‘อีลอน มัสก์’ ชี้จะยกเลิกแบน ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ในทวิตเตอร์
นายอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีหมายเลขหนึ่งของโลก ระบุว่า ทวิตเตอร์จะยกเลิกคำสั่งแบนการใช้งานของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หากการซื้อทวิตเตอร์ของเขาบรรลุผลสำเร็จเป็นที่เรียบร้อย
มัสก์กล่าวว่า การสั่งระงับบัญชีทวิตเตอร์ของทรัมป์หลังเกิดเหตุจลาจลบุกรัฐสภาสหรัฐเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2564 ถือเป็นการตัดสินใจที่แย่ในทางศีลธรรมและโง่เขลาอย่างยิ่ง
“ผมคิดว่ามันเป็นความผิดพลาดเพราะมันสร้างความแตกแยกขึ้นมากมายในประเทศ และในท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้ทำให้โดนัลด์ ทรัมป์ เงียบเสียงได้”มัสก์กล่าว และว่า เขาจะเลือกการระงับใช้บัญชีชั่วคราว และจะลงโทษเฉพาะเนื้อหาที่ผิดกฎหมายหรือไม่ใช่นั้นก็เป็นเนื้อหาที่ส่งผลทำลายล้างโลก
ราคาหุ้นของทวิตเตอร์เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม ลดลง 1.5% ลงมาอยู่ที่ 47.24 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น ซึ่งถือว่าต่ำกว่าข้อเสนอที่ 54.20 ดอลลาร์ต่อหุ้น ที่คิดเป็นมูลค่า 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐของมัสก์ในวันที่ 14 เมษายนที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงความวิตกกังวลของตลาดหุ้นต่อข้อตกลงที่ยังคงไม่สำเร็จเสร็จสิ้น
มัสก์มักจะวิพากษ์วิจารณ์การตัดสินใจในการควบคุมเนื้อหาของทวิตเตอร์อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งรวมถึงการสั่งห้ามระงับบัญชีของทรัมป์ที่ยุยงให้ใช้ความรุนแรง แต่มักจะหลีกเลี่ยงการพูดถึงสิ่งที่เขาจะดำเนินการเกี่ยวกับบัญชีของทรัมป์ในช่วงก่อนหน้านี้
นายปีเตอร์ แคมเบล ศาสตราจารย์ด้านจริยธรรมเทคโนโลยีของมหาวิทยาลัยนอเทรอดาม กล่าวว่า ถ้ามัสก์กังวลว่าหลายคนไม่พอใจที่บัญชีทวิตเตอร์ของทรัมป์ถูกแบน เขาก็ควรจะดูด้วยว่ามีคนอีกกี่คนที่ไม่พอใจว่าไม่ได้มีการสั่งระงับบัญชีของทรัมป์ ดูเหมือนว่ามัสก์จะยังคงกังวลเกี่ยวกับความคิดเห็นของคนกลุ่มเล็กๆ ที่ปลุกระดมให้มีการใช้ความรุนแรง หรือใช้คำพูดเพื่อสร้างความเกลียดชังต่อไป
ก่อนหน้านี้ทรัมป์เคยระบุว่า เขาจะไม่กลับไปใช้ทวิตเตอร์อีกครั้งแม้ว่าจะได้รับการยกเลิกการระงับบัญชีก็ตาม โดยจะมุ่งเน้นไปที่แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย Truth Social ของตนเอง ซึ่งประสบปัญหาตั้งแต่เปิดตัวเมื่อต้นปีนี้
ขณะที่มัสก์กล่าวถึงประเด็นดังกล่าวว่าการที่ทำจะหันไปใช้ Truth Social พร้อมกับคนกลุ่มใหญ่ที่มีแนวคิดทางการเมืองแบบเดียวกัน จะยิ่งทำให้เกิดสถานการณ์ที่เลวร้ายมากกว่าการมีเวทีเดียวที่ทุกคนสามารถถกเถียงกันได้
ด้านโฆษกของทรัมป์และทวิตเตอร์ต่างปฏิเสธที่จะให้ความเห็นใดๆ เกี่ยวกับท่าทีล่าสุดของมัสก์ดังกล่าว
คำประกาศของมัสก์ยังทำให้เกิดคำถามว่าผู้ที่ถูกแบนบัญชีทวิตเตอร์นอกเหนือจากทรัมป์ เนื่องจากมีการใช้คำพูดแสดงความเกลียดชัง จะได้รับโอกาสให้กลับมาใช้งานบัญชีทวิตเตอร์ของตนเองอีกครั้งหรือไม่ด้วย