"โต เลิม" ถึงเกาหลีเหนือแล้ว ทั่วโลกจับตา เวียดนามต้องการอะไร?

“โต เลิม” เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม เริ่มต้นการเยือนเกาหลีเหนือเป็นเวลา 3 วัน เริ่มตั้งแต่วันนี้ (9 ต.ค.) ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าเป็นการเดินทางที่สะท้อนความพยายามของเวียดนามในการ “ถ่วงดุลความสัมพันธ์” กับประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาค ท่ามกลางบรรยากาศความตึงเครียดที่ยังคงดำเนินอยู่
โต เลิม เดินทางเยือนกรุงเปียงยาง ตามคำเชิญพิเศษของ คิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ โดยการเยือนครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 18 ปีของผู้นำเวียดนาม และตรงกับพิธีสวนสนามทางทหาร เพื่อฉลองวาระครบรอบ 80 ปี การก่อตั้งพรรคแรงงานเกาหลี ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของเกาหลีเหนือ
กระทรวงการต่างประเทศเวียดนามยืนยันรายงานจากสำนักข่าวทางการเกาหลีเหนือ KCNA ว่าการเชิญครั้งนี้เป็นคำเชิญโดยตรงจากคิม จอง-อึน เพื่อเป็นการแสดงมิตรภาพพิเศษระหว่างสองประเทศ ซึ่งปี 2025 ยังถือเป็นวาระครบรอบ 75 ปีแห่งความสัมพันธ์ทางการทูต ระหว่างเวียดนามและเกาหลีเหนือด้วย
ผู้นำเวียดนามคนสุดท้ายที่เคยเยือนกรุงเปียงยางคือ “หน่ง ดึ๊ก หมั่น” ที่เดินทางเยือนเมื่อปี 2007 ซึ่งเป็นการเยือนครั้งแรกของเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม นับตั้งแต่สมัยอดีตประธานาธิบดี “โฮจิมินห์” ในปี 1957
ประธานสถาบันวิจัยทางการเมือง VietKnow ในกรุงฮานอย กล่าวกับ This Week in Asia ว่า ช่วงเวลาห่างเกือบ 20 ปี ระหว่างการเยือนสองครั้งสะท้อนถึง “ความระมัดระวังทางการทูต” และการเปลี่ยนแปลงของสมการภูมิรัฐศาสตร์ในเอเชีย
เขากล่าวว่า การเลือกเวลาเยือนให้ตรงกับวันสำคัญของพรรคแรงงานเกาหลี เป็นการส่งสัญญาณว่าเวียดนามต้องการ “ยืนยันมิตรภาพเก่าแก่” และ “รักษาสมดุลความสัมพันธ์ในภูมิภาค” ท่ามกลางแรงดึงรั้งจากมหาอำนาจ การเยือนครั้งนี้น่าจะมุ่งเน้นด้านความสัมพันธ์ทางการเมืองและวัฒนธรรม มากกว่าการลงนามข้อตกลงทางการค้าหรือการทหาร
แม้ทั้งสองประเทศจะมีรากฐานจากลัทธิคอมมิวนิสต์ร่วมกัน แต่ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างเวียดนามกับเกาหลีเหนือยังคงมีอยู่อย่างจำกัด เพราะเกาหลีเหนือถูกคว่ำบาตรจากนานาชาติเนื่องจากโครงการอาวุธนิวเคลียร์
หลังสงครามเวียดนามในปี 1975 ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองฝ่ายเคยถดถอยลง เพราะมีความเห็นไม่ตรงกันด้านนโยบายต่างประเทศและแนวทางเศรษฐกิจ
ต่อมาในช่วงต้นทศวรรษ 2000 ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ เริ่มกลับมาดีขึ้น โดยเฉพาะหลังจากการเยือนเวียดนามของ คิม จอง-อึน ในปี 2019 เพื่อร่วมการประชุมสุดยอดกับ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเวลานั้น
การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เกาหลีเหนือปิดประเทศนานกว่า 3 ปี ส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศหยุดชะงักชั่วคราว แต่เกาหลีเหนือยังคงเปิดสถานทูตในกรุงฮานอยไว้ ซึ่งสะท้อนถึงความสัมพันธ์ที่ยัง “เหนียวแน่นเชิงสัญลักษณ์”
นักวิชาการอาคันตุกะ ที่ Boston College ซึ่งศึกษาเกี่ยวกับความมั่นคงของเอเชียตะวันออก เผยว่าเกาหลีเหนือในปัจจุบันต้องการดึงรายได้เข้าประเทศผ่านการท่องเที่ยว โดยเพิ่งเปิดรีสอร์ตตากอากาศ วอนซาน-คัลมา และให้ความสำคัญกับการดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะ “นักท่องเที่ยวชาวเวียดนาม” ซึ่งรัฐบาลเกาหลีเหนือมองว่า ไม่มีความเสี่ยงทางการเมือง
ทั้งนี้ เขาและนักวิเคราะห์รายอื่นเห็นตรงกันว่า การหารือเรื่อง “การค้าหรืออาวุธ” ไม่น่าจะเกิดขึ้น เนื่องจากเวียดนาม ไม่ต้องการละเมิดมาตรการคว่ำบาตรระหว่างประเทศ ที่มีต่อเกาหลีเหนือ
ฮู เชียวผิง ผู้ร่วมก่อตั้งและนักวิจัยอาวุโสแห่ง East Asian International Relations Caucus ระบุว่า ตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมา เวียดนามมุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจภายในประเทศ จึงลดน้ำหนักด้านความร่วมมือทางทหารกับเกาหลีเหนือ โดยเฉพาะภายใต้แรงกดดันจากนานาชาติต่อโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ แต่การเยือนครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ โต เลิม เป็นผู้นำคนใหม่ของเวียดนามเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และตามหลังการเยือนของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ทั้งในเกาหลีเหนือและเวียดนามเมื่อปีก่อน
แม้ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามและเกาหลีเหนือจะเคยอยู่ในจุดตกต่ำที่สุด หลังการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ-เกาหลีเหนือในปี 2019 ล้มเหลว และจากกรณีหญิงชาวเวียดนามมีส่วนพัวพันในการลอบสังหาร คิม จอง-นัม พี่ชายต่างมารดาของคิม จอง-อึน ที่มาเลเซียในปี 2017 แต่ความสัมพันธ์ระหว่างสองชาติยังคง “ยืดหยุ่น” โดยสถานทูตเวียดนามในเปียงยางยังคงเปิดดำเนินงานแม้ในช่วงที่ประเทศส่วนใหญ่ถอนเจ้าหน้าที่ออกในช่วงโควิด-19
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
