายพันธุ์จะค่อนข้างเหมือนกันแต่ว่าสีดอกของเค้านั้นกลับมีความแตกต่างกันเป็นอย่างมาก โดยจะมีตั้งแต่สีขาว ชมพู เหลือง ส้ม แดง ที่เฉดความเข้มอ่อนต่างกันไป ไปจนถึงสีผสม เช่นสีเหลืองลายสีแดง สีขาวลายสีชมพู นอกจากนี้ลักษณะกลีบดอกของโลบิเวียยังมีความแตกต่างกันได้ โดยทั่วไปกลีบดอกจะมีลักษณะรีแหลมปลาย แต่บางสายพันธุ์อาจมีกลีบดอกซ้อนกันหลายชั้นเหมือนกลีบกุหลาบ มีกลีบดอกเป็นริ้วเหมือนริบบิ้นพับ กลีบดอกแบบเป็นฝอย ๆ หรืออาจมีกลีบดอกหลากหลายรูปแบบผสมกันอยู่ในดอกเดียวก็ได้ และสำหรับราคาของโลบิเวียก็จะขึ้นอยู่กับความสวยงามและความหายากของลักษณะดอก ถ้าเป็นสีพื้น ๆ สีเดียวทั่วไปอย่างสีส้มหรือสีเหลืองก็จะหาซื้อได้ง่ายและราคาถูก แต่หากยิ่งมีลักษณะดอกสวยมาก สามารถพบเห็นได้น้อย หรือเป็นดอกสีใหม่ที่เกิดจากการเพาะพันธุ์ของเมล็ดจากต้นพ่อและต้นแม่ที่ยังไม่เคยมีใครจับผสมพันธุ์กันมาก่อนก็จะยิ่งมีมูลค่าที่เพิ่มสูงขึ้นภาพถ่ายจาก ผู้เขียนทำอย่างไรให้โลบิเวียออกดอกการออกดอกของโลบิเวียนั้นจะไม่ขึ้นอยู่กับความเล็กใหญ่ของลำต้นเพียงอย่างเดียว แต่จะขึ้นกับอายุของต้น ความสมบูรณ์ของลำต้นและความแข็งแรงของรากเป็นหลัก เพราะโลบิเวียต้นเล็กก็สามารถให้ดอกให้ชมได้เช่นกัน ดังนั้นหากใครอยากให้โลบิเวียออกดอกก็ต้องปลูกเค้าในดินที่มีความโปร่งและมีธาตุอาหารอย่างครบถ้วนด้วยความหลากหลายของลักษณะดอกโลบิเวียนี้เอง จึงทำให้แคคตัสสายพันธุ์นี้เป็นที่ต้องตาต้องใจของเหล่านักสะสมแคคตัสสายดอกเรื่อยมา เพราะแคคตัสสายพันธุ์อื่นส่วนใหญ่จะมีลักษณะดอกที่เหมือนกันแตกต่างกันเพียงแค่สีเท่านั้น ส่วนสีดอกของโลบิเวียยังสามารถพัฒนาไปได้อย่างไม่จำกัด แต่สิ่งที่น่าเสียดายที่สุดสำหรับแคคตัสสายพันธุ์นี้ก็คือดอกของเค้าจะสามารถบานอยู่ได้เพียงหนึ่งถึงสองวันเท่านั้น หลังจากนั้นกลีบและก้านดอกก็จะเหี่ยวโรยราไปที่สุด และความสวยงามของดอกโลบิเวียก็ยังแลกมาด้วยการที่ไม่มีกลิ่นหอมอีกด้วยภาพถ่ายจาก ผู้เขียนและสำหรับใครที่สนใจอยากจะลองเลี้ยงโลบิเวียดูบ้าง ก็สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายกระบองเพชรทั่วไป และหากอยากจะชมความสวยงามของดอกโลบิเวียด้วยละก็ ขอแนะนำให้เลือกซื้อต้นที่ติดตุ่มดอกกลับมาเลี้ยงที่บ้านนะคะ ใช้เวลาไม่นานเกินรอก็จะได้ชมดอกสวย ๆ ของโลบิเวียอย่างแน่นอนค่ะ