รีเซต

สิ้น ต.ค.ยอดโควิดอาจเหลือวันละ 5 พัน จากนั้นเตรียมรับมือ ชี้หมดแรงเหวี่ยงล็อกดาวน์ หวั่นกลายพันธุ์

สิ้น ต.ค.ยอดโควิดอาจเหลือวันละ 5 พัน จากนั้นเตรียมรับมือ ชี้หมดแรงเหวี่ยงล็อกดาวน์ หวั่นกลายพันธุ์
ข่าวสด
28 กันยายน 2564 ( 16:57 )
57
สิ้น ต.ค.ยอดโควิดอาจเหลือวันละ 5 พัน จากนั้นเตรียมรับมือ ชี้หมดแรงเหวี่ยงล็อกดาวน์ หวั่นกลายพันธุ์

สิ้น ต.ค.ยอดโควิดอาจเหลือวันละ 5 พัน จากนั้นเตรียมรับมือ ชี้หมดแรงเหวี่ยงล็อกดาวน์ ต้องทำให้พยากรณ์ใม่เป็นจริง หวั่นคลัสเตอร์ใหญ่-เชื้อกลายพันธุ์

 

 

วันที่ 28 ก.ย.64 นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงสถานการณ์โรคโควิด-19 ว่า ขณะนี้อยู่ในช่วงขาลง เป็นผลมาจากมาตรการล็อกดาวน์ก่อนหน้านี้ ผู้ป่วยหนักและผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจลดลงตามลำดับ จากก่อนหน้านี้ 4- 5 พันรายต่อวัน ล่าสุด 3 พันรายต่อวัน มีการประมาณการณ์ว่าจะมีผู้ติดเชื้อราวๆ 5 พันรายต่อวันก่อนสิ้น ต.ค.นี้

 

 

อย่างไรก็ตาม เป็นการประเมินตามหลักคณิตศาสตร์ แต่ยังมีหลายปัจจัยที่จะทำให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น คือการติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อน (คลัสเตอร์) และเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ และมีการประเมินฉากทัศน์ว่าจะกระดกขึ้นหลัง ต.ค. เพราะหมดแรงเหวี่ยงของช่วยล็อกดาวน์ จึงต้องทำให้การพยากรณ์นี้ไม่เป็นจริง โดยสิ่งที่เราต้องทำไม่ว่าจะเรื่องการป้องกันตัวเอง การตรวจ ATK มาตรการโควิด ฟรี เซ็ตติ้ง คาดว่าน่าจะกดการติดเชื้อลงได้

 

 

ถ้าถามว่าก่อนหน้านี้ก็ทำ แต่ทำไมไม่ลดลง ต้องบอกว่าตอนนี้บริบทเปลี่ยนไป 2 เดือนก่อนการติดเชื้อไม่ลดลง เพราะความครอบคลุมของวัคซีนต่ำกำลังเลยไม่เสริมกัน แต่วันนี้อัตราการฉีดวัคซีนของไทยครอบคลุมสูงขึ้น วัคซีนไทยเริ่มที่ 11% อัตราการป่วยหนักก็เริ่มลดลง ซึ่งตอนนี้คนไทยเกือบ 50% ได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 เข็ม ส่วนเข็ม 2 ฉีดแล้วครึ่งหนึ่งของคนฉีดเข็ม 1 คาดว่าภายในสิ้น ต.ค.นี้ สัดส่วนการฉีดวัคซีนเข็ม 1 เท่ากับ 60% เข็ม 2 อยู่ที่ 50% ถ้าสิ้น ธ.ค. ตามเป้าหมายคือเข็ม 1 จำนวน 80 % และเข็ม 2 จำนวน 70% เท่ากับอารยประเทศ เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้

 

 

“ปัจจัยที่จะทำให้ผู้ติดเชื้อเหวี่ยงขึ้นไปอีก คือ เกิดคลัสเตอร์ใหญ่ และเชื้อกลายพันธุ์ ซึ่งตอนล็อกดาวน์เหมือนเราเตะเข้าเป้าไปแล้ว ตามด้วยการฉีดวัคซีนทำให้เปลี้ยลง และเตะตัดขาด้วย ATK ทำให้เชื้อไวรัสเริ่มอ่อนกำลังลง แต่เราก็มีการ์ดป้องกันตัวเอง และโควิดฟรีเซ็ตติ้งคือระยะห่างที่ทำให้ไวรัสชกเราได้ยาก ดังนั้น เราก็จะอยู่กับมันไปอย่างนี้ แต่มันเตี้ยลงทุกวันๆ คลัสเตอร์ใหญ่ๆ ก็เกิดได้ยาก ส่วนเรื่องการกลายพันธุ์ มีผู้เชี่ยวชาญระบุว่าไวรัสกลายพันธุ์ได้ระดับหนึ่งเท่านั้น น่าจะอยู่ร่วมกันได้โดยโรคไม่รุนแรง คาดว่าจะสามารถทรงระบบอย่างนี้ไปได้ คาดว่าต้นปีหน้า ราวๆ มี.ค. 2565 โรคน่าจะสงบพอสมควร ใกล้ภาวะปกติ แต่ประชาชนจะต้องสวมหน้ากากอนามัยต่อไปอีกระยะ” ปลัดสธ. กล่าว

 

 

นพ.เกียรติภูมิ กล่าวอีกว่า รูปแบบการติดเชื้อของเราจะเหมือนกับยุโรป เช่น อังกฤษ ที่ประชากรใกล้เคียง เราจะฉีดวัคซีนให้ใกล้เคียงเขา ซึ่งเดือนหน้าก็จะเท่ากัน บวกกับมีมาตรการควบคุมป้องกันโรคเต็มที่ รูปแบบเราก็จะเป็นเหมือนยุโรป กะว่ามีการติดเชื้อไม่เกิน 5 พันคนต่อวัน สามารถดูแลได้ และไม่มีการป่วยหนัก เสียชีวิตจำนวนมาก อัตราการติดเชื้อและเสียชีวิตไม่มากไปกว่าไข้หวัดใหญ่ อย่างไรก็ตาม ในระยะนี้ที่การติดเชื้ออยู่ในช่วงขาลง แต่จะเห็นอัตราการติดเชื้อยังเหวี่ยงหลักพันกับหลักหมื่นอยู่

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง