BJCต่างชาติแน่นยอดถล่ม ผนึกโชห่วยเร่งโดนใจ
#BJC #ทันหุ้น – BJC รับต่างชาติเข้าพรึ่บดันสาขาท่องเที่ยวยอดขายทะยาน ชี้เฉพาะบิ๊กซีราชดำริทะลักวันละ 11 ล้านบาท ชูค่าเช่ากลับมา ทัวร์จีนเข้าดันยอดอีก เดินหน้าขยายสาขาต่อเนื่อง จริงจังผสานโชห่วยขึ้น “ร้านโดนใจ” ชี้จุดแข็งดันเติบโตสะดวก เป้าปีนี้ 8 พันร้านค้า ก่อนขยายสู่ 3 หมื่นร้านค้า ปี 2570 เร่งติดโซลาร์รูฟลดค่าไฟฟ้า
นางวิภาดา ดวงรัตน์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ห้างค้าปลีกในกลุ่ม บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC เปิดเผยว่า สถานการณ์ของห้างค้าปลีกบิ๊กซีขณะนี้ได้รับผลดีจากการเปิดประเทศ สาขาบิ๊กซีที่อยู่ในเขตท่องเที่ยวขณะนี้มียอดขายกลับมาสูงขึ้น โดยเฉพาะบิ๊กซีราชดำริที่มีรายได้กลับมาอยู่ในระดับ 10-11 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งเป็นระดับที่ใกล้เคียงปกติก่อนโควิด และข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลก่อนที่ทัวร์จีนจะเริ่มเข้ามาในไทย 6 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมามีกลุ่มนักท่องเที่ยวเวียดนามเข้ามามีรถทัวร์ต่อวันถึง 94 คัน ในสาขาบิ๊กซีราชดำริ
ดังนั้นเชื่อว่าการที่ทัวร์จีนเข้ามาตั้งแต่ 6 กุมภาพันธ์มีแนวโน้มจะช่วยหนุนยอดขายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทได้เตรียมการรองรับนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นแล้ว มีการเตรียมสถานที่จอดรถต่างๆ เพื่อป้องกันการจราจรติดขัด
นางวิภาดา กล่าวด้วย ทัวร์จีนที่กลับมาและจะช่วยส่งเสริมรายได้พื้นที่ของบิ๊กซีด้วย โดยเฉพาะสาขาท่องเที่ยวยังจะได้รับค่าเช่ามากขึ้นด้วย ตามจำนวนทราฟฟิกที่มากขึ้น บริษัทยังคงเดินหน้าขยายสาขาอย่างต่อเนื่องในปีนี้ทั้งในส่วนของ ไฮเปอร์มาร์เก็ต ตลอดจน มินิบิ๊กซี
@เร่งขยายร้านโดนใจ
พร้อมกันนี้บริษัทยังจะเร่งขยายโมเดลธุรกิจ "ร้านโดนใจ" ซึ่งเป็นโมเดลที่ดี ที่จะช่วยผู้ประกอบการโชห่วยของไทยให้มีการระบบบริหารจัดการที่ดีและเติบโตไปได้ในระยะยาว ด้วยการนำระบบ POS หรือระบบขายหน้าร้าน การให้คำปรึกษาทางธุรกิจจากทีมผู้เชี่ยวชาญเข้ามาเติมเต็ม
จุดเด่นของ "โดนใจ" คือ ผู้ประกอบการร้านค้าโชห่วยสามารถเลือกลงทุนและสินค้าที่จำหน่ายได้เอง โดยไม่ต้องแบ่งผลกำไร ใช้งบลงทุนที่ไม่สูง ซึ่งรูปแบบของร้านแบ่งเป็น 2 รูปแบบ คือ 1.บีเจซีจะใช้เครือข่ายของบิ๊กซีเป็นคนจำหน่ายสินค้าให้กับร้านค้าในชุมชน 2.นำเอาระบบ POS ที่พัฒนาขึ้นเข้าไปเสริมแกร่งธุรกิจให้กับร้านโชห่วย โดยจะใช้เครือข่ายสาขาของบิ๊กซีที่มีอยู่ทั่วประเทศเข้ามาเป็นเครือข่ายในการกระจายสินค้า ให้ทำให้ผู้ประกอบการมีความสะดวกมากขึ้น
นอกจากนี้บริษัทยังมีพันธมิตรกว่า 30 บริษัทหลากหลายแบรนด์ที่จะเสริมแกร่งให้ร้านโดนใจมีสินค้าและผลิตภัณฑ์วางจำหน่ายที่ตรงใจลูกค้า ตลอดจนพันธมิตรในกลุ่มสถาบันการเงิน ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน และ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เพื่อต่อยอดในการสร้างทุนให้กับผู้ประกอบการที่สนใจที่จะเปิดร้านโดนใจในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ
ขณะนี้มีร้านโชห่วยเข้าร่วมโมเดลธุรกิจร้านโดนใจแล้วกว่า 1,200 ร้านค้า โดยในปี 2566 นี้ บีเจซีเตรียมกางโรดแมปออนทัวร์ลงพื้นที่ทั่วไทย ประเดิมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ ภาคใต้ ในไตรมาสแรกของปี โดยวางเป้าเปิดร้านโดนใจที่ 8,000 ร้านค้า และเติบโตสู่ 30,000 ร้านค้า ภายในปี 2570
"ธุรกิจนี้ส่วนหนึ่งคือ CSR แต่บริษัทก็จะได้รับยอดขายที่ส่งกลับมาด้วย ซึ่งจากข้อมูลร้านโชห่วยทั่วประเทศที่มีกว่า 400,000 ร้านค้า การเข้าไปพัฒนายังมีโอกาสอีกมาก ที่สำคัญโมเดลของบริษัทก็คือยังให้ผู้ประกอบการเป็นเจ้าของร้านอยู่"
@ติดโซลาร์รูฟลดค่าไฟ
นอกจากนี้บริษัทยังได้เดินหน้าในการลดภาระค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้นด้วยการติดโซลาร์รูฟ ซึ่งมีบริษัทติดตั้งโซลาร์ลงทุนให้และนำค่าใช้จ่ายที่ประหยัดได้มาแบ่งกัน สอดคล้องกับแนวนโยบายของบริษัทที่ต้องการลดโลกร้อนเพื่อการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ที่ผ่านมา บีเจซี ได้รับคะแนนดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (DJSI) สูงสุดของโลก ในกลุ่มอุตสาหกรรม Food & Staples Retailing ติดดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ต่อเนื่องปีที่ 2 ด้วยคะแนนรวม 89 คะแนน ซึ่งเป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการนำแนวทางการพัฒนาอย่างความยั่งยืนมาขับเคลื่อนธุรกิจ โดยสร้างสมดุลระหว่างเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม ภายใต้หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี
ทั้งนี้ BJC ตั้งเป้าบรรลุเป้าหมาย Net Zero ให้ได้ในปี 2050 โดยวางนโยบายการพัฒนาอย่างต่อเนื่องทั้งในเรื่องสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการจัดการกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การสร้างคุณค่าเพิ่มให้กับสังคมและผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน